Skip to main content
sharethis

21 ต.ค.2558 จากกรณีเหตุการณ์ชาวบ้านรวมกลุ่มชุมนุมคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2545 ชาวบ้านได้รวมกลุ่มชุมนุมโดยสันติเพื่อคัดค้านการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ถูกตำรวจใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจนเกิดการกระทบกระทั่งกัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บและถูกกักขัง กระทั่งเกิดการฟ้องร้องคดีในชั้นศาลยาวนานถึง 13 ปี

ล่าสุด สำนักข่าวไทย รายงานว่า วันนี้(21 ต.ค.58)ศาลฎีกานัดกลุ่มแกนนำทั้ง 32 คนที่ตกเป็นจำเลยในข้อหาร่วมกันชุมนุมก่อความวุ่นวาย ต่อสู้กับเจ้าพนักงาน และใช้อาวุธทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน จากกรณีที่ได้รวมกลุ่มชุมนุมคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซ ไทย-มาเลเซีย ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2545 โดยมีชาวบ้านจาก อ.จะนะ และ อ.เทพา จ.สงขลา มาร่วมให้กำลังใจกว่าร้อยคน ผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากศาลมีคำวินิจฉัยสำคัญว่าชาวบ้านได้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ จึงเป็นสิทธิในการแสดงออกของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ สร้างความดีใจกับชาวบ้านที่มาร่วมกันให้กำลังใจบริเวณหน้าศาลจังหวัดสงขลา

นายบรรจง นะแส หนึ่งในอดีตจำเลยคดีนี้ กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อดูแลทรัพยากรของชุมชนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะได้รับบาดเจ็บและสูญเสียทรัพย์สิน และอยากให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานว่าคนชุมชนควรมีสิทธิแสดงออกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับโครงการขนาดใหญ่ที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

กลุ่มแกนนำคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ยืนยันจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายและร่างกายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 พ.ย.นี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net