Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

ตั้งแต่ราว พ.ศ.2515 เมื่อบ้านเมืองอยู่ภายใต้ยุคเผด็จการอันมืดมิด สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกลิดรอน นักศึกษาที่เป็นเยาวชนคนหนุ่มสาวของยุคสมัย ได้ตื่นตัวขึ้นมาแบบรับภารกิจทางประวัติศาสตร์ในการต่อต้านเผด็จการ โดยการจัดตั้งขบวนการนักศึกษา แล้วนำไปสู่การโค่นล้มเผด็จการ นำประเทศฟื้นคืนสู่เสรีประชาธิปไตยในกรณี 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 ซึ่งถือเป็นหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์อันประทับใจ

มาจนถึงขณะนี้ พ.ศ.2558 บ้านเมืองไทยกลับสู่ยุคมืดมนอนธกาลครั้งใหม่ นักศึกษาไทยที่เป็นคนหนุ่มสาวของยุคสมัย ก็ได้ก้าวเข้ามาแบกรับภารกิจต่อต้านเผด็จการอีกครั้ง และสร้างความหวังที่จะนำประเทศสู่เสรีประชาธิปไตยยิ่งกว่าพลังใด

การต่อสู้ที่น่ายกย่องครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ในโอกาสครบรอบปีของการรัฐประหารที่ดำเนินการโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(คสช.) เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาบ่าย นักศึกษากลุ่มดาวดิน มหาวิทยาลัยขอนแก่นไปชูป้ายต่อต้านรัฐประหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขอนแก่น ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจขอนแก่นได้จับกุมทันที 13 คน ต่อมาปล่อยตัวออกมา 6 คน เหลือแต่คนที่ถือป้าย 7 คน ที่ถูกตำรวจตั้งข้อหาฝ่าฝืนประกาศ คสช. ชุมนุมทางการเมืองเกินห้าคน

ช่วงสี่โมงเย็นกลุ่มพลเมืองฟ้องกลับ 4 คน ไปยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวก ในข้อหาเป็นกบฏภายในราชอาณาจักรฯ ที่ศาลอาญา ถูกตำรวจควบคุมตัวไปพูดคุยที่สถานีตำรวจพหลโยธิน และถูกปล่อยโดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา

แต่จุดสำคัญของการเคลื่อนไหว คือ เวลาหกโมงเย็น นักศึกษาจากหลายสถาบันในส่วนกลางนัดกันไปแสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยการสวมเสื้อขาว “ดูนาฬิกา” ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แต่เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากมาตรึงกำลังรอบพื้นที่อยู่ก่อนแล้ว ถึงกระนั้นกลุ่มนักศึกษาก็ยังตัดสินใจที่จะทำกิจกรรมต่อไปโดยสันติวิธี โดยให้ความเคารพแก่เจ้าหน้าที่ เช่นไม่มีการใช้เครื่องขยายเสียง ไม่มีการตะโกน แต่ใช้การแสดงสัญลักษณ์คัดค้านรัฐประหารอย่างสงบ

ฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้ตระเตรียมมาก่อนแล้วที่จะระงับการเคลื่อนไหว จึงใช้กำลังเข้าจับกุม กลุ่มนักศึกษาพยายามขัดขืน และถามในเชิงเหตุผลว่า ฝ่ายนักศึกษาทำอะไรผิด เหตุใดจึงต้องถูกจำกัดสิทธิทางการเมือง แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ยังคงจับกุมจนได้และนำตัวฝ่ายนักศึกษาไปควบคุมที่สถานีตำรวจปทุมวัน รวมทั้งหมด 38 คน และมีรายงานข่าวด้วยว่า มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุวรรณภูมิ ชื่อ ทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ ได้รับบาดเจ็บระหว่างการจับกุม ถึงขั้นหมดสติต้องถูกนำตัวไปโรงพยาบาล ส่วน ณัชชชา กองอุดม นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ บาดเจ็บจากการฉุดกระชาก หลังถูกพาตัวไปที่สน.ปทุมวันแล้ว มีอาการคลื่นไส้และอาเจียนอยู่หลายครั้ง จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจอาการแล้วพากลับมาที่สถานีตำรวจอีกครั้ง ส่วน ชลธิชา แจ้งเร็ว นิสิตจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งถูกกระชากระหว่างการจับกุม มีอาการเวียนหัว และเป็นลม จึงต้องนำส่งโรงพยาบาล ให้แพทย์ตรวจและฉีดยาเบื้องต้นให้แล้วถูกส่งกลับมาที่สถานีตำรวจเช่นกัน

เมื่อกลุ่มเพื่อนนักศึกษาและประชาชนได้ทราบข่าว ก็เดินทางมาให้กำลังใจที่หน้าสถานีตำรวจ เป็นจำนวนนับร้อยคน รวมทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยอีกหลายคนที่มาช่วยดูแลนักศึกษา และเจรจากับฝ่ายเจ้าหน้าที่ ส่วนกลุ่มอาจารย์และนักวิชาการอีกนับร้อยคน ได้ระดมรายชื่อผ่านสื่อออนไลน์สร้างกระแสเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษาทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข โดยยืนยันว่า การกระทำของนักศึกษาเป็นสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย อันไม่มีใครมีสิทธิที่จะมาปล้นหรือเหยียบย่ำได้

สถานการณ์ที่สถานีตำรวจปทุมวันคือ ฝ่ายตำรวจแบ่งนักศึกษาและผู้ที่ถูกควบคุมตัวไว้ 3 ห้อง ห้องหนึ่ง 21 คน ห้องหนึ่ง 11 คน ห้องหนึ่ง 5 คน หลังจากที่ควบคุมอยู่หลายชั่วโมง ฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบว่า จะมีการดำเนินคดีนักศึกษา 9 คน ที่เหลือจะปล่อยตัวไป แต่ฝ่ายนักศึกษาไม่ยินยอม เพราะถือว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด การแสดงออกทางการเมืองก็เป็นไปโดยสันติวิธี ซึ่งเป็นการสะท้อนความไม่พอใจของประชาชน แต่เมื่อถูกจับกุมแล้ว “มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน”
ในที่สุด ทางการตำรวจได้ยื้อเวลา ควบคุมตัวนักศึกษาจนถึงเวลาหกโมงเช้าวันรุ่งขึ้น จึงปล่อยนักศึกษาทั้งหมดโดยไม่ตั้งข้อหา แต่ให้นักศึกษาทุกคนจะต้องถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและเขียนกำกับไว้ที่สำเนาด้วยว่า จะหยุดเคลื่อนไหว สำหรับกลุ่มดาวดินที่ขอนแก่น ก็ได้รับการปล่อยตัวเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์การประท้วง และการจับกุมนักศึกษาได้กลายเป็นข่าวกระจายไปทั่วโลก ซึ่งซ้ำเติมความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ของเผด็จการไทยให้มากยิ่งขึ้น

แต่กระแสภายในประเทศกลายเป็นว่า พวกเสื้อเหลืองสลิ่มจำนวนมากกลับโจมตีฝ่ายนักศึกษาว่า ก่อความวุ่นวายขณะที่บ้านเมืองกำลังสงบ บ้างก็เสนอว่า ควรใช้ความรุนแรงจัดการนักศึกษาขั้นเด็ดขาดแบบ 6 ตุลา บ้างก็ใส่ร้ายนักศึกษาว่า รับจ้างประท้วง และมีสื่อบางสำนักกลับโจมตีว่า นักศึกษาเป็นฝ่ายทำร้ายเจ้าหน้าที่เสนอภาพแล้วแชร์กันทั่วไป และมีการ”ล่าแม่มด”เป็นรายบุคคล โดยขุดเอารายชื่อของนักศึกษาแต่ละคนขึ้นมาแขวนโจมตี ราวกับเป็นคนชั่วที่ต้องนำมาประจาน

ลักษณะที่เกิดขึ้นนี้เป็นการสะท้อนว่า สังคมไทยป่วยทางความคิดระดับโคม่า เพราะขณะที่ประเทศส่วนมากในโลกยอมรับระบอบประชาธิปไตย และเห็นว่าเผด็จการทหารเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ไม่อาจยอมรับได้ แต่ในสังคมไทย นักกฎหมาย นักวิชาการ ผู้มีความรู้ทั้งหลายในสังคม อธิบายกันจนประชาธิปไตยกลายเป็นระบบที่ชั่วร้าย และสร้างกระแสยอมรับเผด็จการทหารว่าเป็นสิ่งถูกต้อง แล้วทำให้นักศึกษา ประชาชน ผู้ต่อต้านรัฐประหารเรียกร้องประชาธิปไตยกลายเป็นคนชั่ว

แถลงการณ์ของกลุ่มดาวดิน ได้อธิบายว่า การต่อสู้ของฝ่ายนักศึกษาที่ผ่านมานั้น “ชอบธรรมและสันติวิธี” และได้เสนอประเด็นถึงฝ่ายเผด็จการทหารอย่างชัดเจนว่า “ขอให้ยกเลิกมาตรา 44 และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แล้วเร่งคืนอำนาจอธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนโดยเร็ว รวมถึงหยุดการคุกคามและทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ปล้นชิงไปจากประชาชน(ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว) สุดท้ายขอให้ พอกันที! กับรัฐบาลเผด็จการทั้งที่ผ่านมา ปัจจุบัน และในอนาคต และขอให้อำนาจประชาธิปไตยสถิตอยู่กับประชาชนตลอดไป”

สรุปแล้วในรอบปีของรัฐประหาร มีแต่พลังของนักศึกษาเท่านั้น ที่เป็นพลังประชาธิปไตยอันสำคัญในการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ประชาธิปไตย ไม่ใช่นักการเมืองพรรคเพื่อไทยหรือฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งแสดงการต่อต้านเผด็จการทหารน้อยมาก ส่วนพลังมวลชนคนเสื้อแดงก็ถูกควบคุมจนถึงราก ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างมีพลัง ขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ยังเหลวไหลได้ปลื้มไปกับเผด็จการทหาร

อนาคตของสังคมไทยจึงตกอยู่ในมือของคนหนุ่มสาว และนี่คือใจความสำคัญของ “หนุ่มสาวคือชีวิต”



เผยแพร่ครั้งแรกใน โลกวันนี้วันสุข ฉบับ 516 วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2558

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net