โสภณ พรโชคชัย : ป่าชุมชน คือการทำลายชาติ

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

นโยบายป่าชุมชน แจกเอกสารสิทธิ์เฉพาะบุคคลหรือทั้งชุมชน ล้วนเป็นการทำลายป่า ทำลายชาติ ไม่ควรดำเนินการเป็นอย่างยิ่ง  ให้ชาวบ้านออกจากป่าย่อมคุ้มค่ากว่า...

มีข่าวว่า "กรมป่าไม้ใจป้ำ แจกสทก.1ล้านไร่" โดย "คืนชีพ สทก.ฉาวเตรียมแจกที่ดินในป่าสงวนฯ กว่า 1 ล้านไร่ให้ชาวบ้านยากจน อ้าง แปลงร่างเป็นสิทธิทำกินชุมชน ไม่ได้ให้เป็นรายบุคคล เพื่อไม่ให้มีการเปลี่ยนมือ... ดำเนินโครงการแจก ที่ดินตามสิทธิทำกิน (สทก.) ชุมชน หรือ สทก.ชุมชน ตามนโยบายจัดสรรที่ดินทำกินให้กับราษฎรที่ไม่มีที่ดินทำกินโดยไม่มีเอกสารสิทธิ ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เป็นรองประธาน... นอกจากนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ยังเตรียมแจกป่าชุมชน 260 แห่งทั่วประเทศเพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชน โดยป่าชุมชนทั้ง 260 แห่ง เป็นป่าชุมชนที่สามารถให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ โดยจะปลูกต้นไม้ขึ้นใหม่ประมาณร้อยละ 20 ของป่าชุมชนนั้นๆ และหากประชาชนต้องการตัดไม้เพื่อไปใช้ประโยชน์ก็สามารถใช้จากป่าชุมชนได้เลย โดยจะเริ่มแจกในเดือน ม.ค.2558" (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

การแจกเอกสาร "สิทธิทำกิน" หรือ สทก. ของกรมป่าไม้ควรเลิกได้แล้ว เป็นทรัพย์สินขายไม่ได้ ยกให้แก่ลูกหลานได้ แต่มีการซื้อขายผิดกฎหมายอยู่ทั่วไป  ยิ่งแนวคิดป่าชุมชน โฉนดชุมชนยิ่งถือเป็นการทำลายระบบเอกสารสิทธิ์ของชาติ สร้างความไม่เท่าเทียมกันของประชากรและก่อให้เกิดอภิสิทธิ์ชนในรูปแบบใหม่

คลองโยง: จุดเริ่มต้นของความไร้ขื่อแป

อย่าให้คนอยู่ป่าเขา ฉวยโอกาส

เมื่อ 50 ปีที่แล้ว แทบไม่มีหมู่บ้านชาวเขาอยู่บนเขาเลย แต่เดี๋ยวนี้มีมากมาย บุกรุกกันเพิ่มแทบทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี บางแห่งกลายเป็นเมืองไปแล้ว อย่างนี้จะบอกว่าชาวเขาอยู่อย่างพอเพียง รักษาป่า ไม่ขยายตัว ได้อย่างไร แผ่นดินไทยคงไม่กว้างใหญ่ให้เหยียบย่ำทำกินได้เท่าความโลภของคน ประเทศจะปล่อยให้ชุมชนขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัดเช่นนี้ คงไม่ได้

ป่าเขา แม่น้ำ หนอง บึง ชายทะเลหรือทรัพยากรธรรมชาติ เป็นของทุกคนในชาติโดยไม่แบ่งแยก ไม่ใช่ของชุมชนใดชุมชนหนึ่ง ถ้าแต่ละชุมชนอ้างสิทธิ์เฉพาะตน ชุมชนอื่นและประชาชนไทยโดยรวมก็เข้าไม่ถึงทรัพยากร ของหลวงคือสมบัติของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ให้ใครอยู่ใกล้ทรัพยากร ก็มือใครยาว สาวได้สาวเอา จนไม่เหลือหรอไว้ให้ลูกหลานในอนาคต เราต้องคิดเสียใหม่ว่า ของที่ไม่ใช่ของเรา ไม่ควรถือครอง ไม่ว่าตนจะเป็นคนรวยหรือคนจน ของส่วนรวม ของหลวงก็คือสมบัติของประชาชนไทยที่ต้องรักษาไว้เพื่อทุกคน

