รายงานพิเศษ: รวมดาว (ดิน) เล่าเรื่องคุก

<--break- />หลังสมาชิก ‘ขบวนการประชาธิปไตยใหม่’ 14 คนออกจากเรือนจำใหม่หมาดๆ บางคนกลับบ้านไปพบครอบครัว บางคนยังคงรวมกลุ่มเตะบอลกัน ประชาไทมีโอกาสสัมภาษณ์  7 นักศึกษากลุ่มดาวดินก่อนกลับภูมิลำเนา แม้แต่ละคนหน้าตาจะแปลกไปด้วยสภาพหัวเกรียนเหมือนๆ กันหมด แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ สายตามุ่งมั่น และดูเหมือนจะมากกว่าเดิม

เราพูดคุยกันไม่ใช่ประเด็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง หากแต่เป็นการบอกเล่าถึงบทเรียนที่ได้รับจากห้องเรียนที่ชื่อว่า เรือนจำ

ต้องกล่าวด้วยว่าการสัมภาษณ์มีลักษณะคล้าย ‘การจับปูใส่กระด้ง’ คุยกับสมาชิกคนนี้ คนอื่นๆ ที่รอสัมภาษณ์ก็หนีไปเล่นฟุตบอลกันอย่างสนุกสนาน มันคงเป็นฟุตบอลนัดแรกที่พวกเขาได้เล่นด้วยกันนอกรั้วกำแพงสูง

000000

น้อย – อภิวัฒน์ สุนทรารักษ์

ชีวิตความเป็นอยู่ในเรือนจำเป็นยังไง
ตอนแรกที่เดินเข้าไป มองเห็นกำแพงที่สูงๆ ผมก็ตกใจว่าข้างในนั้นเป็นแบบที่ผมคิดรึเปล่า มันเลวร้าย เป็นศูนย์รวมพวกนักโทษ พวกนักเลงรึเปล่า แต่พอผมเดินเข้าไปเพื่อเข้าที่พักในวันนั้นตอนตีสองหลังจากศาลตัดสินเสร็จ ผู้คุมที่นั่นก็ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีตั้งแต่วันแรก แล้วตื่นเช้าขึ้นมาก็ตกใจอ่ะ คนทำไมอาบน้ำเยอะจังเลย ตอนแรกก็กลัวๆ ไม่กล้าอาบ ก็เลยอาบทีหลัง ห้องน้ำเตี้ยๆ ต้องนั่ง หัวโผล่ขึ้นมา แล้วก็มีคนมายืนอยู่ กดดัน โอ้โห รอเข้าห้องน้ำ รอกันเยอะ ต้องใช้เวลารวดเร็วพอสมควรในนั้น

ซักพักมีการแยกแดน ทำให้พวกเราต้องย้ายไปแดนละสองคนสามคน ส่วนตัวผมก็ไปอยู่ในแดน 3 กับไผ่แล้วก็สามเหลี่ยม [ฉายาของเบส] เข้าไปแล้วเขาก็ดูแลดีเหมือนเดิม ตั้งแต่วันแรกผู้คุมก็เข้มหน่อยแต่ก็ใจดีให้ไปอยู่ในห้องพักที่มี 11 คน แล้วก็เปิดไฟตลอด แสบตามากเลย เปิดไฟทั้งคืน หลับๆ ตื่นๆ ร้อนด้วย แล้วก็แออัดด้วย

พออยู่ไปเรื่อยๆ ก็เห็นมิตรภาพของคนในคุกว่าเป็นยังไง ผมเดินไปไหนเขาก็ทักทายว่าเป็นยังไงมายังไง พี่เขาก็จัดสรรที่นอนให้ทุกอย่าง วันแรกมีคนนึงไม่มีที่นอน พี่เขาก็แบ่งที่นอนให้ ผมก็เห็นมิตรภาพ พี่บางคนไม่มีญาติก็ลำบากมาก ต้องทำงานแลกเอาของ พวกของกิน อยากกินอะไรก็ต้องทำงานแลก อยากได้ยาสูบก็ต้องทำงานแลก อย่างเช่น ซักผ้าอาทิตย์นึงแลกกับบุหรี่มวนนึง

ข้างในนั้นทำทุกอย่างเลย มีตั้งแต่ทำกรงนก ทำขนม ทำถุงกระดาษที่เขาใช้ในห้าง เขาก็ทำสวยครับ แบ่งกันทำ แล้วก็ขนมในนั้นผมกินแล้วอร่อยมากเลย ชื่อว่า ขนมเดียวดาย หากินได้ที่แดน 3  มันจะเป็นขนมแบบเหนียวๆ เคี้ยวๆ ห่อกระดาษ อร่อยมาก หวานจับใจ

ได้รู้จักนักโทษการเมืองคนอื่นไหม
ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่น่าจะได้เจอ ส่วนมากจะเจอคดีชิงทรัพย์ ปล้น ฆ่า แต่ผมก็คิดว่าเขาไม่ใช่คนเลวนะครับ เขาแค่ตัดสินใจพลาดเพียงชั่ววูบเท่านั้นเองทำให้ชีวิตเขาต้องพังทั้งชีวิต เหมือนคนที่ผมคุยด้วยเป็นประจำ แกตัดสินใจไปช่วยน้อง มันไม่ใช่เรื่องของแกแต่เผลอพลั้งไปฆ่าคน แกเพิ่งเรียนจบด้วย ออกมาก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง จะมีใครรับทำงานไหม แกก็เป็นกังวล คือ มันไม่มีคนที่ไม่ดีเลยเพียงแค่สังคมให้โอกาสกับเขา ถ้าเขาได้ออกมา ส่วนมากจะเป็นแบบว่าออกไปแล้ว คนไม่ยอมรับ เขาก็จะกลับเข้ามาอีก ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีงานทำก็จะกลับมาทำแบบเดิม เป็นวัฏจักร

แล้วก็มีคนสักลายทั้งตัว ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะ ผมชอบมาก แกติงต๊องดี แล้วหลังจากที่พวกผมออกมาหลังจากศาลตัดสินยกคำร้อง พวกแกก็ถามกันว่าจะไปกันแล้วเหรอ พวกเอ็งไม่อยู่แล้วพวกพี่ก็เหงาดิ

วินาทีที่เราออกมาเจอเพื่อนที่หน้าเรือนจำ รู้สึกยังไง
เห็นแล้วอยากร้องไห้เลย ดีใจมากครับ เพื่อนก็มาเป็นกำลังใจให้ตลอด ข้างในกับข้างนอกก็ไม่ต่างกัน ข้างนอกก็เหนื่อยเหมือนกัน ดีไม่ดีข้างนอกเหนื่อยกว่าข้างในอีก เขาพยายามช่วยเราทุกอย่าง ซื้อของซื้ออะไรมาเยี่ยมทุกอย่าง พอได้เห็นหน้าเพื่อนก็ชื่นใจ มีความสุข

อยากฝากอะไรทิ้งท้าย
พวกเรายืนยันว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถึงแม้จะมีทั้งคนที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนก็ตาม พวกเราก็จะคิดว่าสิ่งนี้ถูกต้อง เสรีภาพต้องเกิดขึ้นในสังคม หลักการ 5 ข้อต้องกลับคืนมา

อาร์ตี้ (ชูศรี) ศุภชัย ภูครองพลอย  

ชีวิตความเป็นอยู่เป็นยังไง
แยกไปแดน 5 กับ โรม กับ หนุ่ย ในด้านความรู้สึกก็เหงา  เพราะว่าจากตอนอยู่ด้วยกันหมดมันก็เฮฮาปาร์ตี้กัน แต่พอแยกแดนก็รู้สึกว่ามันบั่นทอนอยู่เหมือนกัน สุดท้ายพวกเราก็รอจังหวะเยี่ยมญาติที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกัน ได้คุยกันทุกคน แต่ละวันก็เติมพลังให้กันตรงนี้ 20 นาที

เขาเราให้อยู่ข้างหน้า ให้อยู่บล็อกโซน ได้ไปอยู่รวมกับนักโทษคนอื่นก็ตอนกินข้าว  คิดว่าในแดน 3 เป็นระบบที่เป็นสังคมนิยมอยู่ คือเป็นรัฐ หน้าแดนมีพวกพี่เลี้ยง ผู้คุมอยู่ แล้วก็มีการแบ่งกองงาน ใครถนัดด้านไหนก็ไปทำ มีสวัสดิการให้ มีข้าว มีน้ำให้อาบให้กิน เรื่องเงินจากการทำงานก็ได้เท่าๆ กัน แต่ก็มีคนชายขอบเยอะ คนที่ไม่มีญาติก็เยอะ

มุมมองต่อนักโทษการเมืองในฐานะที่เราเรียนกฎหมายด้วย
เป็นเรื่องธรรมดา เพราะสถานการณ์บ้านเมืองเราแบ่งเป็นขั้วอยู่แล้วชัดเจน แน่นอนอยู่แล้วต้องโดน ที่คุณปิดกั้นอิสรเสรีภาพ เขา  คือเขาไม่ใช่นักโทษที่เป็นอาชญากร ทำเรื่องที่มันรุ่นแรง ฆ่า ข่มขืนอะไรอย่างนี้ คือเขาเป็นนักโทษทางความคิด น่าจะมีสถานที่อะไรที่มันเป็นสำหรับนักโทษทางความคิดโดยเฉพาะ ไปอยู่ในนั้นก็เห็นเขาโดนปฏิบัติเหมือนนักโทษทั่วไป ผมก็ว่ามันรุ่นแรงเกินไปสำหรับนักโทษที่ทำแค่คิดต่าง

วินาทีที่เจอเพื่อนที่มารับเรือนจำ
พึ่งเข้าใจลึกซึ้งจริงๆ ว่าเสรีภาพ อิสรภาพคืออะไร หลังจากที่เราไปอยู่ 12 วัน มันจับต้องได้นะ จับต้องทางความรู้สึกของเรา แม่มารอรับด้วย รู้สึกว่าตื้นตันใจ แต่ก็ตกใจที่สื่อมวลชนเยอะ แต่ที่ออกมาคือเราสู้จากเรื่องข้างล่าง เรื่องปัญหาพื้นที่ที่เขากดขี่ มันเป็นภาพที่จับชัด พอเรามาโดนเรื่องนี้เป็นนามธรรมเรื่องความคิด มันก็รู้สึกจริงๆ ยิ่ง 12 วันที่ผ่านมา ยิ่งโดนแยกแดน พอได้ออกมามันซึมซับได้จริงๆ เรื่องอิสรภาพ เสรีภาพ

ฝากให้คำพูดนี้เป็นอะไรที่มันเตือนใจตัวเอง 12 วันที่ผ่านมาถึงแม้จะโดนจำกัดสิทธิเสรีภาพอะไร แต่มันได้อะไรเยอะได้รับรู้ว่าเรื่องนามธรรมที่เราท่อง พูดอะไรกันมันสัมผัสได้จริงๆ ไม่ได้คิดว่ามันจะหยุดหรือทำให้พวกผมกลัว ผมยังยืนว่าจะสู้ต่อ มันสวยงามมาก อิสรภาพ เสรีภาพ

ไผ่ จตุรภัทร บุญภัทรรักษา

ออกจากเรือนจำมาแล้วรู้สึกยังไง
มันไม่สมควรที่จะต้องรับผิดอ่ะ มันเป็นเรื่องของการแสดงความคิดเห็นต่างเฉยๆ ทุกคนมีความคิดเห็น สังคมมันก็มีความหลากหลาย เราจะมาบังคับให้ทุกคนมาคิดเหมือนเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่เขามีมุมมองความคิดต่างไปจากฝ่ายเราหรือฝ่ายรัฐบาล มันไม่ควรที่จะต้องต้องโทษทางความผิด มันไม่ใช่โทษการเมืองแต่เป็นโทษทางความคิด

สิ่งที่สำคัญคือมันต้องเปิด ฟังดูเหตุผล ข้อเท็จจริงต่างๆ ประกอบแล้วตัดสินใจ คนในสังคมเขาตัดสินใจได้อยู่แล้วว่าอันไหนคือความยุติธรรม อันไหนคือความจริง เขาจะเลือกยังไงเรื่องของเขา แต่ว่าความคิดแบบนี้มันต้องได้ถูกพูดกับสังคม เพราะฉะนั้นการที่เขากักขังนักโทษทางการเมือง กักขังอะไรพวกนี้มันคือกักขังความคิด แค่นั้นเอง

แล้วที่เข้าไปเจอใครบ้างที่เป็นนักโทษทางความคิดในนิยามของเรา 
ไม่เอ่ยชื่อแล้วกัน แต่ว่าเจอหลากหลาย พอเข้าไปข้างในแล้วรู้สึกว่าคนเหล่านี้ไม่ควรมาอยู่ตรงนี้เลย มันมีกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมบางอย่าง (หัวเราะเบาๆ) แต่รู้สึกว่าไม่มีใครที่สมควรโดนโทษทางความคิดเลยแม้แต่คนเดียวด้วยซ้ำ คุกเขามีไว้ขังคนที่กระทำความผิดตามกฎหมาย ไม่ได้มีไว้ขังคนที่มีความคิดที่แตกต่าง แต่เครื่องมือเดียวที่เผด็จการสามารถทำได้ก็คือกักขังความคิดไอ้พวกนี้ไว้ไม่ให้สื่อสารกับสังคม

ได้คุยหรือแลกปลี่ยนอะไรกับคนข้างในไหม
แลกเปลี่ยนๆ แต่มันพูดลงข่าวไม่ได้ไง คือความคิดเขามันมีคุณค่ามากเลย เขามีความคิดที่มันน่าจะได้ถูกพูดกับสังคม สังคมน่าจะได้รับรู้เรื่องเหล่านี้ แต่เขาถูกกักขังไปแล้ว ความคิดเหล่านี้มันถูกปิดไว้

ตอนย้ายจากแดน 1 ไปแดน 3 อยากให้เล่าสภาพความเป็นอยู่ 
ตอนแรกอยู่แดน1 เราพยายามเริ่มปรับตัว มันไม่ชินนะ มันเป็นความไร้อิสรภาพที่เป็นรูปธรรม ที่เคยพยายามบอกกับสื่อตลอดว่าข้างนอกกับในมันเหมือนกัน มันไม่ต่างอะไรกัน ทีนี้พอเข้าไปข้างในมันยิ่งแสดงให้เห็นชัดเลย เราอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม คือเขาดูแลดีมากเพราะมันเป็นนักโทษที่เขาบอกว่า เป็นนักโทษที่ต้องดูแลอย่างดีอ่ะ เขาก็ให้อยู่ในแดน กันไว้ต่างหาก อาบน้ำทีหลังเขา 

ในคุกมันแปลกที่ว่าเราจะคิดว่าคนในคุกเป็นเดนตาย สวะสังคมอะไรอย่างนี้ แต่เข้าไปด้านในมันก็บ่งบอกว่าไม่ว่าคุณเป็นใครข้างนอก แต่พอคุณเข้าไปข้างใน ทุกคนเท่ากัน แล้วภายใต้ลายสักนั้น ภายใต้ความเถื่อนนั้น เขาก็มีความงามของความเป็นมนุษย์อ่ะ คือมนุษย์มีความงดงามอยู่ในตัวเสมอนะ แต่มันถูกสังคมแต่งเติมสีสันให้มัน ให้มันผิดเพี้ยนไป แต่ว่าเข้าไปข้างในมันงดงามอ่ะ มีน้ำใจ เขาดูแลอะไรทุกอย่าง

อาจจะเป็นเพราะว่าเราแยกมาอยู่ส่วนหน้าหรือเปล่า เลยดูดี 
เราเดินเข้าไปเวลาสูบบุหรี่ เขาก็เข้ามาถามไถ่ แบบอารมณ์คนคุกที่อยู่ด้วยกัน แล้วก็จะถามว่าพี่โดนคดีอะไร เราโดนคดีอะไรก็แลกเปลี่ยนกัน เขาเชี่ยวชาญกว่าผู้พิพากษาอีกนะ เขารู้เลย บางคนโดนคดีมายังไม่ตัดสิน เขาถามเสร็จ โอเค มึงโดนเท่านี้ๆ คือแบบเขามีประสบการณ์ตรง บางทีเราก็มองนะ เราเรียนสายนิติศาสตร์มา เฮ้ย ผู้พิพากษาแม่งควรได้มาสัมผัสชีวิตในนี้ว่ะ จะได้รู้ว่าเวลาตัดสินชีวิตใครควรเป็นยังไง เวลาในคุกมันเป็นยังไง คือระบบไทยมันเป็นระบบกล่าวหา บางคนมันก็ไม่สมควรโดนอะไรแบบนี้ บางคนก็โดนมากเกินไป

ในแดน1 มันดีที่เราได้อยู่ด้วยกัน 13 คน มันมีกำลังใจ แต่ละวันเราก็เอามุขมาเล่า ใครไม่ฮาก็เขกพื้นสามทีอะไรแบบนี้ ทีนี้เราก็ประชุมกัน ประเมินสภานการณ์ตลอดเวลา แต่พอเริ่มมีการแยก มันคือการทำลายบั่นทอนเรา เพื่อไม่ให้มีพลัง แต่การแยกแดนก็ไม่สามารถทำให้เรายอมได้ แยกกันแล้วมึงจะได้ยอมประกันตัวออกไปซะ แต่ถึงแม้พวกเราจะแยกแดนกัน แต่มันมีหัวใจที่เชื่อมกันอยู่ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ช่าง กูจะต้องอยู่ให้ได้ ไม่ประกัน นี่คือสิ่งที่ยึดร้อยพวกเราทั้ง 13 คนไว้แม้จะแยกแดน

มีอะไรจะบอกอีกไหม
คุกไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว มันแค่น่าเบื่อ เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวคุก อยากให้ทุกคนมาลองติดกัน คือมันแค่เงื่อนไขสำหรับสิ่งที่มันถูกต้องที่เราจะสู้กับ คสช. เราสู้แล้วเราต้องติดคุก มันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย แต่ถ้าเราปล่อยให้เผด็จการยังคงดำรงอยู่ในสังคมไทยได้ วัฒนธรรมอะไรเหล่านี้ยังคงอยู่ในสังคมไทยได้ อันนี้ต่างหากคือสิ่งที่น่ากลัว

โต้ง วสันต์ เสตสิทธิ์

ชีวิตในเรือนจำเป็นยังไงบ้าง 
ครั้งแรกอยู่รวมกันที่แดน 1 รู้สึกว่ามันไม่เหงา เพื่อนเยอะ เวลามีเยี่ยมญาติก็จะมาอัพเดทกัน ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกัน เรื่องความเป็นอยู่เขาก็ดูแลดี ทั้งผู้คุมทั้งพี่เลี้ยงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำ เวลาจะไปสูบบุหรี่ ไปกินข้าว ไปอาบน้ำ จะมีคนประกบ มีคนเฝ้า ประมาณว่าไม่ให้นักโทษคนอื่นเข้ามายุ่งด้วย

ช่วงแรกถึงไม่มีหนังสืออ่านก็ไม่น่าเบื่อนัก พอแยกแดนแล้วก็ไม่ถึงกับเหงาซะทีเดียว เพราะยังมีช่วงเยี่ยมญาติ พบทนาย พอไปอยู่แดนใหม่เขาก็ดูแลดี ดีเหมือนไข่ในหินเลย เหมือนเป็นคนพิเศษ เขาปฏิบัติกับเราอีกอย่างหนึ่ง ด้วยความที่เป็นนักศึกษามันก็เหมือนมีเกราะป้องกันเราด้วย เหมือนยังเป็นเยาวชนอยู่ แม้หน้าตาอาจจะไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร

พออยู่เป็นแดนก็ต้องเรียนรู้กับเพื่อนที่ไปอยู่ด้วยกันด้วย อย่างผมไปอยู่กับเดฟ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็เรียนรู้ พฤติกรรม นิสัยกันและกัน

จริงๆ ในใจลึกๆ ก็อยากให้เขาฝากขังต่อ เหตุผลอย่างแรกเลยคือ ข้างในก็เริ่มโอเค เริ่มปรับตัวได้เรื่องการกินการอยู่ เตรียมใจกันตั้งแต่แรกว่า 48 วันเป็นอย่างน้อย แต่ได้ออกมาก็ไม่เป็นไร ดีใจเหมือนกัน

วินาทีที่ได้ออกมาข้างนอกรู้สึกยังไง 
อาจจะเว่อร์นะ มันมีกลิ่นอายของอิสรภาพ อยู่ข้างนอกเราจะทำอะไรก็ได้ แต่ว่าอยู่ข้างในมันต้องอยู่ในระเบียบของเรือนจำอีกทีหนึ่ง มันเหมือนบีบเราไปในตัวด้วย 12 วันก็พยายามคิดว่าไปเข้าค่าย ไปบวช ไปเกณฑ์ทหารอะไรประมาณนี้ ไม่อยากให้มันเครียด ช่วงที่อยู่แดนหนึ่งจะมีวิธีคลายเครียดเยอะเลย คือถ้าคนไหนเล่นมุขไม่ฮาก็จะเคาะพื้น 3 ที แต่ละคนจะต้องมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง มีเรื่องในชีวิตมาแบ่งปันกัน

ตอนอยู่ในนั้นได้เจอนักโทษการเมืองคนอื่นบ้างไหม
เจอเยอะอยู่ ส่วนใหญ่ก็คืออยู่ฝั่งแดง เขาจะเป็นฝ่ายที่เข้ามาหาก่อน เขาตามข่าว โดยปกติก็จะมีหนังสือพิมพ์อยู่บ้าง แต่พอผมเข้าไปเรือนจำเก็บหมดเลย ปกติมีทีวีที่มีข่าวเขาก็จะตัดไปเป็นละคร สิ่งที่เขาพยายามกันอีกอย่างหนึ่งก็คน ไม่อยากให้พวกผมคุยกับนักโทษการเมืองคนอื่นมาก คงกลัวว่าอาจจะก่อวอดข้างใน อย่างเช่น เราตกลงกันไว้ว่าจะโกนหัวตอนย้ายแดน พอเราโกน นักโทษที่เห็นด้วยกับเราซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักโทษการเมืองเขาก็โกนตาม ผู้คุมก็เดือดร้อนเพราะโดนผู้บังคับบัญชาการด่า มันผิดกฎของเรือนจำ แต่ว่าที่พวกเราทำ ไม่ได้เป็นการต่อต้านเรือนจำ เราแค่พยายามจะสื่อสารกับข้างนอก

มุมมองต่อนักโทษการเมืองที่อยู่ในคุก
ผมคิดว่าไม่มีใครที่สมควรติดคุกเพราะแสดงความคิดเห็น มีคนหนึ่งที่ถูกจับมา 11 เดือน โดยที่ยังไม่ดำเนินคดี แต่ตำรวจก็ฝากขังเรื่อยๆ ออกศาลทีไรก็ยังไม่ฟ้อง ยังทำสำนวนไม่เสร็จ ติดอยู่เกือบปี ทั้งที่เขายังไม่ใช่คนผิด รู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมกับเขาเกินไป แล้ววิธีการปฏิบัติกับนักโทษในเรือนจำ ถึงแม้เขาจะเป็นคนผิดจริง ถึงเขาจะเป็นอันตรายต่อสังคมจริง แต่ว่าเขาก็เป็นคน ไม่ควรที่จะตะคอก ทำโทษรุนแรง หรือดุด่าเขา 

ส่วนการรักษาพยาบาลก็ไม่ดีเท่าไร ไม่ว่าจะป่วยเป็นอะไร ยาก็เป็นชุดเดียวกันหมด ยาแก้อักเสบ แก้ไข ยาพารา แล้วพยาบาลก็เหมือนผู้คุม ค่อนข้างกดขี่นักโทษ แต่ก็เข้าใจเขาได้ว่ามันต้องโหดถึงจะเอานักโทษอยู่ แต่ว่ามันก็เกินไปน่ะบางที ทำเหมือนกับว่าเขาไม่ใช่คน

ก่อนที่จะโดนจับเคยพูดว่า ถ้ามีคนมาถามว่าติดคุกเพราะอะไร แล้วบอกว่าชูป้ายผ้ามันคงตลกน่าดู พอเข้าไปจริงๆ แล้วมีคนถามไหม
เขารู้ว่าเป็นคดีการเมือง เขาก็ถามว่าชุมนุมประท้วงเหรอ ก่อนเข้าไปก็จิตนาการว่ามันคงเป็นเรื่องตลกน่าดู แต่พอเข้าไปจริงๆ มันไม่ตลก ตลกไม่ออก และด้วยวิธีการที่ผู้คุมปฏิบัติกับเรามันก็ทำให้ห่างกับนักโทษคนอื่น ไม่ค่อยคุยกัน เราก็เลยไม่ได้รู้มุมมองเขาเท่าไรว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่ว่าเท่าที่ได้สัมผัสก็คือพวกพี่เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิด เขาอยากให้ออกไป สันดานพวกมึงไม่ใช่โจร มึงประกันออกไปเถอะ ไม่ใช่คนอันตราย เขาว่าอย่างนั้น

มีสิ่งที่อยากจะพูดกับคนข้างนอกไหม
คือถ้าวันนี้ไม่สู้ อย่ามาเสียใจวันหน้า บรรยากาศแบบนี้เราก็ไม่รู้มันจะอยู่อีกนานแค่ไหน จังหวะนี้เราต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

เบส -สุวิชา พิทังกร

เป็นอยู่ยังไงในเรือนจำ        
ตอนอยู่แดนหนึ่ง พวกเราใช้ชีวิตรวมหมู่ ได้ละลายพฤติกรรมใน 13 คน บางคนเพิ่งได้มาสนิทกันตอนนี้ สนุกเฮฮา ปรับตัวในการอาบน้ำ เข้าห้องน้ำ พอโดนย้ายไปแดน 3 ความรู้สึกก็เศร้า น้ำตาไหล ต้องย้ายจากเพื่อนไป เขาย้ายแบบไม่ให้เราตั้งตัว

ปรับตัวใหม่ที่แดน 3 ตอนแรกก็ยังไม่ชิน ไปเรียนรู้ใหม่ เขาก็ดูแลดี ถูกกำหนดให้อยู่บล็อกโซนด้านหน้า แต่ละวันก็เข้าห้องนอนประมาณบ่ายสาม เข้าไปนอน มีสวดมนต์ ดูทีวี ดูข่าว พอมีข่าวให้ดูบ้าง แล้วต้องตื่นหกโมงเช้า มาอาบน้ำ เข้าห้องน้ำ กลับมานั่งที่เดิม แล้วรอลุ้นว่าญาติจะมาเยี่ยมไหม ให้ญาติเยี่ยม 20 นาที กลับมาก็กินข้าว อาบน้ำ เข้าห้องนอน เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ ห้องนอนสะอาด  เป็นห้องที่มีแต่คนชรา นอนกัน 11 คน เท้าชนเท้าเลย เป็นห้องที่มีกล้อง เขาเลยให้นอนห้องนี้

ได้พูดคุยกับนักโทษคนอื่นไหม 
คุยกับคนที่โดนคดีวางระเบิดศาลอาญา เป็นคนอีสานเหมือนกัน ก็เลยตั้งข้อสงสัยว่าทำไมมีแต่คนอีสานที่โดน ก็เว้าลาวกันบ้าง อยากจะบอกว่าข้างในไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเราอยู่เป็น ถ้าเราไม่หาเรื่องเขา จากที่สัมผัสไม่กี่วัน มีแลกที่อยู่กันกับบางคน บอกเขาว่าถ้าเขาออกมาก็มาเล่นด้วยกันที่บ้านดาวดินนะ เขาจะโดนตัดโทษปีหน้า เขาบอกว่าไม่มีญาติ พ่อเสีย น้องก็เสีย แม่ไปมีสามีใหม่ ไม่มีที่อยู่อาศัย เลยชวนเขามาอยู่ด้วยกันได้

อยากจะฝากอะไร 
ฝากกับคนที่มีอคติกับคนในคุก ถึงเขาจะลายเต็มตัว แต่เขาก็ไม่ได้จะอยู่ๆ ไปทำร้ายใครง่ายๆ เขาก็มีเหตุมีผล อยู่ที่นั่นก็เท่าเทียมกัน ถึงคุณจะรุ่นไหน แก่กว่ายังไงก็เป็นเพื่อนกันหมด ไม่มีศักดิ์ ไม่มีชั้น ไม่ว่าคุณจะใหญ่มาจากไหนข้างนอก เป็นเจ้าพ่อมาจากไหน อยู่ข้างในคุณก็เป็นคนเหมือนกัน เข้าห้องน้ำห้องเดียวกัน กินข้าวที่เดียวกัน

พายุ บุญโสภณ

ความเป็นอยู่ในเรือนจำเป็นยังไง 
ก่อนเข้าไปในเรือนจำ คิดว่าต้องเป็นภาพแบบโหดร้าย มีแก๊งค์ มีการรับน้อง พอเข้าไปถึงประมาณตีสอง บรรยากาศค่อนข้างจะแตกต่างจากที่คิด เรานอนได้ตามปกติ ตื่นขึ้นมาก็มีคล้ายๆ พี่เลี้ยงมาดูแล เจ้าหน้าที่ก็สั่งทุกคนว่าให้ดูแลเป็นพิเศษ แล้วก็กั้นพวกผมไม่ให้คุยกับใครด้วย

พอแยกแดนเราตกลงกันว่าเรามีเวลาคุยกันน้อยลงแล้วดังนั้นเราจะบอกญาติว่าให้เยี่ยมรอบเก้ารอบเดียวกัน เราจะได้เจอกันประชุมกัน แต่ถ้าถามว่าแดน 1 กับแดน 2 แตกต่างกันไหม แดน 1 จะคละกลุ่มนักโทษที่อยู่ระหว่างคดีหรือตัดคดีเรียบร้อยแล้วปนกัน มีมากมายหลายอายุ แต่แดน 2 จะมีเฉพาะวัยรุ่น ตั้งแต่ 19 ปี ไม่เกิน 25 ปี ต้องเข้าใจว่าวัยรุ่นค่อนข้างรับผิดชอบน้อย แดนก็ค่อนข้างสกปรก (หัวเราะ)

ก่อนเข้าไปก็มีคำหยอกๆ จากรุ่นพี่ที่อยู่แดน 1 ว่าระวังตำมอยนะ เอ๊ะ อะไรคือตำมอย พอเข้าไปเลยรู้ว่าอะไรคือตำมอยมันคล้ายๆ ผื่นอีสุกอีใสซักอย่าง คล้ายๆ หัดเยอรมัน น่ากลัวมาก คนที่เป็นค่อนข้างลำบาก แขนขาบวมแล้วก็มีตุ่มหนองไหล

ชุมชนแดน 2  ค่อนข้างจะจัดแบ่งเป็นโซนเป็นกิจจะลักษณะ จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นแต่ละกลุ่ม ใครเป็นพวกนักเลง ยกพวกตีกันก็จะแบ่งเป็นเขต เพื่อนเจอกันก็จะเกาะกลุ่มกัน แบ่งเป็นโซนระหว่างเพศสภาพด้วย พวกสาวประเภทสองเรียกว่าโซนเยาวราช

ตอนแรกที่ออกมาเจอเพื่อนที่รออยู่ รู้สึกยังไงบ้าง
รู้สึกว่าได้เจอตอนเยี่ยมค่อนข้างจะบ่อยแล้ว แต่ที่แตกต่างคือ อิสรภาพ เราสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ ข้างในเป็นกำแพงปิดล้อม รู้สึกถึงความเป็นอิสระมากขึ้น ได้เจอกลุ่มเพื่อนก็ดีใจ เราสามารถแลกเปลี่ยนคุยกันได้ ได้จับไม้จับมือ

พวกผมเข้าไปมันเหมือนโดนจับตามองเป็นพิเศษ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าแต่เหมือนหัวหน้าแดนทุกแดนเขาสั่งห้ามไม่ให้นักโทษมาคุยกับพวกเรา มีครั้งหนึ่งมีนักโทษเขาสงสัยว่าพวกผมโดนอะไร เขามาถามว่า เฮ้ย น้องมาได้ยังไง พอดีเจ้าหน้าที่มาเห็นก็ถามว่าคุยอะไรกัน แล้วก็สั่งนักโทษคนนั้นสก๊อตจ๊ำ หลังจากนั้นมาก็ไม่ค่อยมีใครกล้าคุย ยกเว้นตอนเข้าโรงนอนอย่างเดียว

อยากจะพูดอะไรอีกไหม
ดีใจที่ได้ออกมาจากเรือนจำเพราะข้างในอิสรภาพไม่มี วันๆ ก็มีแต่ต้องมานั่งหน้าแดนให้ผู้คุมเห็นหน้าตลอดเวลา ดีใจที่ได้ออกมาเผยแพร่ว่าข้างในนั้นมันดีไม่ดียังไง มีสภาพความเป็นอยู่ยังไง ให้คนที่เขาอยากรู้ได้รู้และได้เข้าใจว่านักโทษไม่ได้เลวร้ายแบบที่คิด เขาก็มีการผูกสัมพันธ์กับพวกเราดี เขาก็เหมือนคนในสังคมทั่วๆ ไป ผมมองว่านักโทษทุกคนไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนเลวอะไรที่ทำเขามาอยู่ตรงนี้ แต่สภาพสังคมมากกว่าที่กดดันทำให้เขาต้องทำอย่างนั้น ออกมาก็ไม่รู้คนข้างนอกจะยอมรับแค่ไหน ถ้ามีใครสงสัยผมก็อยากจะอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง ก็ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เข้าไปแล้วกลับมาเอาความรู้ข้างในมาเผยแพร่

