ตำรวจเชิญบัณฑิต อานียา คุยหลังแสดงความเห็นอีก เจ้าตัวสัญญา'หยุดเพื่อชาติ'

12. ก.ย. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บัณฑิต อานียา นักเขียนวัย 74 ปี ถูกเชิญตัวไปพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติ ที่ สน.ชนะสงคราม หลังแสดงความคิดเห็นในงานเสวนา หัวข้อ "รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช?" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ข้อความของบัณฑิตโดยสรุปกล่าวถึงข้อเสนอที่ต้องการให้มีอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ คือ ให้คนไทยทุกชนชั้นเท่าเทียมกัน และเป็นเจ้าของประเทศอย่างเท่าเทียมกันทุกคน

เขาถูกเชิญตัวมาที่ สน.ชนะสงคราม โดยเจ้าหน้าที่ ขณะกำลังเดินทางกลับบ้านหลังจบเสวนา เบื้องต้นมีทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนติดตามมาด้วย

ทั้งนี้ นักเขียนสูงวัยเคยถูกฟ้องในคดี 112 จากการแสดงความคิดเห็นมาแล้ว โดยในปี 2546 เขาแสดงความคิดเห็นในงานเสวนาของ กกต. ถูกแจ้งข้อกล่าวหาและจำคุกนาน 98 วันระหว่างต่อสู้คดีก่อนได้รับการประกันตัว สู้คดีจนศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี แต่รอการลงโทษไว้เนื่องจากจำเลยมีอาการจิตเภท เห็นควรให้รักษา ต่อมาหลังรัฐประหารบัณฑิตแสดงความเห็นทางการเมืองอีกครั้งในงานเสนอความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศจัดโดยพรรคการเมืองทางเลือกเล็กๆ พรรคหนึ่ง โดยเขาได้พูดเพียงไม่กี่ประโยคก่อนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว เขาถูกควบคุมตัวที่สน.สุทธิสาร 2 วัน พนักงานสอบสวนขออำนาจศาลทหารฝากขังและต่อมาศาลทหารอนุญาตให้ประกันตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้คดีในศาลทหาร 

ทนายความกล่าวว่า การเชิญตัวครั้งนี้เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเป็นเพียงการเรียกมาเพื่อพูดคุยเท่านั้น เพราะเกรงว่าสิ่งที่บัณฑิตพูดอาจกระทบต่อความมั่นคง และยังไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดคุยกับบัณฑิตเพียงลำพังในห้องปฏิบัติการฝ่ายสืบสวนเพื่อทำบันทึกประจำวัน โดยให้ทนายความรออยู่ด้านนอก ก่อนจะปล่อยตัวในเวลา 19.45 น.ใช้เวลาพูดคุยกว่า 3 ชม. ไม่มีการตั้งข้อกล่าวใด แต่เจ้าหน้าที่ขอให้บัณฑิตสัญญาว่าจะไม่พูดอีก

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้เเจงการควบคุมตัวบัณฑิตต่อทนายความว่า เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นของบัณฑิตสุ่มเสี่ยงต่อการนำไปตีความและขยายความต่ออันอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง

ด้านนักเขียนวัย 74 ปี ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าไร้กังวล โดยระบุว่าจะไม่พูดแบบนี้ในที่ใดอีก และขอบคุณหลายๆ คนที่เป็นห่วง

"ผมไม่ทำแล้ว หยุดเพื่อชาติ เพื่อพิสูจน์ว่าผมไม่ได้บ้า เอาล่ะ เดี๋ยวผมไปเทถุงฉี่ก่อน" บัณฑิตกล่าว

ทั้งนี้บัณฑิตมีปัญหาสุขภาพ โดยในช่วงปี 2551-2552 เขาได้ผ่าตัดไต และกระเพาะปัสสาวะออก เพื่อรักษาโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ทุกวันนี้มีถุงปัสสาวะแขวนอยู่ข้างลำตัวตลอดเวลา
 

'ทหารนอกเครื่องแบบอ้าง ม.44 ขอตรวจบัตรทนาย'

เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า วันเดียวกัน เวลาประมาณ 22.00 น. ขณะทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและเพื่อนรับประทานอาหารในร้านแห่งหนึ่ง หลังเสร็จสิ้นการสังเกตการณ์และให้ความช่วยเหลือ กรณีบัณฑิต อานียาถูกเชิญปรับทัศนคติ มีชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่าเป็นทหารนอกเครื่องแบบ 3 นาย มาที่โต๊ะของทนายเพื่อขอตรวจบัตร

ทนายความได้ขอดูบัตรข้าราชการของผู้ที่มาขอตรวจบัตร ทราบว่าหนึ่งใน 3 คนเป็นทหารชั้นนายสิบ จึงถามว่าขอตรวจในฐานะอะไร ใช้อำนาจอะไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารตอบว่าเป็นเรื่องความมั่นคง และใช้อำนาจตาม ม.44 ทนายจึงขอดูบัตรพนักงานเจ้าหน้าที่ เนื่องจากผู้ช่วยเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตาม ม.44 ต้องเป็นผู้ซึ่งหัวหน้า คสช. แต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามคําสั่ง

ระหว่างนั้น เจ้าของร้านได้เข้ามาพูดคุย เจ้าหน้าที่และพวกจึงเดินออกไป ทราบภายหลังจากเจ้าของร้านว่า เจ้าหน้าที่พยายามสอบถามว่ากลุ่มของทนายความเป็นใคร และขอตรวจเฉพาะโต๊ะของทนายความเท่านั้น รวมถึงมีกลุ่มคนที่คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกหลายคนอยู่ภายนอกร้าน

ทั้งนี้ ตามมาตรา 44 ให้อำนาจไว้เฉพาะหัวหน้า คสช. ซึ่งต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้อาศัยอำนาจตาม ม.44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ให้อำนาจ 'เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย' ซึ่งเป็นข้าราชการทหารยศตั้งแต่ชั้นร้อยตรี
เรือตรี หรือเรืออากาศตรี ขึ้นไป และ 'ผู้ช่วยเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย' ซึ่งเป็นข้าราชการทหารยศต่ำกว่า ชั้นร้อยตรี เรือตรี หรือเรืออากาศตรี ลงมา ซึ่งหัวหน้า คสช. แต่งตั้งให้ปฏิบัติการในความผิดเกี่ยวกับการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของชาติ การฝ่าฝืนประกาศหรือคําสั่ง คสช. และการกระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน

การอ้างอำนาจตาม ม.44 ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงจึงควรต้องเป็นเจ้าพนักงาน หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย ตามคำสั่งข้างต้นเท่านั้น
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท