Skip to main content
sharethis

สำหรับชาวเกาหลีเหนือผู้หลบหนีออกจากประเทศตนเองไปยังเกาหลีใต้ เป็นเพียงการเปิดบทใหม่ของการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น หลายคนอาจจะเลือกเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนที่ปักหลักในเกาหลีใต้จนประสบความสำเร็จเช่นกรณีของคิมแดซุง ผู้ต้องการช่วยเหลือผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือรายอื่นๆ ด้วย


27 มี.ค. 2558 สำนักข่าวโกลบอลโพสต์รายงานเกี่ยวกับชายชาวเกาหลีเหนือชื่อคิมแดซุง ผู้อพยพหลบหนีจากประเทศเผด็จการที่ตนอยู่ไปสู่ประเทศเกาหลีใต้ แล้วสามารถดำเนินธุรกิจจนสำเร็จได้

นับตั้งแต่ช่วงคริสตทศวรรษที่ 1990 มีผู้อพยพออกจากเกาหลีเหนือหลายคนข้ามแม่น้ำไปสู่ประเทศจีน หลายคนใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยการเป็นชาวนาและเป็นคนงานก่อสร้าง บ้างก็ถูกส่งตัวกลับประเทศเกาหลีเหนือจนต้องถูกจองจำและทารุณกรรม บางคนถูกลอบส่งตัวไปยังมองโกเลียและประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำให้พวกเขาขอพักพิงกับสถานกงสุลเกาหลีใต้ในประเทศเหล่านั้นได้ แต่เมื่อพวกเขาได้เข้าไปในเกาหลีใต้แล้วก็ยังต้องเผชิญกับการเหยียดแบบเหมารวมและความยากลำบากจากการทำงานในโรงงานหรือในฟาร์ม

อย่างไรก็ตามมีชาวเกาหลีเหนือคนหนึ่งชื่อคิมแดซุง อายุ 43 ปี เป็นชาวเกาหลีเหนือน้อยคนที่สามารถทำธุรกิจของตนเองในเกาหลีใต้แล้วประสบความสำเร็จ เขาเป็นเจ้าของบริษัทผลิตหมวกเบสบอลและสินค้าอุปโภคอื่นๆ นอกจากนี้คิมแดซุงยังเปิดเผยว่าเขาต้องการช่วยเหลือชาวเกาหลีเหนือที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยการเปิดสถาบันทางการเงินเล็กๆ เพื่อช่วยเหลือชาวเกาหลีเหนือผู้อยู่กับความยากจนมานาน

ก่อนหน้านี้ในปี 2551 คิมแดจุงได้ตั้งสถาบันชื่อ คณะทำงานเพื่อผู้ลี้ภัยเกาหลีเหนือ (Working North Korea Refugees) ซึ่งสามารถให้เงินกู้ยืมแก่ธุรกิจต่างๆ ได้โดยเฉลี่ยแหล่งละ 45,000 ดอลลาร์ พวกเขาสนับสนุนทั้งผู้ที่ต้องการเปิดร้านขายของชำ บริษัทพลาสติก หรือศูนย์การแพทย์แผนตะวันออก คิมแดซุงบอกว่ามีช่องว่างต่างกันมากระหว่างชาวเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ ชาวเกาหลีเหนือมักจะไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี และมีชาวเกาหลีเหนือราวร้อยละ 3 เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ

คิมแดซุงเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจเปิดธุรกิจในเกาหลีใต้ว่าเนื่องจากเขาเรียนรู้มาตลอดว่าถ้าไม่ขายของก็จะอดตาย เขาเล่าว่าช่วงวัยรุ่นเขาเคยต้องขายบุหรี่และเหล้ามาก่อนเพราะไม่ได้รับส่วนแบ่งอาหารมากพอซึ่งในตอนนั้นชาวเกาหลีเหนือมีความต้องการสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้นมากเนื่องจากทำให้พวกเขาได้ปลดปล่อยจากความรู้สึกทุกข์ยาก

คิมแดซุงเล่าว่าหลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิตในปี 2540 แล้วถูกทิ้งศพกองไว้ที่สถานีรถไฟในท้องถิ่นเขาก็ตัดสินใจหนีข้ามแม่น้ำไปจีน เขาเดินทางต่อไปไทย และเข้าไปถึงเกาหลีใต้ได้ในปี 2543 ความอดอยากคร่าชีวิตชาวเกาหลีเหนือไปหลายแสนคนจนทำให้เกิดตลาดมืดขึ้นมา และการค้าในตลาดมืดนี่เองที่ทำให้ชาวเกาหลีเหนือบางคนค้าขายเป็น เนื่องจากในเกาหลีเหนือมีการสั่งห้ามเป็นเจ้าของบริษัทจึงมีแต่ผู้ที่ค้าขายได้ในตลาดมืดเท่านั้น เมื่อไม่นานมานี้ยังมีชาวเกาหลีเหนือที่หลบหนีจากประเทศบางคนหากินด้วยการค้าเถื่อน ใกล้กับชายแดนจีน

แดเนียล ทิวดอร์ ผู้ร่วมเขียนหนังสือเรื่อง "North Korea Confidential: Private Markets, Fashion Trends, Prison Camps, Dissenters and Defectors" ระบุว่ามีคนค้าข้าวที่คอยฟังวิทยุต่างประเทศว่ามีเรือขนส่งให้ความช่วยเหลือเข้าเทียบท่าหรือยัง เมื่อเรือเข้าเทียบท่าแล้วเขาจะรีบไปขายข้าวให้ได้เร็วที่สุดก่อนที่ราคาจะตก เรื่องนี้ทำให้พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับโลกของทุนนิยม

คิมแดซุงบอกว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดคือเสรีภาพในการจะทำสิ่งต่างๆ เสรีภาพในการใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ชาวเกาหลีเหนือไม่มีสิ่งเหล่านี้เพราะเกาหลีเหนือเป็นสังคมปิด แต่การที่พวกเขาได้เรียนรู้เรื่องเสรีภาพในเกาหลีใต้ทำให้พวกเขาพัฒนาขึ้น

 

เรียบเรียงจาก

This North Korean is getting rich off capitalism, Globalpost, 26-03-2015
http://www.globalpost.com/article/6502237/2015/03/25/north-korean-getting-rich-capitalism

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net