Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

 

เราต่างก็รู้ว่าบางครั้งอัตลักษณ์ทางเพศ (ตัวตน/รูปลักษณ์ที่เห็นภายนอก) นั้นไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์หรือสอดคล้องกับรสนิยมทางเพศของคนคนนั้นเสมอไป

ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่นหญิงสาวที่มีรูปลักษณ์แสนสวยเซ็กซี่บางคน ไม่ได้ชอบชายหนุ่มรูปหล่อ แต่ว่าเธอกลับชอบสาวสวยด้วยกันแทน ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีให้เห็นมากขึ้น และคนในสังคมก็เริ่มจะยอมรับมากขึ้น

แต่ถ้าหากมีสตรีข้ามเพศมาชอบผู้หญิง หรือบุรุษข้ามเพศ (ที่ไม่ใช่ทอม ที่มีความเป็นผู้ชายมากกว่าทอมลึกถึงเนื้อในและจิตใจเลย) ไปชอบผู้ชาย บุคคลเหล่านี้จะถูกมองเป็นสิ่งพิลึก ประหลาด วิปริต อุตริ ไปโดยทันที ไม่ว่าจากคนทั่วไปหรือผู้มีความหลากหลายทางเพศด้วยกันก็ตาม

ทั้งที่ในปัจจุบันนี้ เราเองต่างปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความหลากหลายกว่าที่เราคิด ทั้งเรื่องเชื้อชาติ ภาษา แนวคิด ครอบครัว การศึกษา ความรู้ สังคม สัญชาติ ความสามารถ อื่นๆ อีกมากมาย และที่ขาดไม่ได้ ก็คือ “ความหลากหลายทางเพศ” นั่นเอง

แต่ความหลากหลายทางเพศนี้กลับไม่ได้รับการยอมรับ!!

เป็นเรื่องง่ายกว่า ธรรมดากว่า ปกติกว่าสำหรับคนในสังคม ที่จะยอมรับว่า สาวประเภทสอง กะเทย หรือสตรีข้ามเพศ จะมีรสนิยมทางเพศแบบชอบผู้ชาย ทุกคนรับรู้ เข้าใจ และเชื่อเช่นนั้นกันมาตลอด

และในทางกลับกันเมื่อมาเจอกับสาวประเภทสอง กะเทย หรือสตรีข้ามเพศ มีรสนิยมทางเพศแบบ “ชอบผู้หญิง” มันจึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ

ข้าพเจ้า ในฐานะ “สาวประเภทสอง” ผู้หนึ่ง ที่สามารถพูดได้เต็มปากว่า ข้าพเจ้าเป็น “กะเทยชอบผู้หญิง” ยอมรับว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ยากเย็นไม่น้อย เพราะถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะรู้ตัวตั้งแต่เพียง 5 ขวบว่า ข้าพเจ้ามิได้ต้องการเป็นชายรักหญิงอย่างชายทั่วไป หากข้าพเจ้าคือ “หญิงรักหญิง” ต่างหาก แต่แน่นอนเด็ก 5 ขวบพูดเรื่องนี้กับใครก็จะไม่มีใครเชื่อแน่ ผ่านขั้นตอนการปกปิด เก็บอาการ จนกลายเป็นโกหกตัวเองในระยะหนึ่ง จนในที่สุด ข้าพเจ้าก็ปิดบังเรื่องนี้ไม่ได้เมื่ออายุได้ 20 ปี แต่ก็เปิดตัวทีละเล็กน้อย และเต็มที่เมื่อข้าพเจ้าอายุได้ 24 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าเริ่มเทคยาฮอร์โมนอย่างจริงจัง

ในระหว่างที่เปิดตัวทีละเล็กทีละน้อย ข้าพเจ้าเคยทำการทดลองในเรื่องนี้ เรื่องที่ว่า “หากกะเทยชอบแต่ผู้หญิงจะเป็นอย่างไร” สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กลับมาก็คือ

“เกิดมาเป็นผู้ชายแล้วจะทำตัวเป็นกะเทยตุ้งติ้งทำไมถ้าชอบผู้หญิง”

“เกิดเป็นกะเทยทำไมไม่ชอบผู้ชาย เสียชาติเกิด”

“กะเทยบ้าอะไรชอบผู้หญิง วิปริต โรคจิต”

“วิปริตทางเพศซ้ำซ้อน”

ฯลฯ

ทั้งจากบุคคลทั่วไป หรือกะเทยด้วยกันก็ตาม จนดูเหมือนว่า หากกะเทยคือพลเมืองชั้นสอง ข้าพเจ้าก็เป็นกะเทยชั้นสองก็ไม่ปาน

ในตอนแรก ข้าพเจ้ารู้สึกเจ็บช้ำกับคำพูดเหล่านี้มาก หลายครั้งก็เลือกจะกลับไปโกหกตัวเองและคนอื่นด้วยการกลับไปเป็นผู้ชายอีกครั้งเหมือนกัน แต่ทว่าก็ทำมิได้ เพราะตัวตนข้างในข้าพเจ้าเป็นเช่นนี้ แต่ต่อมาข้าพเจ้าก็คิดได้ว่า เราจะไปใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้นทำไม ผู้คนเหล่านั้นมิได้อยู่ในสถานะเดียวกับข้าพเจ้าเสียหน่อย

ตั้งแต่นั้นมา ข้าพเจ้าจึงเริ่มทำการค้นหาในอินเทอร์เน็ตว่าบุคคลอย่างข้าพเจ้านี้มีจริงหรือมีความเป็นไปได้หรือไม่ และแล้วข้าพเจ้าก็มีอันต้องแปลกใจ เพราะถึงแม้ว่า ในสหรัฐอเมริกาอาจจะมีบุคคลประเภทอย่างข้าพเจ้าเยอะ (สาวประเภทสอง/สตรีข้ามเพศชอบผู้หญิง) แต่ทว่า ในสหพันธรัฐรัสเซีย ต่างก็มีบุคคลเฉกเช่นข้าพเจ้าไม่น้อยเช่นกัน

ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงมั่นใจว่า หากต่างประเทศมีแบบนี้ ประเทศไทยก็ต้องมีเช่นกัน มันต้องไม่ใช่ข้าพเจ้าคนเดียว แต่ถ้าหากข้าพเจ้าจะเป็นคนเดียวในประเทศนี้จริง ข้าพเจ้าจะยอมเป็นบทพิสูจน์ถึงการมีตัวตนของกะเทยชอบผู้หญิงด้วยตนเอง

และเกิดจากความบังเอิญของข้าพเจ้าเองนี่แหละ ครั้งที่ไปร่วมงานของ เครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย ข้าพเจ้าก็บังเอิญจับพลัดจับผลูได้เจอคนๆ หนึ่ง ซึ่งอยู่ในสถานะเดียวกับข้าพเจ้าไม่มีผิด ซึ่งก็คือกะเทยที่ชอบผู้หญิงนั่นเอง!

เมื่อข้าพเจ้าได้คุยกับเธอ เราก็ต่างรู้สึกได้ว่า เราสองคนต่างมองหากันมานาน เราสองคนต่างไม่อยากรู้สึกโดดเดี่ยวในการเปิดเผยว่าเป็นตัวตนเช่นนี้ และเมื่อเราได้คุยกันเพียงไม่กี่วัน เราก็สนิทกันทันที เราสองคนกลายเป็นเพื่อนซี้ “หญิงรักหญิง” ที่คุยและเที่ยวด้วยกันบ่อยครั้ง

และนับจากวันนั้น ข้าพเจ้าก็ได้เจอกับคนอีกคนหนึ่ง ที่อยากประกาศตนว่าเป็น “กะเทยรักหญิง” เสียเต็มแก่ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องด้วยว่าติดเรื่องครอบครัวที่บ้าน เพราะเกรงว่าพ่อแม่จะไม่สามารถรับได้

ตัวข้าพเจ้าเอง ใช่ว่าพ่อแม่จะรับได้เสียทีเดียวเช่นกัน แต่อย่างน้อยท่านก็รับเราได้ในระดับหนึ่ง ส่วนคนที่สองที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนั้น แม้ว่าพ่อแม่เธอจะเสียไปแล้ว แต่ขณะนี้เธอก็อาศัยอยู่กับภรรยาของเธอ (ภรรยาจริงๆ ที่เป็น “นางสาว”) แต่ภรรยาของเธอก็อยู่ในขึ้นตอนการยอมรับไปทีละขั้นอยู่ เพราะเธอได้ยืนยันกับภรรยาของเธอแล้วว่า เธอไม่สามารถรักผู้ชายได้ และรักภรรยาแต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนวันนี้แบบไม่มีเงื่อนไข

และข้าพเจ้าก็ได้พบกรณีเดียวกับข้าพเจ้าอีกคนหนึ่ง เธอผู้นี้ค่อนข้างมีปัญหากับภรรยาเพราะเรื่องตัวตนที่เธอไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไปซึ่งสิ่งที่ข้าพเจ้าเป็นห่วงเกี่ยวกับเธอ คือลูกสาวตัวเล็กของเธอที่เกิดกับภรรยาคนดังกล่าว ที่ต้องมาพบเรื่องพ่อแม่ระหองระแหงกันเพราะแม่รับไม่ได้ที่พ่อค่อยๆ กลายเป็นผู้หญิงทีละน้อยๆ

แต่ก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ข้าพเจ้าได้ค้นพบคนที่ 4 (รวมข้าพเจ้าด้วยเป็นคนที่ 5) อีกเช่นกัน โดยข้าพเจ้าค้นพบเธอผู้นี้โดยบังเอิญใน Facebook เนื่องด้วยว่า เธอ share ข้อความที่ข้าพเจ้า post ไว้ประมาณว่า “คุณผู้ชายโปรดอย่าจีบกะเทยแบบสุ่มๆ เพราะกะเทยที่ชอบแต่ผู้หญิงก็มี” และ post ที่ข้าพเจ้าเขียนว่า “มันไม่ผิดหากคุณเป็นสตรีข้ามเพศที่ชอบผู้หญิง” จาก page ที่ข้าพเจ้าเปิดไว้เพื่อเผยแพร่เรื่องความหลากหลายทางเพศ ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีว่า เธอผู้นี้แหละ คนที่ข้าพเจ้าอยากเห็น ผู้ที่ชัดเจนเรื่องตัวตนและรสนิยมทางเพศอย่างเต็มที่

ขณะนี้ ข้าพเจ้าสามารถยืนยันได้อย่างเต็มปากแล้วว่า ประเทศไทยก็มีบุคคลที่ “ตัวเป็นชาย แต่จิตใจเป็นหญิงรักหญิง” เหมือนกัน และไม่ใช่ข้าพเจ้าเพียงคนเดียวด้วย หากแต่มีอีก 4 คนที่เป็นพยานบุคคลยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

และเนื่องด้วยว่า ถึงแม้ตัวตนอย่างเราอาจจะขัดหูขัดตาและขัดใจใครหลายๆ คน แต่ว่ากันตามกฎหมาย เราสามารถสมรสกับผู้หญิงโสดคนใดก็ได้ที่เราประสงค์ (ไม่นับสาวประเภทสองนะคะ) ณ วันนี้ข้าพเจ้าจึงสามารถพูดได้อย่างภูมิใจว่า ข้าพเจ้า และเพื่อนที่ข้าพเจ้ารู้จัก ต่างเป็น “กะเทยเลสเบี้ยน” หรือ “เลสเบี้ยนข้ามเพศ” ด้วยกันทั้งสิ้น

ถึงแม้ว่าเราอาจจะเป็นมุมมืดในสังคมไทย หรือสังคมผู้มีความหลากหลายทางเพศก็ตาม แต่เราก็ต่างเป็นพยานได้ว่า รสนิยมทางเพศ ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศเสมอไป

เพราะกะเทยที่ชอบผู้หญิงนั้นมีตัวตนจริง.


 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net