24 ส.ค. 2558 หลังจากช่วงเช้าดัชนีหุ้นไทย เปิดตลาดร่วง 30 จุด หรือประมาณร้อยละ 2.27 ดัชนี มาอยู่ที่ 1,334.62 จุด โดย ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า ธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อาร์เอชบี โอเอชเค (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันที่ 24 ส.ค. ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตั้งแต่ช่วงตลาดภาคเช้า เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ คือ ประเด็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยจะเห็นได้จากข้อมูลผลการสำรวจของไคซิน (Caixin) ที่บ่งชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในเบื้องต้นของจีนร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 77 เดือนที่ 47.1 ในเดือน ส.ค. จากระดับ 47.8 ในเดือน ก.ค.

ประกอบข่าวลบความอึมครึมของคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งล่าสุดประธานาธิบดีปาร์ก กึน เฮ ของเกาหลีใต้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือแถลงการณ์ขอโทษกรณีเป็นฝ่ายยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่การเจรายุติความตึงเครียดครั้งที่สองดำเนินมาเป็นเวลากว่า 20 ชั่วโมง ดังนั้นจึงส่งผลให้หลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบรวมถึงประเทศไทยด้วย

ขณะที่ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ตลาดหุ้นร่วงลงกว่า 50 จุดในครึ่งวันทำการว่า การที่คนขายเยอะคนซื้อน้อยก็มีส่วนทำให้ตลาดหุ้นปรับลดลงได้ และการที่ตลาดหุ้นร่วงก็มีหลายปัจจัยประกอบ ไม่ใช่สาเหตุภายในประเทศเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจโลกประกอบด้วย พร้อมมองว่าถ้าส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจก็ต้องเป็นห่วงเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก็ต้องหาวิธีดูแลให้เศรษฐกิจมีความมั่นคง

ที่มา เว็บไซต์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยสรุปวันนี้(24 ส.ค.58) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,301.06 จุด ลดลง 64.55 จุด หรือร้อยละ 4.73 มูลค่าการซื้อขาย 60,491.34 ล้านบาท

ซึ่ง สำนักข่าวไทย รายงานว่า ดัชนีลงมาสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี 6 เดือน โดยตั้งแต่ต้นปีถึงวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงไปแล้วร้อยละ 12 จากปัจจัยหลักตัวเลขเศรษฐกิจจีนและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาไม่ดี ทำให้นักลงทุนกังวลอย่างหนัก จึงมีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งในกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นเอเชียร่วงร้อยละ 3-4

สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงตามตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนมีความตื่นตระหนกกับแรงขายที่มีออกมาอย่างหนัก โดยมีปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นตัวกดดัน โดยเฉพาะการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นอเมริกาและตลาดหุ้นยุโรป ตลาดอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งคาดว่าแรงขายจะมีต่อเนื่องจนกว่าจะหยุดภาวะการตื่นตระหนก หรือมีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นการลงทุน คาดว่าพรุ่งนี้ (25 ส.ค.) ดัชนียังปรับตัวลงต่อ