Submitted on Sat, 2015-05-02 15:04
ยูนิเซฟระบุว่าสุขภาพและสุขภาวะของเด็กที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะเด็กจำนวนมากต้องไร้ที่อยู่อาศัย มีอาการตกใจอย่างรุนแรง และไม่สามารถเข้าถึงการดูแลขั้นพื้นฐาน
กาฐมาณฑุ 2 พฤษภาคม 2558 – หนึ่งสัปดาห์หลังเหตุแผ่นดินไหวในเนปาล ยูนิเซฟออกมาระบุว่าสุขภาพและสุขภาวะของเด็กที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะเด็กจำนวนมากต้องไร้ที่อยู่อาศัย มีอาการตกใจอย่างรุนแรง และไม่สามารถเข้าถึงการดูแลขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้ฤดูมรสุมที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ จะทำให้เด็กๆ ยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อโรคระบาด เช่น อหิวาตกโรคและท้องร่วง รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยแผ่นดินถล่มและน้ำท่วมอีก
“ความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงอย่างที่คาดไม่ถึง” นายโรนัค ข่าน รองผู้แทนองค์การยูนิเซฟประจำประเทศเนปาลกล่าว “โรงพยาบาลมีคนไข้ล้นเกิน น้ำขาดแคลน ร่างผู้เสียชีวิตยังคงติดอยู่ในซากปรักหักพัง และผู้คนยังคงออกมานอนอยู่กลางแจ้ง สถานการณ์เหล่านี้จะทำให้เกิดโรคระบาดได้ง่ายมาก”
แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้บ้านเรือนกว่า 130,000 หลังพังราบ และส่งผลให้ประชากร 3 ล้านคนขาดแคลนอาหาร ในขณะนี้ผู้ประสบภัยกว่า 24,000 คนต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงที่ตั้งขึ้นอย่างไม่เป็นทางการจำนวน 13 แห่งในกรุงกาฐมาณฑุ นอกจากนี้ ยูนิเซฟแสดงความเป็นห่วงเรื่องโภชนาการของเด็ก เนื่องจากประชากรเด็กในเนปาลกว่าร้อยละ 40 มีภาวะเตี้ยแคระแกร็นอยู่แล้ว และมีเด็กอย่างน้อย 15,000 คนที่ขาดอาหารอย่างรุนแรงเฉียบพลันและต้องการอาหารเพื่อการบำบัด ในขณะเดียวกันเด็กๆ ใน 12 เขตที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านการเข้าถึงน้ำสะอาด การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน การมีพื้นที่ปลอดภัย หรือการได้กลับไปโรงเรียนตามปกติ
ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว ยูนิเซฟได้ส่งของบรรเทาทุกข์ที่ได้จัดเตรียมไว้อยู่แล้วไปยังผู้ประสบภัยตามที่ต่างๆ ตัวอย่างเช่น เต็นท์ ผ้าใบ รถบรรทุกน้ำ เม็ดทำน้ำสะอาด และชุดสุขอนามัย ในขณะนี้ ยูนิเซฟกำลังขยายปฏิบัติการช่วยเหลือ เพื่อเข้าถึงเด็กที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดและเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากกรุงกาฐมาณฑุ
“เราต้องส่งยา อุปกรณ์การแพทย์ เต็นท์ และน้ำสะอาดไปยังพื้นที่ประสบภัยอย่างเร็วที่สุด ตอนนี้เราเหลือเวลาน้อยมากในการปฏิบัติการต่างๆ เพื่อป้องกันเด็กๆ จากโรคติดต่อ ซึ่งเหตุการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงจากสภาวะชื้นแฉะเมื่อมรสุมมาถึง” นายข่านกล่าว
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยูนิเซฟได้
• จัดส่งอุปกรณ์ความช่วยเหลือกว่า 80 ตัน ได้แก่ เต็นท์ แผ่นพลาสติก ผ้าห่ม อาหารโภชนาการ วัคซีน และยาต่างๆ
• จัดให้มีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กในศูนย์พักพิงที่ตั้งขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้เด็กได้มีพื้นที่ไว้เล่นและเรียนรู้ และช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของเด็กจากประสบการณ์เลวร้าย
• จัดส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ห่างไกลนอกหุบเขากาฐมาณฑุ ได้แก่ เขตคัฟเร และเขตกอร์ข่า ที่ซึ่งทีมงานของยูนิเซฟได้จัดหาสบู่ ยาเม็ดทำน้ำสะอาด ผ้าใบกันน้ำ และถังให้แก่ผู้ประสบภัยหลายพันคน สำหรับในเขตดาดิง ชุดอุปกรณ์สุขอนามัยและครอบครัว และเม็ดทำน้ำสะอาดถูกปล่อยลงในหมู่บ้านห่างไกล 7 แห่งโดยใช้เฮลิคอปเตอร์
• จัดบริการความช่วยเหลือด้านจิตใจในเขตกอร์ข่า เขตกัสกี เขตสินธุลี เขตคัฟเร เขตราเมชชัพ และกรุงกาฐมาณฑุ
นอกจากนี้ ยูนิเซฟยังให้ข้อมูลที่จำเป็นและคำแนะนำในการดูแลตนเองและเยียวยา สำหรับเด็ก ผู้หญิง และครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเขตที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ห่างไกล ผ่านสถานีวิทยุแห่งชาติ โดยรายการวิทยุจะออกอากาศทั้งหมด 4 ครั้งตลอดทั้งวัน
ขณะนี้ยูนิเซฟยังคงระดมทุนจำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัยในอีกสามเดือนข้างหน้า