สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดตัวเลขจีดีพีปีนี้ลงเหลือร้อยละ 3 จากเดิมคาดว่าโตร้อยละ 3.7 ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกด้านเศรษฐกิจ ชี้ท่องเที่ยวโต เงินบาทอ่อน รัฐ-เอกชนเร่งลงทุน เป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญในปีนี้

28 ก.ค.2558 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ของปีนี้ลงเหลือร้อยละ 3 จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 3.7

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สศค.ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค.ทำการปรับลดตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของปี 2558 ลง โดยคาดว่าจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 3 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมเมื่อเดือนเมษายน ที่คาดว่าจีดีพีของไทยในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 3.7

ผู้อำนวยการ สศค.กล่าวว่า การปรับลดจีดีพีลง เนื่องจากจากการส่งออกของไทยติดลบสูงกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะกับจีน สศค.จึงปรับลดประมาณการตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้าเหลือร้อยละ 3.61 จากเดิมที่คาดว่าจะโตร้อยละ  3.76

ส่วนประมาณการตัวเลขการส่งออกก็มีการปรับลดลงด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าการส่งออกทั้งปีของปีนี้จะติดลบ อยู่ที่ -0.4% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวได้ 0.2% ผู้อำนวยการ สศค.กล่าวว่า หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงไปอยู่ที่ 33.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐตามที่ประเมินไว้ จะช่วยทำให้ตัวเลขการส่งออกในปีนี้ติดลบน้อยลง

สำหรับปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทย ผู้อำนวยการ สศค.กล่าวว่า ภาคการท่องเที่ยวมีการขยายตัวสูงกว่าที่ประเมินไว้ คาดว่าทั้งปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยถึง  29.9 ล้านคน จากเดิม 29.4 ล้านคน ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวขยายตัวถึงร้อยละ 24 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 10

ทางด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ด้วยเช่นกัน โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 3.5-4 แม้จะได้รับผลกระทบจากการส่งออกอันเนื่องจากจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยครึ่งปีแรกการส่งออกของไทยติดลบร้อยละ 5 ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวลดลง ราคาน้ำมันทรงตัวระดับต่ำ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวชดเชยตัวเลขการส่งออกได้

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และการลงทุนในส่วนของภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง จะเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญในปีนี้ นอกจากนี้ การส่งออกในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มฟื้นตัว เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง จาก 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 34.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา มติชนออนไลน์, สำนักข่าวไทย