Skip to main content
sharethis

สำนักข่าวบีบีซีตั้งคำถามกลุ่มก่อการร้าย 'ไอซิส' หรือ 'ไอเอส' ดึงดูดผู้คนด้วยข้ออ้างการสร้างรัฐเคาะลีฟะฮ์ด้วยวิธีใด และการดึงดูดผู้คนด้วยโฆษณาชวนเชื่อที่ไม่ได้ส่งผลพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนได้จริงจะคงอยู่ต่อไปได้หรือไม่

2 ก.ค. 2558 หนึ่งปีมาแล้วที่กลุ่มติดอาวุธไอซิส (ISIS) ประกาศจัดตั้ง 'รัฐเคาะลีฟะฮ์' (Caliphate) ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเป็นรัฐที่จะปกครองภายใต้กฎหมายชะรีอะฮ์โดยตัวแทนจากพระผู้เป็นเจ้าหรือ 'กาหลิป' ถึงแม้ว่ากลุ่มไอซิส หรือที่เปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองเป็น 'ไอเอส' จะถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงอย่างสุดขั้วแต่ก็ยังมีคนจำนวนมากเข้าไปในพื้นที่ของไอซิสและมีหลายกลุ่มยอมเป็นพวกด้วย ทำให้บีบีซีตั้งคำถามว่าอะไรที่เป็นสิ่งดึงดูดกลุ่มไอซิส

ในรายงานของบีบีซีระบุว่าไอซิสพยายามใช้ประโยชน์จากการมองรัฐเคาะลีฟะฮ์แบบเพ้อฝันและในเชิงสัญลักษณ์ ร่วมไปกับการโหยหาความรุ่งเรืองในอดีต ความรุ่งเรืองที่ว่าคือช่วงสมัยรัฐเคาะลีฟะฮ์ในยุค พ.ศ. 1175-1801 ซึ่งมีลักษณะเกือบจะเป็นเรื่องเล่าปรัมปรา (mythical) ที่มีเผยแพร่อยู่ในตำราของอิสลามและในหลักสูตรการเรียนการสอนของชาวมุสลิมในหลายประเทศ

บีบีซีระบุว่าเรื่องเกี่ยวกับรัฐเคาะลีฟะฮ์ในอดีตมีการกล่าวถึงการพิชิตดินแดนไปในภูมิภาคต่างๆ ของโลกอย่างตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ พื้นที่ส่วนใหญ่ในเอเชีย และสเปน ในแบบเรียนมีการกรองเอาด้านลบของการปกครองแบบรัฐเคาะลีฟะฮ์ออกทำให้เกิดภาพลักษณ์ของความเป็นสถาบัน ในยุคสมัยดังกล่าวยังมีความเจริญรุ่งเรืองทางวิทยาศาสตร์และทางวัฒนธรรม ซึ่งถือว่าชาวมุสลิมมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเหล่านี้

บีบีซีระบุว่าจากการที่คนหนุ่มสาวชาวมุสลิมเติบโตขึ้นจากการอ่านและฟังเรื่องราว "ยุคทอง" ของรัฐเคาะลีฟะฮ์ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าอยากกลับไปสู่ยุคสมัยนั้น

จากความรู้สึกดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ผู้นำกลุ่มไอซิสใช้ประโยชน์โดยการเรียกรวมพลชาวมุสลิมทั่วโลกให้เดินทางไปยังพื้นที่ที่ไอซิสยึดครองอยู่ รวมถึงมีการใช้ประโยชน์จากความรู้สึกต้องการเข้าถึงรัฐเคาะลีฟะฮ์ในการสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้ความรุนแรงและการลงโทษผู้คน จากการอ้างตามลักษณะกฎหมายในยุคที่รัฐเคาะลีฟะฮ์รุ่งเรือง

รายงานของบีบีซีระบุอีกว่าไอซิสพยายามใช้รัฐเคาะลีฟะฮ์ในยุคแรกๆ ของอิสลามเป็นต้นแบบ พวกเขาลอกเลียนคำศัพท์เฉพาะของเคาะลีฟะฮ์มาใช้ เช่น ชื่อเรียกตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ และการแบ่งส่วนการปกครอง ซึ่งเป็นคำที่ประเทศมุสลิมโดยส่วนใหญ่เลิกใช้กันแล้ว นอกจากนี้ไอซิสยังพยายามแสดงออกแบบรัฐเคาะลีฟะฮ์ด้วยการขยายอาณาเขตไปตามที่ต่างๆ ตามแบบที่เขียนไว้ในตำรา

ในขณะที่ไอซิสมีอิทธิพลมากในอิรักและซีเรีย พวกเขาก็ยังประกาศว่าจะขยายพื้นที่ไปยังอียิปต์ เยเมน ลิเบีย ซาอุดิอาระเบีย อัลจีเรีย อัฟกานิสถาน แอฟริกาตะวันตก และกระทั่งพื้นที่แถบคอเคซัสที่อยู่ระหว่างทะเลดำและทะเลแคสเปี้ยน

แต่บีบีซีก็ระบุว่าการ "ขยายอาณาเขต" ของไอซิสเป็นเรื่องคุยโม้เสียส่วนใหญ่ พวกเขาไม่ได้ใช้กองกำลังบุกเข้าพื้นที่ต่างชาติแบบกองกำลังรัฐเคาะลีฟะฮ์สมัยก่อน การขยายอาณาเขตของไอซิสส่วนใหญ่มาจากการที่กลุ่มติดอาวุธที่มีอยู่ในพื้นที่อยู่แล้วรวมเป็นพวกกับพวกเขาด้วย แล้วเปลี่ยนชื่อเขตปกครองให้เป็นไปตามแบบแผนของไอซิส


"รัฐเคาะลีฟะฮ์" แบบที่ไอซิสพยายามสร้างเข้มแข็งขึ้นหรืออ่อนแอลง

บีบีซีระบุว่าการสร้างความชอบธรรมของรัฐเคาะลีฟะฮ์ขึ้นอยู่กับการยอมรับจากชาวมุสลิมและการยึดครองพื้นที่ได้มากพอที่จะปกครองพลเรือนของพวกเขาได้ โดยสำหรับบางคนแล้วพวกเขาถูกดึงดูดเข้าสู่ไอซิสหลังจากที่เห็นว่าไอซิสยึดครองดินแดนส่วนหนึ่งของอิรักและซีเรียได้อย่างรวดเร็ว และสิ่งที่พวกเขาใช้โฆษณาชวนเชื่ออีกอย่างหนึ่งคือการดำเนินการแบบคล้ายๆ รัฐ เช่นมีการบริหารสาธารณสุข มีระบบการศึกษา โครงการบริจาค และการดูแลบำรุงถนนหนทางและไฟฟ้า ถึงแม้ว่าจะดูมีลักษณะการจัดการแบบผิวเผินเพียงใดก็ตาม

อย่างไรก็ตามถ้าหากไอซิสเริ่มสูญเสียพื้นที่สำคัญและเริ่มไม่สามารถให้การคุ้มครองหรือบริการขั้นพื้นฐานแก่พลเรือนในพื้นที่แล้วก็มีความเสี่ยงที่ "รัฐ" ของพวกเขาจะล่มสลาย ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาพวกเขาเริ่มสูญเสียพื้นที่สำคัญจากการสู้รบกับกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวจากหลายที่ระบุว่าคนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ไอซิสมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่และอยู่ภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ที่โหดร้าย

บีบีซีระบุว่าเมื่อไม่นานมานี้ผู้นำกลุ่มไอซิสประกาศขอร้องให้ชาวมุสลิมนิกายซุนนีที่หนีออกไปจากพื้นที่ของไอซิสในอิรักกลับคืนสู่พื้นที่อาณาเขตของพวกเขา มีการขอร้องแบบนี้ 2 ครั้ง ซึ่งอาจเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของพวกเขาจนแสดงออกถึงความต้องการการสนับสนุนอย่างมาก

อย่างไรก็ตามบีบีซีระบุว่าไอซิสแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการย้อนกลับมาเอาชนะได้ในแง่ของการสู้รบยึดครองพื้นที่เช่นในเมืองทางตอนเหนือและตอนใต้ของอิรัก และในเมืองโคบาเนแถบชายแดนซีเรียที่เพิ่งถูกกองกำลังชาวเคิร์ดยึดไปเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา

ในแง่ของคนที่ถูกหลอกล่อให้เดินทางไปเข้าร่วมกับรัฐเคาะลีฟะฮ์ บีบีซีรายงานว่ามีเพียงชาวมุสลิมส่วนน้อยมากที่ถูกล่อลวงโดยโฆษณาชวนเชื่อที่หนักแน่นของไอซิส ซึ่งในจำนวนนี้มักจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น แต่ก็ถือว่ามีจำนวนมากพอที่จะสร้างความวิตกกังวลได้


เรียบเรียงจาก

Is Islamic State caliphate here to stay?, BBC, 29-06-2015
http://www.bbc.com/news/world-middle-east-33291429

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net