แถลงการณ์สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งตรวจสอบการหายตัวไปของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยง
(กรุงเทพมหานคร 16 เมษายน 2558) – สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงความกังวลอีกครั้งต่อการไร้ความคืบหน้าในการสืบสวนกรณีที่ นายพอละจี รักษ์จงเจริญ (หรือที่รู้จักกันว่าบิลลี่) นักต่อสู้เพื่อสิทธิชาวกะเหรี่ยงถูกบังคับให้สูญหาย
วันพรุ่งนี้หรือวันที่ 17 เมษายน 2558 จะเป็นวันครบรอบหนึ่งปีการหายตัวไปของบิลลี่ผู้มีบทบาทในการต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชนกะเหรี่ยงในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในจังหวัดเพชรบุรี
มีผู้พบเห็นบิลลี่ครั้งสุดท้ายระหว่างการเดินทางกลับจากการประชุมกับตัวแทนชุมชนเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับคดีการเผาบ้านเรือน และทรัพย์สินของชาวบ้านกะเหรี่ยงโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติฯ ในปี 2553 และปี 2554 ไม่มีใครทราบว่าชะตากรรมของบิลลี่เป็นอย่างไรและตอนนี้อยู่ที่ไหนตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
คณะทำงานของสหประชาชาติว่าด้วยการหายสาบสูญโดยถูกบังคับหรือการหายสาบสูญโดยไม่สมัครใจได้ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด ณ ปัจจุบันข้อมูลที่รัฐบาลไทยมอบแก่คณะทำงานฯ กรณีบิลลี่ไม่เพียงพอที่คณะทำงานฯ จะวินิจฉัยชะตากรรมและสถานะของบิลลี่ได้ ดังนั้นคดีนี้ยังคงอยู่ในการตรวจสอบของคณะทำงานฯ
แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ระบุว่าการรายงานข่าวความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีนี้มีข้อมูลใหม่ชี้ว่าบิลลี่ไม่ได้ถูกปล่อยตัวจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ หลังถูกจับในข้อกล่าวหาว่ามีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครองอย่างผิดกฎหมาย ข้อมูลนี้ขัดแย้งกับคำให้การก่อนหน้านี้ของอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติฯ ที่กล่าวว่า บิลลี่ถูกควบคุมตัวเพียงระยะเวลาสั้นๆ
ตามข้อมูลใหม่ที่ได้มานี้ สำนักข้าหลวงใหญ่ฯ เรียกร้องรัฐบาลไทยในฐานะที่ได้ลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ จัดสรรทรัพยากรอย่างเพียงพอ และเสริมสร้างความพยายามในการสืบสวนสอบสวนอย่างโปร่งใสและละเอียดรอบด้านในคดีนี้ นอกเหนือจากนี้รัฐบาลไทยควรจะมีมาตรการที่รับรองว่าพยานที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนจะได้รับการคุ้มครองจากการถูกข่มขู่ คุกคาม และแก้แค้น สำนักข้าหลวงใหญ่ฯ ยังเสนอแนะให้รัฐบาลไทยแจ้งผลการสืบสวนสอบสวนล่าสุดแก่ครอบครัวของบิลลี่และคณะทำงานของสหประชาชาติฯ อีกด้วย
การหายตัวไปของบิลลี่ได้คุกคามนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนคนอื่นๆ โดยเฉพาะบุคคลที่ทำงานประเด็นสิทธิที่ดิน สิทธิชุมชน และสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการคุ้มครองอย่างเต็มที่เพื่อให้บุคคลและกลุ่มบุคคลนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนเหล่านี้สามารถดำเนินงานและกิจกรรมได้อย่างปลอดภัย