Skip to main content
sharethis

2 พ.ย. 2558 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ กรณีที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการออกหมายจับนายทหารยศพันเอก ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ไม่มี เพราะหากมีจริงจะต้องได้รับการรายงานแล้ว เนื่องจากดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผบ.ตร.เผย พล.ต.อ.ประวุฒิกลับไทยแล้ว

วันเดียวัน(2 พ.ย.58) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าพล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ที่ปรึกษา สบ10 ได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าเดินทางกลับจากต่างประเทศแล้ว ซึ่งเป็นการกลับมาก่อนกำหนดที่แจ้งไว้ว่าเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน  เบื้องต้นยังไม่ได้มีการแจ้งเรื่องขอลาออกจากราชการแต่อย่างใด และยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านจราจรและเทคโนโลยีตามปกติ แต่หากไม่มาปฏิบัติหน้าที่ติดต่อเกินกว่า15วันจะถือว่าขาดราชการ ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องออกจากราชการ

ส่วนที่ปรากฎภาพถ่ายในอดีตของพล.ต.อ.ประวุฒิ กับ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบัน อยู่ด้วยกันบ่อยครั้งนั้น ไม่ทราบว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกันอย่างไร ทราบแต่ว่าเคยทำงานร่วมกันในกิจกรรมไบค์ฟอร์มัมปั่นเพื่อแม่ ส่วนจะมีการเรียกให้พลตำรวจเอกประวุฒิมาให้การด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะพนักงานสอบสวน

ขณะที่ความคืบหน้าการสอบปากคำนายศุกร์โข เบื้องต้นทราบว่าให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาหมิ่นเบื้องสูงเพิ่มเติม ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนายศุกร์โขกับ พ.ต.ต.ปรากรมนั้นไม่ทราบว่ารู้จักกันเป็นเพื่อนหรือลึกซึ้งเพียงใด ซึ่งการที่ พ.ต.ต.ปรากรมเคยจะฝากให้นายศุกร์โขเป็นข้าราชการตำรวจผ่านนายตำรวจระดับสูงท่านหนึ่งนั้น  พล.ต.อ.จักรทิพย์ว่าการฝากคนเข้ารับราชการตำรวจเป็นเรื่องปกติไม่เคยปิดโอกาส แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือการรับเข้ามา ว่ามีคุณสมบัติความรู้ความสามารถตรงตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้สามารถตรวจสอบไปยังกองทะเบียนพลได้

ส่วนกระแสข่าวมีทหารยศพันเอก เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันนั้น เรื่องดังกล่าวอยู่ในสำนวนและอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าได้ความชัดเจนจะรายงานให้ทราบอีกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดข้อมูลคลาดเคลื่อน และทางกองทัพได้ให้ความร่วมมือในการประสานงานเป็นอย่างดี

ขณะที่การเรียกตำรวจ 8 นายในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาช่วยราชการนานหลายสัปดาห์แล้ว เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวนในฐานะพยาน เพราะว่ามีข้อมูลที่ต้องตรวจสอบรายละเอียดหลายจุด แต่ถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง  ที่ถ่ายโอนทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดไปให้เครือญาตินั้น ได้เรียกญาติที่ได้รับทรัพย์สินมาพูดคุยสอบถามแล้ว ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ต้องตรวจสอบว่ามีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องอย่างไรบ้างทางคดี ซึ่งจะต้องให้ความเป็นธรรมด้วย เช่นเดียวกับการที่หมอหยองไปหลอกลวงประชาชน รวมถึงข้าราชการะดับสูงว่าตนเองเป็นร่างทรงนั้น จะต้องตรวจสอบว่ามีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่ รวมไปถึงนายทหารระดับสูงที่ปรากฏภาพขณะหมอหยองทำพิธีเข้าทรง ยังไม่มีการแจ้งความมาแต่อย่างใด

ที่มา : สำนักข่าวไทย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net