ไนซ์ ภานุพงษ์ ศรีธนานุวัฒน์

ชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้าง
ช่วงแรกรู้สึกกังวล เพราะเราติดภาพจำจากสื่อต่างๆ ว่ามันค่อนข้างน่ากลัว พอเข้าไปแดนแรกรับ ทุกอย่างมันเข้มงวด มีระบบระเบียบตามระบบราชทัณฑ์ มีหัวหน้าห้องเป็นคนคุมระเบียบในห้อง ตอนแรกที่อยู่ด้วยกันก็ยังไม่มีอะไรทำเพราะไม่มีหนังสือให้อ่าน ก็นั่งอยู่เฉยๆ เขาแยกพวกเราออกมาที่โซนเจ้าหน้าที่ เขาดูแลความปลอดภัยของเรา ในสายตาเรือนจำ เราไม่ใช่อาญชากรที่ไปปล้นฆ่าลักชิงอะไร เราแต่เป็นนักโทษความคิด

แรกๆ ก็อยู่ด้วยกัน ได้ปรึกษากัน ไม่เชิงสนุกเพียงแต่มันไม่เหงา มีเพื่อนคุยเยอะแยะ แล้ววันที่เขาแยกแดนโดยที่ไม่มีการบอกก่อนว่าจะแยก จังหวะนั้นก็ไม่ทันตั้งตัว แรกๆ ที่แยกแดนยอมรับว่ารู้สึกเหงา

จริงๆ ชีวิตในแดน 2 ก็เหมือนเดิม แต่ดีที่มีหนังสืออ่าน ในนั้นจะมีการแบ่งเป็นชุมชน หรือแบ่งการปกครอง เรียกว่า บ้าน เช่นใครมาจากแถวรามก็จะเป็นบ้านราม บ้านมาเลเซีย บ้านสิงค์โปร บ้านอิสลาม บ้านลาดพร้าว แล้วเขาก็จะมีการบริหารจัดการกัน มีการบริหารจัดการสมาชิกในกลุ่มว่าแต่ละคนจะมีหน้าที่ทำอะไร พ่อบ้าน ก็จะดูแลลูกบ้าน ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ ก็มีหน้าที่เช่น เตรียมกับข้าว จองโต๊ะ จองพื้นที่ซักผ้า ตากผ้า เขาก็จะมีกระบวนการของเขาเอง จัดหน้าที่ของกลุ่มเขาไป 

ได้เจอนักโทษการเมืองคนอื่นไหม
ก็เจอเยอะอยู่ประมาณ 4-5 ก็คุยกันถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร เขาก็ถามว่าทำไมพวกผมถึงได้ออกมาต่อต้าน คสช. เราก็อธิบายไปตามที่เคยอธิบายกับสื่อต่างๆ ทั้งๆ ที่เราทำงานเรื่องทรัพยากรมาก่อน แต่มันคือเรื่องเดียวกัน โครงการของรัฐที่ออกมาในด้านทรัพยากร ก็คุยกันแลกเปลี่ยนความรู้กัน เขาก็มีชุดความรู้ของเขาอย่างหนึ่ง เราก็มีของเราอย่างหนึ่ง ก็เอามาแชร์กัน เช่นเรื่องทรัพยากรตามต่างจังหวัดเขาไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร เราแชร์ไปว่ามันมีผลกระทบอะไรบ้าง รัฐเข้ามาคุกคามอะไรบ้าง เขาก็แชร์เรื่องระบบการเมืองให้เราฟัง

การที่เราเข้าไปครั้งนี้คือการเข้าไปเรียนรู้ชีวิต บางคนยังไม่ถูกพิสูจน์ว่าทำผิดอะไรเลย แต่ถูกฝากขังไว้ 7 เดือน ก็ไม่เข้าใจว่ากระบวนการยุติธรรมทำไมถึงปล่อยให้เป็นอย่างนี้ เมื่อไรจะดำเนินการตัดสินซะที เขาจะได้รู้ จะได้วางแผนชีวิตต่อถูก ถ้าไม่ตัดสินคุณก็ไม่ควรมีสิทธิ์ที่จะเอาเขามาขังนานๆ แบบนี้ ควรจะมีเวลาบอกเขาหน่อย

มุมมองจากสังคมข้างนอก เราก็ไม่อยากให้ตีตราเขาว่าเป็นคนคุกหรือเป็นคนที่น่ากลัว ถ้าเราเปิดใจคุยกับเขา เขาก็เปิดใจคุยกับเรา เขาก็มีเหตุผลที่เขาต้องทำ เช่น ทางบ้านยากจน ไม่มีโอกาสได้เรียน พอไม่มีโอกาสได้เรียน ทางเลือกในการทำงานมันก็น้อยลงก็ไปค้ายาเพื่อส่งเสียลูกเมีย อยากให้มองว่าเขาก็คนเหมือนกัน แต่จะว่าไปศิลปะในการเอาตัวรอดของเขาดีกว่าเราเยอะ เขาดิ้นรนกว่าเยอะ เรามีตังค์ เรามีการศึกษา พ่อแม่ส่งให้เรียน แต่เขาไม่มีอะไรเลย เขาก็ต้องดิ้นรนเก่ง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท