Skip to main content
sharethis

เว็บสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถนนราชดำเนินนอก พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมประชุมหารือระหว่างผู้บริหารของทั้งสองกระทรวง เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการเรียนการสอนพลศึกษาและการท่องเที่ยว ในประเด็นต่างๆ ดังนี้

เพิ่มจำนวนชั่วโมงเรียนวิชาพลศึกษา อย่างน้อย 2 ชม./สัปดาห์

พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ปรับหลักสูตรการเพิ่มจำนวนชั่วโมงเรียนวิชาพลศึกษา อย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์แล้ว โดยจะเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2558 อย่างไรก็ตามหลักสูตรดังกล่าวมีความอ่อนตัวมากขึ้น แต่ละโรงเรียนสามารถออกแบบการจัดการเรียนการสอนได้ตามความเหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน ซึ่งจะไม่มีการกำหนดอย่างชัดเจนว่าในแต่ละสัปดาห์จะต้องเรียนวิชาใดบ้างและเรียนเป็นระยะเวลาเท่าใด ทำให้แต่ละโรงเรียนมีอิสระและสามารถปรับหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนได้ตามความเหมาะสมกับผู้เรียนและความพร้อมของโรงเรียน ยกตัวอย่างเช่น หากโรงเรียนใดพบว่านักเรียนส่วนใหญ่อ่อนวิชาภาษาไทย ก็สามารถที่จะเพิ่มเวลาเรียนวิชาภาษาไทยเป็น 3-4 ชั่วโมงได้เลย เช่นเดียวกันกับวิชาอื่นๆ ที่หากมีความเก่งแล้ว ก็สามารถลดเวลาเรียนวิชานั้นเพื่อไปสอนเสริมวิชาที่ยังอ่อนอยู่ได้ แต่ในส่วนของวิชาพลศึกษาก็ได้ให้แนวทางว่าควรจะต้องให้นักเรียนได้เรียนอย่างน้อยเป็นเวลา 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ส่งเสริมการออกกำลังกายตอนเช้าหน้าเสาธง

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า จากการที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มอบแผ่นซีดีชุดกายบริหารหน้าเสาธง ไม่ว่าจะเป็นท่าราชนาวี แอโรบิก หรือแม่ไม้มวยไทยให้แก่กระทรวงศึกษาธิการแล้วนั้น ขณะนี้ สพฐ.ได้จัดส่งไปให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พร้อมทั้งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ สพฐ.แล้ว ซึ่ง สพฐ.จะได้ติดตามผลการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ก็ได้ย้ำในที่ประชุมว่า การออกกำลังกายของเด็กๆ นอกจากจะช่วยส่งเสริมเรื่องของสุขภาพและความแข็งแรงแล้ว ยังช่วยลดปัญหาการติดเกมและการติดจอ (สมาร์ทโฟน) ด้วย

ฟื้นฟูสอนมวยไทย กระบี่กระบอง

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอให้มีการฟื้นฟูกีฬามวยไทย กระบี่กระบองในโรงเรียน เพื่อให้เด็กที่สนใจได้มีโอกาสในการฝึกหัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬามวยไทยซึ่งกำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก และยังเป็นการช่วยรักษาศิลปวัฒนธรรมไทยด้วย ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ รมว.ศึกษาธิการ ที่ต้องการส่งเสริมกีฬามวยไทยในโรงเรียน เพราะถือเป็นศิลปะที่สำคัญของไทย แต่จะต้องคำนึงถึงความพร้อมของแต่ละโรงเรียน ทั้งในเรื่องของครู อุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนถึงสื่อในการเรียนการสอนด้วย เชื่อว่าบางโรงเรียนที่มีครูที่สามารถสอนกระบี่กระบอง หรือมวยไทยได้ ก็จะสามารถประยุกต์ผสมผสานความรู้เหล่านี้ร่วมกันได้ แต่บางโรงเรียนที่ไม่มีครูด้านนี้ ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ อาจจะต้องช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องของสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ความรู้แก่ครูที่จะนำไปใช้ในการสอนนักเรียนต่อไป นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการยังมีโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมที่สามารถนำเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับกีฬามวยไทย เผยแพร่ไปยังโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศกว่า 30,000 โรงเรียนด้วย

พัฒนาครูพลศึกษา

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการได้มีนโยบายการพัฒนาครูทุกกลุ่มสาระวิชาในห้องเรียนและในโรงเรียน เพื่อไม่ให้ครูทิ้งนักเรียนไปอบรมในโรงแรมเป็นเวลานานๆ ซึ่งการพัฒนาครูวิชาพลศึกษาก็เช่นกันที่จะต้องจัดอบรมพัฒนาที่ห้องเรียนหรือในโรงเรียน จึงขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดส่งโค้ชเข้าไปอบรมในพื้นที่โรงเรียนต่างๆ อาจอบรมในลักษณะกลุ่มโรงเรียนที่มีบริเวณใกล้เคียงกัน 5-10 โรงเรียน ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีที่ทำให้ครูได้อยู่ในโรงเรียน ไม่ทิ้งนักเรียนแล้ว ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าที่พัก และโค้ชเพียง 1 คน ก็สามารถอบรมครูได้หลายโรงเรียนในคราวเดียวกัน หรืออาจจะมีครูที่สนใจมาเข้ารับการอบรมเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถสร้างครูพลศึกษาได้มากขึ้นด้วย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็ยินดีที่จะมีการปรับปรุงรูปแบบการพัฒนาครูพลศึกษาในลักษณะ On the Job Training นี้ต่อไป

ปรับรูปแบบการประเมินผลนักเรียนที่มีความเป็นเลิศด้านกีฬา เป็นกรณีพิเศษ

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอให้กระทรวงศึกษาธิการปรับการประเมินผลการเรียนวิชาพลศึกษาสำหรับนักเรียนกรณีพิเศษ เช่น นักเรียนที่มีความเป็นเลิศในกีฬาชนิดต่างๆ หรือนักกีฬาเยาวชนทีมชาติ แต่ติด E ในวิชาพลศึกษา เพราะไม่มีความถนัดในบางชนิดกีฬาที่โรงเรียนสอน รวมทั้งอาจไม่มีเวลามาเรียนวิชาพลศึกษาในโรงเรียน เพราะจำเป็นต้องฝึกซ้อมหรือเดินทางไปแข่งขัน จึงได้หารือถึงความเป็นไปได้ที่จะให้มีการประเมินผลการเรียนวิชาพลศึกษาจากความเป็นเลิศของตัวนักกีฬารายนั้นๆ แทน ตลอดจนขอให้มีการผ่อนผันเกี่ยวกับการเข้าทดสอบทางการศึกษาในระดับโรงเรียนและระดับชาติ ซึ่ง สพฐ.จะนำเรื่องนี้ไปสื่อสารให้โรงเรียนต่างๆ ได้เข้าใจในการประเมินผลดังกล่าวต่อไป แต่ในส่วนของการทดสอบทางการศึกษาในระดับโรงเรียนและระดับชาติ เช่น O-Net นั้น ก็มีช่องทางที่จะผ่อนผันให้นักเรียนกรณีเจ็บป่วยหรือกรณีอื่นๆ อยู่แล้ว

โครงการส่งเสริมการเป็นเจ้าบ้านที่ดี

รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ขอให้กระทรวงศึกษาธิการส่งเสริมการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ในลักษณะ “เจ้าบ้านน้อย” เพื่อให้นักเรียนระดับประถมศึกษาได้มีความรู้ความสามารถในการเป็นมัคคุเทศก์นำเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งนอกจากจะเป็นส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศแล้ว จะช่วยสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวที่จะหวนกลับมาเที่ยวอีกด้วย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพร้อมจะให้การสนับสนุนในเรื่ององค์ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวของไทยในรูปแบบของสื่อหนังสือ รูปภาพ สื่อออนไลน์ รวมถึง e-Library ด้วย

ทั้งนี้ รมว.ศึกษาธิการ ก็ยินดีที่จะให้การสนับสนุนการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของเด็กๆ ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งในความเป็นจริงขณะนี้มีนักเรียนที่เป็นมัคคุเทศก์น้อยอยู่แล้ว และพร้อมที่จะจัดส่งเครื่องมือและสื่อการเรียนรู้ต่างๆ ดังกล่าวไปให้โรงเรียนต่อไป และเสนอแนะว่าเนื้อหาในการจัดทำสื่อการท่องเที่ยวนั้น ขอให้คำนึงถึงการท่องเที่ยวเฉพาะพื้นที่ เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย มีลักษณะภูมิประเทศ มีวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมที่แตกต่างกัน หากจัดทำเนื้อหาในลักษณะกลางๆ อาจจะไม่เหมาะสมกับสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายินดีที่จะนำไปพิจารณาปรับปรุงเนื้อหาตามข้อเสนอแนะต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net