นักปรัชญาชายขอบ: ปรัชญาตูด

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

 

คำว่า “ตูด” ไม่ใช่คำที่มีความหมายไม่สุภาพในตัวมันเอง แต่ความหมายของมันถูกสร้างขึ้นภายใต้ “บริบท” (contex) บางอย่างเสมอ (เช่นเดียวกับคำอื่นๆ เช่น God, ธรรมะ ฯลฯ) ในบริบทของความเซ็กซี่ตูดกลายเป็นสิ่งที่น่ามอง ในบริบทของการบริหารราชการ อาจหมายถึงประสิทธิภาพบางอย่างเช่น ผู้บริหารที่มีภาวะผู้นำทำให้ข้าราชการ “ขยับตูด” สนองนโยบายต่างๆ ให้ประสบผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น

ผมเพิ่งเห็นภาพข้างล่างจากเพื่อนในเฟซบุ๊ก Sarayut Tangprasert พร้อมกับข้อความบรรยายว่า

เหลือใจ

ภาพกิจกรรม Naked for Life / เปลือยเพื่อชีวิต รณรงค์ให้ทหารภายใต้การนำของรัฐบาลอภิสิทธิ์หยุดยิงผู้ชุมนุมเสื้อแดง กิจกรรมจัดขึ้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2553 บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง

ผมเห็นพี่ๆ ป้าๆ เสื้อแดงจำนวนมากละความอายเข้าร่วมกิจกรรมนี้อาจด้วยหวังว่าความรุนแรงที่รัฐบาลใช้กับผู้ชุมนุมจะยุติ

เพื่อบอกว่าพวกเขามีแต่ตัวเปล่าๆ มือเปล่าๆ

แต่ปฏิบัติการณ์สลายการชุมนุมในย่ำรุ่งของวันต่อมาถือเป็นการให้คำตอบที่ไร้น้ำใจที่สุดจากชนชั้นปกครอง


 

ครับ ผมกำลังพูดถึง “ตูด” ในบริบทประวัติศาสตร์สลายการชุมนุมเดือนเมษา-พฤษภา 53 ที่มีคนตายทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐเกือบร้อยคน ข้อความ “หยุดฆ่าประชาชน” ที่ติดอยู่บนตูดตามภาพ คนคงได้เห็นและพูดถึงกันในวงจำกัด ผิดกับคำพระ “ฆ่าเวลาบาปกว่าฆ่าคน” ที่เปล่งออกมาภายใต้บริบทประวัติศาสตร์เดียวกัน ที่ผู้คนสนใจกันอย่างกว้างขวาง

และแน่นอน เราไม่ได้ยินคำพูดหรือป้ายข้อความ “หยุดฆ่าประชาชน” ตรงๆ แบบนี้ ออกมาจากนักสันติวิธีและนักสิทธิมนุษยชน เพราะการพูดแบบนี้แปลว่า “ไม่เป็นกลาง” จะกลายเป็นการกล่าวหาว่ารัฐฆ่าประชาชน แต่คนที่ถูกฆ่าตายเรื่อยๆ เป็นรายวันต่อเนื่องเป็นเดือนๆ ไม่ใช่ฆ่าเบ็ดเสร็จทันทีในวันเดียวเหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภา 35 ที่ผ่านมา (ดังที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่ามันเป็น “ความอำมหิตเลือดเย็นยิ่งกว่า”) ไม่ใช่ “ประชาชน” หรอกหรือ หรือว่าเป็นเพียง “ถ่อยอธรรม” อย่างที่ “กวีธรรม” ผู้เรืองนามเขียนถึง

หรือคนเหล่านั้นเป็นเพียง “เชื้อโรคแดง” ที่คุกคาม รพ.จุฬา คุกคามความสุขของคนกรุงเทพฯ จนต้องสลายการชุมนุมด้วย “กระสุนจริง” ภายใต้วาทกรรมสวยหรูว่าเพื่อ “กระชับพื้นที่” และ “คืนความสุข” แก่คนกรุงเทพฯ จากนั้นบรรดานักสันติวิธี นักศาสนา นักศีลธรรมต่างรณรงค์ให้ผู้คนออกมาทำความสะอาดถนน ล้างเสนียดออกไปจากรุงเทพฯ และจุดเทียนแห่งสันติ

นี่คือประวัติศาสตร์ของการกระทำบนบรรทัดฐานที่เรียกกันว่า เพื่อ “รักษากฎหมาย,ศีลธรรมอันดีและสถาบันหลักของบ้านเมือง” ที่ต้อง “ฆ่า” ซ้ำๆ กันมาตลอด ฝ่ายผู้มีอำนาจและบรรดาคนดีคือนักนิยมผลิต “คำสวยหรู” เพื่อบิดเบือนความจริงของความป่าเถื่อนในการรักษาอำนาจ ด้วยการสร้าง “ความหมายอื่น” ที่ทั้งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงของการกระทำของพวกเขา และไม่ได้ชี้ทิศทางใดๆ ที่บ่งถึงอนาคตสังคมที่ยุติธรรมมากขึ้น

เมื่อประชาชนฝ่ายที่ถูกฆ่าร้องขอสิทธิเลือกตั้งและชีวิตด้วย “ปาก” ไม่ได้ พวกเขาจึงใช้ “ตูด” พูดแทน ตูดอันเป็นสัญญะของความต่ำ สกปรก ไร้การศึกษา ไม่สามารถมีวิจารณญาณทางศีลธรรมในการเลือกนักการเมืองที่เป็นคนดีได้ จึงถูกเปรียบเทียบกับ “ปาก” อันเป็นสัญญะของศีลธรรมแห่งสังคมไทยที่อ้างความสะอาดหมดจดและสูงส่ง อ้างศีลธรรมและความเป็นคนดีเหนือหลักการ

แปลว่า การพูดกันไม่รู้เรื่องในสังคมไทยนั้น ไม่อาจเปรียบเทียบเพียงเป็นการ “พูดกันคนละภาษา” เท่านั้น แต่เป็นการ “พูดกันคนละทวาร” ไปแล้ว นี่ไม่ใช่แค่ประชดเสียดสี แต่เราพูดกันไม่รู้เรื่องจริงๆ และมันยิ่งกว่าพูดกันคนละภาษาจริงๆ

เพราะวิธีคิด ตรรกะเหตุผลภายใต้วัฒนธรรม “เผด็จการไทยๆ” ทุกอย่างมันบิดเบี้ยวไปหมด พระบอกว่า “ฆ่าคอมมิวนิสต์ได้บุญมากกว่าบาป” “ฆ่าคนค้ายาบ้าตาย 1 คน เท่ากับตบยุงตาย 1 ตัว” “ฆ่าเวลาบาปกว่าฆ่าคน” ฝ่ายชนชั้นปกครองก็มี “วัฒนธรรมบริหารอำนาจ” ด้วยการคำนวณว่า เพื่อรักษาอำนาจต้องยอมฆ่าคนเท่านั้นเท่านี้ เป็นแบบนี้มาตลอดประวัติศาสตร์การเมืองไทย มีแต่ตูดเท่านั้นที่ตะโกนให้ “หยุดฆ่าประชาชน!” ทว่าไม่มีใครได้ยิน

ถึงวันนี้ แม้แต่การเยียวยาประชาชนผู้ถูกฆ่าก็กลายเป็น “ความผิด” เป็นการไม่คำนึงถึงวินัยการเงิน การคลังของประเทศ นี่คือมาตรฐาน “ความยุติธรรม” จากเรียวปากของเหล่าผู้เชิดชูความซื่อสัตย์ กฎหมาย คุณธรรม และคนดีของสยามประเทศ

ประเทศนี้ยังจะมีความหวังอะไรกันอยู่หรือ เมื่อปากของพระดี คนดี สื่อดี นักวิชาการ ปัญญาชน ผู้บริหารมหาวิทยาลัยซึ่งล้วนแต่เป็นคนดีที่ “เสียงดังกว่า” ต่างเชียร์ระบบเผด็จการไทยๆ ทั้งโดยตรงโดยอ้อม ปากเหล่านั้นด่านักการเมืองว่าเป็น “นักเลือกตั้ง” แต่พวกตัวเองเล่นการเมืองนอกระบบเลือกตั้ง เป็น “นักการเมืองนอกระบบเลือกตั้ง” ในนามของศีลธรรม ความเป็นคนดี ปรารถนาดีต่อบ้านเมืองโดยไม่ละอายว่าวิธีเข้าสู่อำนาจของพวกตนเองนั้น “ผิดยิ่งกว่า” การเข้าสู่อำนาจของนักการเมืองที่พวกตนประณาม

ในสถานการณ์เช่นนี้มีแต่เสียงของ “ตูด” เท่านั้นกระมังที่ตรงไปตรงมาและมีความหวัง หากสังคมนี้ฟังเสียงเรียกร้องของตูดให้ “หยุดฆ่าประชาชน” เราคงไม่เดินมาถึงจุดนี้ และยังเดินแบบงมๆ ซาวๆ กันต่อไปอย่างหลงทิศผิดทาง!

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท