Skip to main content
sharethis

‘จาตุรนต์’ สวน ไม่มีสิทธิใช้ปมพาสปอร์ตปิดกั้นความเห็น ยันพูดต่อ ชี้ร่างรธน.เลวร้าย-เผด็จการที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมาถ้าใช้บังคับจะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด

3 ก.ย. 2558 มติชน TV เผยแพร่วิดีโอคลิป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่อกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) ของ จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตรมว.ศึกษาธิการ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงสาเหตุว่า “ก็ผิดซ้ำซากไง หลายเรื่อง ก็คดีความเขาเยอะแยะไปหมด เรียกมา 10 ครั้งแล้ว เดี๋ยวมีอีกหลายคน คอยดูเถอะ”

“ถ้าไม่มีกติกามันก็เดินหน้าไม่ได้ ใช่ไหมเล่า วันนี้ยังไงผมก็ถูกมองมาอย่างนี้อยู่แล้ว ผมไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อยู่แล้ว แต่ประเทศได้อะไรล่ะ นั้นล่ะจำคำผมแล้วก็เขียนด้วยนะ ว่าผมทำอย่างนี้แล้วประเทศได้อะไร อย่ามามองว่าผมทำประเทศเสียหาย ไปถามสิมันดีกว่าเดิมไหม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.ประยุทธ์ ยืนยันว่าจะปฏิบัติด้วยความเป็นธรรมให้มากที่สุด โดยกล่าวด้วยว่า “ความเป็นธรรมของผมก็คือไม่ใช่ว่า จากนี้จากนั้นตรงนี้ ไม่เอา อย่าล็อคผมแบบนี้ ก็ดูพฤติกรรม ถ้ามันหลายครั้ง ตักเตือนแล้วยังไม่เชื่อฟังมันก็ต้องลงโทษกันบ้าง ถ้าจะไม่อยากถูกลงโทษ โน้นไปตอนมีรัฐธรรมนูญถาวรแล้วก็เลือกตั้งแล้วไปบ้ากับรัฐบาลโน้นมา ผมไม่เอาด้วย”

“ประเทศชาติเป็นของผมคนเดียวหรอ ผมมีหน้าที่ทำให้ประเทศชาติเป็นหนึ่งเดียว สงบสุข เดินหน้าประเทศ นั่นหน้าที่ผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

‘จาตุรนต์’ สวน ไม่มีสิทธิใช้ปมพาสปอร์ตปิดกั้นความเห็น ยันพูดต่อ

โดยมติชนออนไลน์รายงาน ถึงความเห็นของ จาตุรนต์ ภายหลังจากที่เขาการเข้าฟังคำชี้แจงจากอธิบดีกรมการกงสุลถึงกรณียกเลิกพาสปอร์ต ว่า ตนได้รับคำชี้แจงว่าได้มีการยกเลิกหนังสือเดินทางไปแล้วเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอให้ยกเลิกเหตุเพราะเป็นผู้ถูกออกหมายจับและเดินทางไปต่างประเทศ แต่ไม่มีรายละเอียดว่าเป็นหมายจับอะไร ซึ่งตนมองว่า เหตุผลที่ใช้อ้างนี้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะตนไม่ใช่ผู้ถูกออกหมายจับ แต่ตนถูกควบคุมตัวโดยสมัครใจตั้งแต่ต้น ไม่มีการออกหมายจับ ซึ่งขณะนี้คดีของตนก็ไปอยู่ในศาลทหารแล้ว และตนได้ขอยื่นประกันตัวอย่างถูกต้อง ซึ่งในการประกันตัวก็ได้มีข้อตกลงว่าหากจะเดินทางไปต่างประเทศให้ขออนุญาตจากศาลทหารทุกครั้ง นอกจากนี้

ขณะนี้ตนไม่ได้อยู่ต่างประเทศ ไม่ได้เดินทางไปไหน และไม่ได้ขอเดินทางไปต่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่เข้าข่ายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอ้างมาทั้ง 2 ข้อ ส่วนเรื่องการจะหลบหนีไปต่างประเทศหรือไม่ ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว เพราะเลยขั้นตอนของพนักงานสอบสวนมานานแล้ว แต่อยู่ในอำนาจของศาลทหาร ดังนั้นจึงเป็นการใช้ข้ออ้างที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงอย่างมาก แต่ก็ได้รับการชี้แจงว่า กระทรวงการต่างประเทศเมื่อได้รับการร้องขอจากหน่วยราชการตามระเบียบ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือศาล ฯลฯ กระทรวงต่างประเทศต้องดำเนินการตามโดยไม่ใช้ดุลพินิจ ซึ่งตนเข้าใจว่าการทำงานของกรมการกงศุลก็ทำไปตามลักษณะที่เคยทำมาอย่างไรก็ทำไปอย่างนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหละหลวมของระเบียบ และการใช้ระเบียบเนื่องจากว่าไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนทั้งที่สามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก

จาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้นตนได้ยื่นหนังสือไปแล้วว่าจะรอคำชี้แจงและคงจะดำเนินการร้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศทบทวนการยกเลิกหนังสือเดินทางของตนต่อไปอย่างไรก็ตามความหละหลวมของระเบียบนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ถ้าไม่มีวิธีการให้ความคุ้มครองกับคนและรับฟังข้อเท็จจริงจากผู้เสียหายมันได้กลายเป็นการละเมิดและริดรอนสิทธิและเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของพลเมืองที่พึงได้รับการคุ้มครองทั้งตามรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศแต่ผู้ที่จะต้องเดินทางไปเจรจากับองค์กรระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดก็คือกระทรวงการต่างประเทศเองแต่มาเกิดความหละหลวมกับกระทรวงที่ต้องคุ้มครองเรื่องนี้ทีนี้ เมื่อโยงกับกรณีที่นายกฯได้ชี้แจงบอกว่าเป็นการทำผิดซ้ำซากจึงต้องลงโทษ ก็ยิ่งไปกันใหญ่เพราะตามระเบียบนี้ไม่ได้เปิดช่อง หรือไม่ได้ให้อำนาจใครที่จะใช้ระเบียบนี้มาลงโทษพลเมืองด้วยการเพิกถอนหนังสือเดินทาง ยิ่งไปโยงกับการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองก็ยิ่งเป็นการไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น ทั้งนี้ ความหละหลวมของระเบียบเมื่อตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อใช้ในการปิดกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นก็กลายเป็นการละเมิดสิทธิเรื่องนี้ด้วยทั้งนี้ก่อนหน้าที่จะถูกยกเลิกหนังสือเดินทางตนได้เดินทางไปต่างประเทศ3-4ครั้งซึ่งได้รับการอนุญาตจากศาลทหารทุกครั้งมีเพียง2ครั้งที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากทางคสช.

เมื่อถามว่าหากคำร้องขอต่างๆไม่เป็นผลจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จาตุรนต์กล่าวว่าคงต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไปเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธินี้

เมื่อถามว่าต้องร้องศาลปกครองไหม จาตุรนต์ กล่าวว่า คงต้องดูเรื่องกฎหมาย ตนยังมีความเชื่อว่าทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ควรมีอำนาจมาจำกัดสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองไทยคนหนึ่งตามอำเภอใจ ถ้าบ้านเมืองนี้ยังมีความยุติธรรม จะต้องมีองค์กรใดองค์กรหนึ่งในประเทศนี้ให้ความยุติธรรมในการแก้ไขการยกเลิกหนังสือเดินทางนี้เสียใหม่

จาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังทำกันอยู่และกำลังจะมีการพิจารณาในวันที่ 6 ก.ย. นี้นั้นเป็นรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายและเผด็จการที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมาถ้าใช้บังคับจะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวงเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิดจะทำให้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งเสียหายอย่างยับเยินทางที่ดีที่สุดควรจะช่วยกันหาทางไม่ให้รัฐธรรมนูญนี้ออกมาใช้บังคับซึ่งประชาชนสามารถทำได้โดยสันติวิธีเมื่อลงประชามติก็เพียงแต่ไปจับปากกากากบาทในช่องไม่เห็นด้วยไม่รับไม่ให้ผ่าน ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ ที่ผมพูดนี้ไม่ได้เป็นการปลุกระดมอะไร ไม่เป็นการผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น และยืนยันที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net