ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลอาญา 4 รายถูกซ้อมทรมานเพื่อรีดข้อมูล เรียกร้อง คสช.-ทหารหยุดใช้กฎอัยการศึกควบคุมตัวบุคคล จี้ สตช.สอบสวน นำตัวคนซ้อมมาลงโทษ
18 มี.ค.2558 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์เรียกร้องคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติสอบสวนการทรมานผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลอาญาระหว่างถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก
แถลงการณ์ระบุว่า ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ต้องหา 4 รายที่ถูกจับกุมในคดีระเบิดศาลอาญา โดยได้รับแจ้งว่าถูกซ้อมทรมานจากการชกต่อย กระทืบบริเวณศีรษะ ทรวงอก หลัง และถูกข่มขู่ว่าทำร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล แถลงการณ์ระบุว่ามีผู้ต้องหาบางรายถูกช็อตด้วยไฟฟ้า โดยยังคงปรากฏร่องรอยบริเวณผิวหนัง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 ถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ระหว่างวันที่ 9-15 มีนาคมที่ผ่านมา
ในแถลงการณ์ยังระบุถึงความกังวลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนต่อการใช้อำนาจควบคุมตัวบุคคลตามกฎอัยการศึก โดยปราศจากสิทธิในการแจ้งญาติ สิทธิในการเข้าถึงทนายความเป็นระยะเวลาเจ็ดวัน และการไม่เปิดเผยสถานที่ควบคุมตัวโดยเฉพาะหลังการรัฐประหารเป็นต้นมา ทำให้ขาดความโปร่งใส และสุ่มเสี่ยงในการใช้อำนาจโดยอำเภอใจ การซ้อมทรมาน ปฏิบัติโหดร้ายทารุณ บังคับสูญหาย
แถลงการณ์ระบุว่า การซ้อมทรมานผู้ถูกควบคุมตัวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และละเมิดต่อพันธกรณีตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีในการปฏิบัติตามมาตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2550
นอกจากนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมีข้อเรียกร้องต่อ คสช. กรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเรียกร้องให้ คสช.และทหารให้ยุติการใช้อำนาจกฎอัยการศึกในการนำบุคคลผู้กระทำความผิดมาลงโทษ โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้ขั้นตอนตามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในการออกหมายจับ การสอบสวนและการดำเนินคดีได้อยู่แล้ว
สำหรับข้อเรียกร้องต่อกรมราชทัณฑ์ ขอให้ผู้ต้องหาได้พบแพทย์ซึ่งเป็นกลางและเป็นอิสระ ตรวจร่างกายและจิตใจของผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย รวมถึงผู้ต้องหารายอื่นๆ อีก 5 รายในคดีเดียวกัน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการถูกซ้อมทรมาน และขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสอบสวน เก็บพยานหลักฐาน ร่องรอยในการทำร้ายร่างกายผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
รายละเอียดแถลงการณ์
แถลงการณ์เรียกร้องให้มีการสอบสวนการทรมานผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลอาญา
และยุติการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก
เผยแพร่วันที่ 17 มีนาคม 2558
ตามที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดหน้าศาลอาญาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2558 และมีการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีดังกล่าว 9 รายนั้น วันนี้ (17 มีนาคม 2558) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่ นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายนรพัฒน์ เหลือผล และนายวิชัย อยู่สุข ว่ามีการซ้อมทรมานผู้ต้องหาทั้งสี่รายโดยการชกต่อย การกระทืบบริเวณศีรษะ ทรวงอก หลัง และข่มขู่ว่าจะทำร้ายเพื่อให้ได้ซึ่งข้อมูลจากผู้ต้องหาดังกล่าว นอกจากนี้ผู้ต้องหาบางรายยังโดนช็อตด้วยไฟฟ้าและยังคงปรากฏร่องรอยดังกล่าวบริเวณผิวหนัง ระหว่างการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ระหว่างวันที่ 9 มีนาคม 2558 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนห่วงกังวลถึงการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกในการควบคุมตัวบุคคลโดยที่ผู้ถูกควบคุมตัวปราศจากสิทธิในการแจ้งญาติ สิทธิในการเข้าถึงทนายความเป็นระยะเวลาเจ็ดวัน และที่ผ่านมาการควบคุมตัวภายใต้กฎอัยการศึกภายหลังมีการรัฐประหารมักไม่เปิดเผยสถานที่ในการควบคุมตัว ทำให้ขาดความโปร่งใส ปราศจากการตรวจสอบโดยองค์กรใดๆ รวมถึงกรณีล่าสุดในการใช้อำนาจควบคุมตัวนางสาวณัฏฐธิดา มีวังปลา ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่ามีการควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหาร การควบคุมตัวบุคคลภายใต้ตามกฎอัยการศึก จึงมีความสุ่มเสี่ยงในการใช้อำนาจโดยอำเภอใจ การซ้อมทรมาน ปฏิบัติโหดร้ายทารุณ บังคับสูญหาย ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว รวมถึงการซ้อมทรมานผู้ถูกควบคุมตัวซึ่งถือว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และละเมิดต่อพันธกรณีตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีในการปฏิบัติตามมาตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2550
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนจึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้
ขอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ทหารยุติการใช้อำนาจกฎอัยการศึก ในการนำบุคคลผู้กระทำความผิดมาลงโทษ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้ขั้นตอนตามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในการออกหมายจับ การสอบสวนและการดำเนินคดีได้อยู่แล้ว
ขอให้กรมราชทัณฑ์ซึ่งเป็นสถานที่ในการควบคุมตัวผู้ต้องหาในปัจจุบันจัดให้ผู้ต้องหาได้พบแพทย์ซึ่งเป็นกลางและเป็นอิสระตรวจร่างกายและจิตใจของผู้ต้องหาทั้งสี่ราย รวมถึงผู้ต้องหารายอื่นๆ ในคดีเดียวกันซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการถูกซ้อมทรมานในช่วงเวลาตามกฎอัยการศึก
ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสอบสวน เก็บพยานหลักฐาน ร่องรอยในการทำร้ายร่างกายผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
ด้วยความเคารพต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน