นายกสมาคมประมงแห่งประเทศไทยเห็นด้วยรัฐบาลตั้งชุดเฉพาะกิจแก้ปัญหาอียูให้ใบเหลืองไทย ขณะที่มูลนิธิ LPN เดินหน้าช่วยเหลือแรงงานประมงไทยและต่างด้าวที่ยังตกค้างรอการช่วยเหลือที่อินโดนีเซีย

 

ในระหว่างที่สถานทูตไทย ณ.กรุงจาร์กาตาร์เร่งออกหนังสือ เพื่อส่งตัวแรงงานกว่า 400 คนกลับไทย นายสมพงษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน หรือ LPN เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือลูกเรือของมูลนิธิฯ ได้ติดตามการช่วยเหลือแรงงานทั้งหมด รวมทั้งบริษัทเรือประมงว่าต้องการให้แรงงานกลับภูมิลำเนาหรือไม่ ระหว่างรอความชัดเจนการเปิดสัมปทานเดินประมงของอินโดนีเซีย ซึ่งในสิ้นเดือนนี้จะทราบความชัดเจน หากเปิดให้เดินเรือต่อได้ แรงงานบางส่วนอาจอยู่ทำงานต่อ อีกทั้งต้องวิเคราะห์ด้วยว่า กลุ่มที่ตกค้างอีกพันคน รัฐบาลอินโดนีเซียจะดำเนินการอย่างไร หลังได้ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารทั้งเรือและแรงงานประมงแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า จะเดินทางไปอินโดนีเซียในเร็วๆนี้ เพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยที่ต้องการกลับบ้าน

 

ด้านนายกสมาคมประมงแห่งประเทศไทย เห็นด้วยกับการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจแก้ปัญหาที่สหภาพยุโรป(อียู) ให้ใบเหลืองธุรกิจส่งออกประมงไทย แต่คณะกรรมการชุดนี้ต้องมีภาคเอกชนร่วมทำงานด้วยเพื่อความรวดเร็วในการแก้ปัญหา ทั้งนี้เห็นว่า สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือ การจัดระเบียบเรือประมง ทั้งติดตั้งวีเอ็มเอส และควบคุมเครื่องมือทำประมงตามที่อียูได้กำหนดไว้ ส่วนระยะยาว ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่ทางภาครัฐได้ออกกฎเกณฑ์ไว้

 

(ครอบครัวข่าว, 23/04/2558)

 

 

นายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ เปิดเผยหลังจากเดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจนายวุฒิพล สิงห์ทอง นักกีฬาคนพิการทีมชาติ ที่ สน.บางกอกใหญ่ ว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายวุฒิพล หรือเดี่ยว สิงห์ทอง อายุ 30 ปี นักกีฬาคนพิการทีมชาติ พร้อมยาบ้า14 เม็ด หลังเจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อยาบ้าจำนวน 10 เม็ด บริเวณซอยพณิชยการธนบุรี 21แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ ก่อนจะขยายผลตรวจค้นที่บ้านพักพบยาบ้าอีก 4 เม็ด นั้น เรื่องดังกล่าว กกท. จะได้หารือกับสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางให้ความช่วยเหลืออย่างยั่งยืนให้กับกลุ่มนักกีฬาที่ติดทีมที่จบปริญญาตรีก็จะรับมาเป็นผู้ช่วยปฏิบัติงานโครงการฯของ กกท. และมีสิทธิ์สอบบรรจุเป็นพนักงาน กกท. ได้ตามปกติส่วนวุฒิการศึกษาไม่ถึงปริญญาตรี กองทุนฯ ก็จะสนับสนุนให้ศึกษาต่อให้จบปริญญาตรี หรือสนับสนุนการศึกษาทางเลือกเพื่อประกอบวิชาชีพตามความชอบและความถนัดของนักกีฬา

 

(ไอเอ็นเอ็น, 24/04/2558)

 

 

นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2557 ได้เห็นชอบการยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเห็นสมควรประกาศใช้กฎหมาย รวม 5 ฉบับ และให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557 ขณะนี้ร่าง พรบ. ทั้ง 5 ฉบับ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาแล้วได้ข้อยุติ

 

สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับการปรับเงินเดือนมีขั้นตอนดังนี้ (1) กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างรอให้กฎหมายมีผลใช้บังคับ (2) หน่วยงานกลางบริหารงานบุคคล เช่น สำนักงาน ก.พ. จะออกหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ  (3) ส่วนราชการก็จะออกคำสั่งการปรับเงินเดือนให้ข้าราชการผู้มีสิทธิ และ (4) กรมบัญชีกลางพร้อมจะเบิกจ่ายเงินให้ผู้มีสิทธิต่อไป

 

อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า ในส่วนของกรมบัญชีกลางได้เตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการตามนโยบายนี้เรียบร้อยแล้ว โดยได้ปรับปรุงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในส่วนของการจ่ายเงิน และปรับปรุงข้อมูลในฐานข้อมูลเงินเดือนของข้าราชการใหม่ทั้งหมด 

 

พร้อมทั้งทดสอบระบบเพื่อรองรับการเบิกจ่ายแล้ว นอกจากนี้ได้ซักซ้อมความเข้าใจกับบุคลากรของกรมเอง เพื่อเป็นพี่เลี้ยงให้กับเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการที่อาจเกิดปัญหา หรือไม่เข้าใจเกี่ยวกับการปรับขึ้นเงินเดือนในครั้งนี้ 

 

“นโยบายการยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีผู้ที่ได้รับประโยชน์จำนวน 1.98 ล้านคน และใช้งบประมาณทั้งสิ้น 22,900 ล้านบาท กรมบัญชีกลางพร้อมดำเนินการทั้งเรื่องระบบงาน และบุคลากรไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อกฎหมายประกาศใช้ก็พร้อมปฏิบัติงานได้ทันที” นายมนัสกล่าว

 

(ประชาชาติธุรกิจ, 24/04/2558)

 

 

พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2558 โดยที่ประชุมได้มีการอภิปรายครอบคลุมเรื่องการสร้างความเข้มแข็งให้แก่แรงงานนอกระบบกลุ่มต่างๆ การสร้างหลักประกันความมั่นคงทางสังคม แผนปฏิบัติการระดับชาติ และระดับจังหวัด รวมทั้งวางโครงสร้างองค์ประกอบของศูนย์ประสานงานและสนับสนุนเครือข่ายแรงงานนอกระบบ และการสร้างความเข้มแข็งให้แก่แรงงานนอกระบบกลุ่มต่างๆ ต้องมีการทำงานเป็นเครือข่าย และมีการรวบรวมกำหนดฐานข้อมูลด้านต่างๆ ซึ่งจะนำไปขยายการสร้างเครือข่ายการทำงานของแรงงานนอกระบบให้มีความครอบคลุมในหลักประกันด้านอาชีพ รายได้ หลักประกันด้านสุขภาพและอาชีวอนามัย รวมทั้งการจัดระบบสวัสดิการชีวิตที่ดี

  

ทั้งนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบตั้งคณะอนุกรรมการประสานแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ และคณะอนุกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบจังหวัด เพื่อให้การบริหารจัดการแรงงานนอกระบบมีความต่อเนื่อง มีกลไกการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ และให้เครือข่ายแรงงานนอกระบบได้สื่อสารให้แรงงานนอกระบบได้ทราบถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเดินหน้าต่อ ‘งานนอกระบบ’ พร้อมทั้งจัดทำรายงานเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป

 

(มติชนออนไลน์, 24/04/2558)

 

 

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินธุรกิจขององค์กรภายใต้แผนฟื้นฟู โดยการยกเลิกเส้นทางบินในแต่ละแห่ง ซึ่งได้วิเคราะห์ตลาดอย่างละเอียดแล้ว และที่ผ่านมาได้ประชุมหารือร่วมกับนายสถานีทั่วโลก ในเส้นทางแต่ละแห่งที่ยกเลิก เช่น กรุงเทพ-มอสโคว์ มองว่าเป็นเส้นทางที่ไม่สามารถปรับตัวฟื้นตัวได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ บริษัทการบินไทยจะไม่มีการจ่ายเงินปันผล เนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการขาดทุนสะสมจากปีที่ผ่านมา 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการปีนี้ปรับตัวดีขึ้น แต่เชื่อว่าจะเห็นผลกำไรที่ชัดเจนในปี 2560 ตามแผนฟื้นฟูธุรกิจ

 

สำหรับบรรยากาศการประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นได้เรียกร้องให้การบินไทยยกเลิกการจ้างบริษัททนายความด้านแรงงาน ว่าไล่ฟ้องร้องพนักงานการบินไทย ซึ่งแต่ละปีมีมูลค่าการว่าจ้างกว่า 1,000 ล้านบาท หากการบินไทยเลิกจ้างในส่วนดังกล่าวได้จะทำให้มีรายได้เพิ่มปีละกว่า 1,000 ล้านบาท การจ้างบริษัทนอกตัดคลิปปิ้งข่าว ทั้ง ๆ ที่มีฝ่ายพีอาร์ดำเนินการ รวมถึงผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ได้ติเรื่องรสชาติอาหารการบินไทยต้องมีการปรับปรุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน

 

(ไอเอ็นเอ็น, 24/04/2558)

 

 

น.ส.วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ ที่ปรึกษาด้านหลักประกันทางสังคม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวในงานประชุมระดมความคิดเห็น "การบูรณาการระบบบำนาญของประเทศไทย" ว่า ปัจจุบันพบว่ามีผู้สูงอายุถึง 70% ที่ไม่มีหลักประกันทางการเงิน และระบบบำนาญของไทยมีการบริหารงานที่แยกออกจากกัน ทำให้ขาดความเชื่อมโยง และเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างกัน

 

โดย TDRI มีข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ เพื่อดูแลและกำกับหน่วยงานด้านบำเหน็จบำนาญ โดยออก พ.ร.บ.รองรับ และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งตั้ง โดยมีคณะกรรมการ 13 คน ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ส่วนกรรมการ 12 คน ได้แก่ อธิบดีกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ผู้อำนวยการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ผู้แทนในส่วนผู้ประกันตน ทั้งข้าราชการ ลูกจ้างและแรงงานนอกระบบส่วนละ 1 คน และผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การบริหารธุรกิจหรือการบัญชี 3 คน

 

ให้กรรมการมีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนงานในภาพรวมของบำเหน็จบำนาญให้สอดคล้องกัน พิจารณาอัตราบำนาญพื้นฐานและระบบบำเหน็จบำนาญโดยคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อและพิจารณาอายุเกษียณและปรับระบบบำเหน็จบำนาญให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร

 

(หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์, 25/04/2558)

 

 

นายวีระพงษ์ วงศ์แหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ แถลงข่าวคัดค้านการที่รัฐบาลมีแนวคิดจะยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2526 โดยไม่ให้ ขสมก. เป็นผู้ได้รับอนุญาตสัมปทานเส้นทางเดินรถโดยสาร โดยให้กรมการขนส่งทางบก เป็นผู้ถือใบอนุญาตนั้น

 

ทั้งนี้ นายวีระพงษ์ กล่าวว่า ในวันที่ 27 เมษายน นี้ ทาง สหภาพแรงงานฯ ขสมก. จะเดินทางไปยังกระทรวงคมนาคม เข้าพบ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อทวงถามความคืบหน้า หลังจากที่ได้มีการยื่นหนังสื่อขอพิจารณาการคัดค้านแนวคิดของรัฐบาลในการโอนกิจการของ ขสมก. ไปขึ้นกับ กรมการขนส่งทางบก

 

อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2558 จะดำเนินการเปิดประชุมใหญ่วิสามัญตามกฎหมายแรงงาน เพื่อขอทำความเข้าใจกับกลุ่มพนักงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ขสมก. และจะไปชี้แจงกับ 8 เขตการเดินรถและสำนักงานใหญ่ เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหา

 

(ไอเอ็นเอ็น, 25/04/2558)

 

 

นายเจน นำชัยศิริ รองประธานคณะกรรมการบริหาร สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และรองประธาน ส.อ.ท.เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 อย่างเร่งด่วน เพราะถ้าหากไม่ตัดสินใจหรือดำเนินการล่าช้าอาจทำให้บริษัทก่อสร้างแท่นขุดเจาะ และสำรวจปิโตรเลียมกลางทะเล จะต้องปลดพนักงานออก และทำให้พนักงานย้ายไปกับทำงานแท่นขุดเจาะในต่างประเทศ เพราะมีความมั่นคงมากกว่า และถึงแม้ว่าไทยจะเดินหน้าโครงการในภายภาคหน้า แต่ก็อาจเกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในด้านนี้ เนื่องจากพนักงานอาจไม่กลับมาทำงานกับบริษัทเดิมได้อีก

 

ในส่วนของการแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด จึงมีความเสี่ยงที่ประเทศไทยจะผลิตก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดิบได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในอนาคต  อาจส่งผลผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเนื่องจากการดำเนินนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลไม่มีความชัดเจนพอที่จะให้ผู้รับสัมปทานสำรวจ และขุดเจาะปิโตรเลียมนั้นลงทุนต่อไปอีก

 

นายเจน กล่าวว่า ระยะเวลาในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมนั้นใช้เวลานานมาก ตั้งแต่เริ่มขุดเจาะสำรวจจนถึงวันแรกที่เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์อาจใช้เวลาถึง 10 ปี เห็นได้จากที่ผ่านมาไทยมีการขุดเจาะ การผลิต และการใช้ปิโตรเลียมมาเป็นเวลากว่า 40 ปี มีการเปิดสัมปทานไปแล้ว 20 รอบ โดยเฉลี่ย 2 ปีต่อหนึ่งรอบ แต่สัมปทานรอบที่ 21 ห่างจากสัมปทานรอบที่ 20 กว่า 6 ปี และในรอบที่ 20 ก็ขุดพบปิโตรเลียมน้อยมาก ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนในเชิงพาณิชย์ จึงถือได้ว่าสัมปทานรอบที่ 21 ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นไปมากแล้ว ดังนั้น หากชะลอการสำรวจแหล่งปิโตรเลียมใหม่ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงของพลังงานในประเทศ

 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า การจัดหาพลังงานเพื่อสำรองไว้ใช้สำหรับอนาคตเป็นเรื่องจำเป็น แม้ว่าในปัจจุบันราคาพลังงานได้ปรับตัวลดลงตามราคาในตลาดโลก แต่ในอนาคตไม่รู้ว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาประเทศมหาอำนาจหลายประเทศต้องการที่มีพลังงานไว้ในมือ และในหลายประเทศพลังงานทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเมืองจึงมองว่าการมีสำรองพลังงานเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ เพราะถ้าหากต้องรอกฎหมายจะทำให้เกิดความล่าช้าออกไปอีก

 

“การรอพิจารณาเรื่องกฎหมายจะทำให้เสียเวลา เสียโอกาส และถือว่าเป็นความเสี่ยงของประเทศ และกระทบต่อความเชื่อมั่นทำให้นักลงทุนไม่กล้าเข้ามาลงทุน” นายสุพันธ์ กล่าว

 

แหล่งข่าวจาก กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า การที่รัฐบาลยังไม่สรุปเรื่องการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ทำให้ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจก่อสร้างแท่นขุดเจาะ และผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลรายหนึ่ง ได้เริ่มปลดพนักงานไปแล้ว 700 คน  เพราะไม่รู้ในอนาคตว่ารัฐจะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไร จึงต้องลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไปก่อน

 

ก่อนหน้านี้ นายณรงค์ชัย  อัครเศรณี รมว.พลังงาน ยอมรับว่า “สอบตก”เรื่องการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 จากเดิมจะมีการพิจารณาเสร็จสิ้นในเดือนก.พ. 2558 แต่ต้องประกาศยกเลิกไป โดยจากนี้ไปจะเป็นกระบวนการเพื่อแก้ไขกฎหมายปิโตรเลียม  คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน3 เดือน ซึ่งการปรับปรุงแก้ไขกฏหมายปิโตรเลียมจะเป็นหน้าที่ของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

 

(แนวหน้า, 27/04/2558)

 

 

วันที่ 27 เม.ย. 58 นางสาวอุษา เลิศศรีสันทัด ผู้อำนวยการโครงการ มูลนิธิผู้หญิง พร้อมด้วยเครือข่ายลูกจ้างทำงานบ้านในประเทศไทย ศูนย์ส่งเสริมความเสมอภาค เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้โอนคดีจากสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด ให้กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการสอบสวน กรณีแม่บ้านชาวเอธิโอเปียถูกนายจ้างซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และภรรยา บังคับขู่เข็ญใช้แรงงาน ถูกทำร้ายร่างกาย ยึดหนังสือเดินทาง ขาดอิสรภาพ แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เข้าข่ายการค้ามนุษย์ เนื่องจากเกรงว่าผู้เสียหายจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังได้เข้าแจ้งความไว้ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2558 แต่คดีไม่มีความคืบหน้า

 

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า จะไม่ดำเนินคดีกับนายจ้างและภรรยา ประกอบกับมีท่าทีคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหาอย่างมากและไม่ได้ดำเนินการคุ้มครองทางกฎหมาย ทั้งที่มีการทำร้ายร่างกาย การละเมิดสิทธิแรงงาน จึงขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาสั่งโอนคดีให้ ปคม.เพื่อให้การสอบสวนดำเนินดคีอาญาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นกลางและเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เนื่องจาก ปคม.มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องกฎหมายค้ามนุษย์

 

(ไทยรัฐออนไลน์, 27/04/2558)

 

 

พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ว่าที่ประชุมมีข้อสรุปการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน โดยเห็นว่ากระทรวงแรงงาน ต้องปรับปรุงข้อมูลของศูนย์แรงงานแห่งชาติให้มีความทันสมัย มีตัวเลขที่สามารถนำไปใช้วางแผนและเชื่อมโยงกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน และต้องเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ทั้งการเพิ่มความสามารถในการผลิตของแรงงานไทย การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงาน และใช้มาตรการลดหย่อนทางภาษี เพื่อขยายผลโครงการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษาเข้าไปฝึกงานในสถานประกอบการก่อนจบการศึกษาเพื่อให้มีทักษะวิชาชีพตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน

 

อย่างไรก็ตาม หากแรงงานไทยมีจำนวนไม่เพียงพอจะมีการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้ามาเพิ่มเติม เนื่องจากผู้แทนของภาคอุตสาหกรรมได้เสนอข้อมูลคาดการณ์ใน 3 ปีข้างหน้าว่า จะมีความต้องการแรงงานประมาณ 300,000–600,000 คน ขณะที่ ข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ต้องการแรงงานใน 3-5 ปีข้างหน้ากว่า 165,000 คน เพื่อรองรับการเปิดโรงงานใหม่จำนวนมาก

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ต้องมีการเพิ่มทักษะฝีมือให้แรงงานต่างด้าว เพื่อรองรับสถานประกอบการของคนไทยให้โรงงานที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษในไทยและโรงงานของคนไทยที่เข้าไปเปิดโรงงานในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ขอให้กระทรวงแรงงานช่วยดำเนินการในเรื่องนี้ โดยหลังจากนี้กระทรวงแรงงานเตรียมนำข้อสรุปจากที่ประชุมมาเร่งจัดทำร่างแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาขาดแคลน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าและนำร่างแผนไปหารือในที่ประชุมอีกครั้ง

 

(สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, 28/04/2558)

 

 

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 58 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้แจ้งเลื่อนการออกรางวัลไปเป็นวันที่ 2 พฤษภาคม 2558 เนื่องจากวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ตรงกับวันแรงงานแห่งชาติ โดยจะเดินทางไปออกรางวัลสลากสัญจร ณ ห้องคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เดอะมอลล์นครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในต่างจังหวัด ได้เห็นขั้นตอนและวิธีการตลอดจนอุปกรณ์ที่ใช้ในการออกรางวัลด้วยตนเอง

 

สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถชมการถ่ายทอดสดการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึง 16.00 น. และทางสถานีโทรทัศน์ข่าวสปริงนิวส์ รวมทั้งรับฟังการถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ตั้งแต่เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป

 

(ไทยรัฐออนไลน์, 28/04/2558)

 

 

น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า คสรท.จะจัดกิจกรรมวันกรรมกรสากล ในวันที่ 1 พ.ค. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยปีนี้จะยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล 4 ข้อ เช่น ให้กำหนดค่าจ้างแรงงานที่เป็นธรรม และปรับโครงสร้างค่าจ้างทุกปี คำนึงถึงค่าครองชีพ ทักษะฝีมือ เพราะผลสำรวจค่าใช้จ่ายแรงงานปัจจุบันอยู่ที่วันละ 360 บาท คณะกรรมการค่าจ้างต้องพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างให้เสร็จในเดือน ต.ค. เพื่อให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างเป็นวันละ 360 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 59 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แรงงาน 

 

ด้านนายมานิตย์ พรหมการีย์กุล ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติปี 2558 กล่าวว่า ปีนี้สภาองค์การลูกจ้าง 14 องค์กร ร่วมกับองค์กรรัฐวิสาหกิจ เครือข่ายแรงงานนอกระบบ และกระทรวงแรงงาน จัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ในวันที่ 1 พ.ค.ที่สนามหลวง โดยได้รับงบสนับสนุนจากรัฐบาลกว่า 4 ล้านบาท มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานภายใต้คำขวัญ “แรงงานไทยปรองดอง เฉลิมฉลองจักรีวงศ์ รณรงค์สู่อาเซียน” เน้นจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

 

โดยมีข้อเรียกร้อง ยื่นต่อนายกรัฐมนตรี 11 ข้อ อาทิ ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ พร้อมควบคุมราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค ตรากฎหมายตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงให้แก่ลูกจ้าง ยกเว้นเก็บภาษีเงินได้กรณีค่าชดเชยของลูกจ้างภาคเอกชนและเงินตอบแทนความชอบของพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตราพระราชกฤษฎีกาจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบ เพื่อเป็นกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง แก้ไขกฎกระทรวงเกี่ยวกับบัตรรับรองสิทธิรักษาพยาบาลใบเดียว ให้ใช้ได้ทุกโรงพยาบาลในระบบประกันสังคม

 

(กรุงเทพธุรกิจ, 29/04/2558)

 

 

นางสาวนภาภรณ์ สวัสดิมงคล ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ทางคณะรัฐมนตรีมีมติให้จัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในกลุ่มสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา หลังวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการเปิดให้ลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 20 เมษายน 2558 ที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขป้ญหาน้ำท่วม (หนองบอน) และศูนย์กีฬาบึงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ โดยมีแรงงานต่างด้าวมาจดทะเบียนไว้แล้วทั้งสิ้น 37,965 ราย แบ่งเป็นสัญชาติพม่า จำนวน 14,441 ราย สัญชาติลาว จำนวน 5,114 ราย และสัญชาติกัมพูชา จำนวน 18,410 ราย ซึ่งคาดว่าแรงงานต่างด้าวที่มาขึ้นทะเบียนในรอบนี้จะมีกว่า 80% ของการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวในปี 2557 ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 318,912 ราย

       

อย่างไรก็ตาม ทางกรุงเทพมหานครยังคงเปิดให้แรงงานต่างด้าวมาลงทะเบียนได้อีกจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2558 โดยเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 19.00 น. ซึ่งจะต้องเตรียมเอกสารมาให้ครบ ประกอบด้วย 1. แบบกรอกข้อมูลการลงทะเบียน 2. สำเนาบัตรประชาชนของนายจ้าง 3. สำเนาทะเบียนบ้านนายจ้าง 4. สำเนาหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคล และ 5. หนังสือมอบอำนาจกรณีนายจ้างไม่ได้ไปด้วย และค่าธรรมเนียมขออนุญาตทำงานขั่วคราว จำนวน 1,305 บาท และในส่วนของบุตรติดตาม จำนวน 1,080 บาท สามารถดาวน์โหลดรายละเอียดการขอจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวได้ทางเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน www.doe.go.th

 

(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 29/04/2558)