ทำลายระบบโฉนดที่ดิน

โฉนดชุมชนนี้ยังทำลายหลักการออกโฉนดที่ดินที่ออกโดยพระพุทธเจ้าหลวงตั้งแต่ พ.ศ. 2444 หรือร้อยกว่าปีก่อน และเป็นระบบโฉนดที่ดินที่พัฒนาเรื่อยมา จนกระทั่งประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีระบบโฉนดที่ดินที่ดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลก โฉนดที่ดินเป็นการให้กรรมสิทธิ์สมบูรณ์แก่ผู้ถือครองเพื่อให้ไว้เป็นทุนทรัพย์ สามารถจำนอง จำหน่ายจ่ายโอนได้ในยามจำเป็น หรือหากมีฐานะดีขึ้นก็สามารถที่จะซื้อที่ดินเพิ่มเติมได้

โฉนดชุมชนยังถือเป็นการสร้างความไร้ขื่อแปของการจัดการที่ดิน แทนที่ชาวบ้านจะสามารถซื้อที่ดินเป็นทุนของตนเองแบบโฉนดทั่วไปเช่นคนอื่น กลับได้โฉนดชุมชนกำมะลอนี้ขึ้น ในกรณีคลองโยง เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เลิกทำนา ที่ดินดังกล่าวก็คงมีสภาพเป็นนาร้าง หรือผู้ครอบครองแต่ละรายอาจเช่าให้ผู้อื่นมาใช้ประโยชน์ในทางอื่น ซึ่งคงเหลือผู้คัดค้านเพียงน้อยรายที่ยังอาจทำการเกษตรอยู่

ทำลายระบอบประชาธิปไตย

การอ้างสิทธิชุมชนลอย ๆ เป็นอนาธิปไตย สร้างความไร้ขื่อแป เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย เป็นการสร้างความไร้ขื่อแป เอากฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่าอนาธิปไตย เป็นการหักล้างระบอบประชาธิปไตยโดยคนส่วนใหญ่ แต่กลับไปติดสินบนคนส่วนน้อย เพื่อหาเสียง เพื่อให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เข้าใจว่าเป็นการช่วยประชาชน แต่แท้จริงเป็นการช่วยเฉพาะกลุ่มกฎหมู่ที่ไม่ใช่คนจนเป็นสำคัญ

ในระบอบประชาธิปไตยนั้นที่ถือมติของคนส่วนใหญ่ ก็ใช่ว่าคนส่วนใหญ่จะบีฑาคนส่วนน้อย ทุกคนมีศักดิ์ สิทธิ์และประโยชน์ของตนโดยเท่าเทียมกัน ประเทศสามารถให้ความอนุเคราะห์พิเศษแก่คนส่วนน้อยในฐานะที่เป็นผู้ขาดแคลน เช่น กรณีพิบัติภัย หรือกรณีคนส่วนน้อยที่เป็นคนยากจนและจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ แต่สำหรับโฉนดชุมชน เรากลับจะให้อภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยที่ไม่ได้มีฐานะยากจน มาฉวยทรัพยากรของชาติและประโยชน์ของคนส่วนใหญ่

คนอื่นมาอยู่แทนบ้างได้ไหม

การที่ชาวบ้านหรือชาวเขาครอบครองป่านับหมื่นไร่ ใช้ทำมาหากินกันเฉพาะคน 20 หลังคาเรือนนั้นมากไปหรือไม่ ชาวเขาทำตนเป็นอภิสิทธิชนหรือไม่ เพราะถ้าเป็นการปฏิรูปที่ดิน แต่ละครอบครัวจะได้เพียง 15 ไร่ รวมแล้วทั้งหมู่บ้านก็คงมีที่ทำกินไม่เกิน 300 ไร่เท่านั้น ถ้าบอกว่าชาวเขาเป็นแรงงานราคาถูกที่ช่วยรักษาป่า ก็คงต้องถามกันต่อว่า คนอื่นจะมาอยู่แทนบ้างได้ไหม

1. ถ้ามีชาวบ้าน ชาวปกากะญอกลุ่มอื่น หรือชนเผ่าอื่นจะขอสิทธิอันนี้บ้างโดยขอเข้าประกวดอยู่แทนชาวเขากลุ่มนี้ (เพราะถือเป็นคนไทยเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้มาบุกรุกอยู่ป่าเท่านั้น) จะได้หรือไม่

2. ถ้าชาวบ้านกลุ่มอื่นบอกว่าจะยินดีจ่ายภาษีมากกว่าชาวเขากลุ่มนี้ซึ่งไม่ได้เสียภาษีโดยตรงอยู่แล้ว จะคิดอย่างไร

3. ยิ่งถ้าธุรกิจเอกชนยินดีจะขอเช่าป่า (และรักษาให้อยู่ในสภาพเดิม รวมทั้งปลูกป่าถาวรให้หนาแน่นยิ่งขึ้น) เพื่อทำธุรกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ (คล้ายกับที่ชาวเขาทำ “โฮมสเตย์” ในปัจจุบัน) และยินดีจ่ายภาษี (อย่างงาม) ให้กับทางราชการเพื่อนำไปทำนุบำรุงประเทศและประชาชน จะได้หรือไม่

เราแน่ใจหรือว่า การที่ชาวเขาหรือชาวบ้านพื้นราบที่ไปจับจองป่า จะดูแลได้ดีกว่าคนอื่นในประเทศนี้ 

ที่ดินป่าเป็นของใคร

ในกรณีชาวเขา เขาอาจอ้างว่าพวกตนอยู่มาก่อนนับร้อยปีแล้ว น่าจะเป็นเจ้าของทรัพยากร อันนี้คงต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า การเป็นเจ้าของคงหมายเฉพาะถึงการอยู่ในหมู่บ้านของตน แต่การ “ตู่” เอาพื้นที่นับหมื่นไร่ไปใช้เสียเอง น่าจะมากเกินไป การที่เราจะอนุญาตให้ชนกลุ่มใดมา “ถูกหวย” ได้ทรัพยากรมากกว่าประชาชนกลุ่มอื่น อาจเป็นแนวคิดแบบ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ที่ต้องทบทวน อย่างไรก็ตามหลายคนอาจคิดเพียงง่าย ๆ ว่าพวกเขาจน จึง “ ยกประโยชน์ให้จำเลย ” ไป โดยถือเสียว่าดีกว่าให้นักการเมืองหรือข้าราชการใหญ่โกงไป ทั้งที่ก็ต่างเป็นการโกงเหมือนกัน

ทรัพยากรที่ดิน - ป่าไม้เป็นของส่วนรวม เป็นของทุกคนที่รวมกันเป็นประเทศชาติ ใครครอบครอง ใครได้ประโยชน์ต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นการตอบแทนสังคมในรูปแบบหนึ่ง การที่รัฐบาลในฐานะกลไกของประเทศชาติขาดประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากร เราก็ต้องแก้ไขที่ต้นตอ ไม่ใช่หันหลังให้รัฐแล้วเข้าช่วงชิงทรัพยากรกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม (ในนามของ “คนจน”) แนวคิดเช่นนี้อาจต้องทบทวนให้ดีเพราะจะเป็นการสร้างและผูกปมปัญหาให้ซับซ้อนยิ่งขึ้นก็ได้

เราต้องให้ประชาชนอยู่ในเมือง จะให้ไปบุกรุกป่าไปเรื่อยๆ ไม่ได้  ป่าต้องเก็บไว้ และมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด  ทั้งอาสาสมัคร และยังต้องมีคนคอยตรวจตราอาสาสมัครอีกชั้นหนึ่ง เผื่อจะไป "ซูเอี๋ย" กับผู้บุกรุก  ในยุคสมัยใหม่นี้ ภาคเกษตรลดบทบาทลงไปมาก  รายได้ประชาชาติจากภาคเกษตรมีสัดส่วนเพียง 13% ของรายได้ประชาชาติ ในขณะที่ภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมเป็นฐานหลักที่สำคัญที่สุด

การอนุญาตให้ประชาชนเข้าใช้พื้นที่ป่าโดยไม่ต้องเช่า ไม่ต้องภาษี แบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา จึงเป็นการทำลายชาติทางหนึ่ง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท