'ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง' มาอีกแล้ว

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ขอเริ่มจากประเด็นเล็กๆ เบาๆ ในเรื่องหนักๆ คือเรื่องระบบเลือกตั้งแบบมีชัยก่อนแล้วกัน ผมให้ความเห็นทางหลักการไปบ้างแล้ว และหลายๆ ท่านก็ออกมารุมยำแนวความคิดนี้กันใหญ่แล้วด้วย

วันนี้จึงจะขอยกประเด็นเล็กๆ แบบชวนให้คิดกันสักหน่อย เพื่อมองให้เห็นความแปลกประหลาดของระบบเลือกตั้งแบบมีชัยยังมีอีกหลายแง่มุม ยกตัวอย่างอีกสักเรื่องสองเรื่องก็แล้วกัน

ผมลองคิดตามและสมมติตัวเลขดู ตามสูตรของท่านมีชัยนี้ จะพบความแปลกประหลาดอย่างมากจนชักไม่แน่ใจว่า ผมจะคำนวณผิดไปหรือเปล่าคือ ถ้าสมมติว่า ส.ส.เขตและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมีจำนวนเท่ากัน ไม่ว่าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งจะได้ ส.ส.เขตมากเพียงใด พรรคนี้จะไม่ได้เสียงเกินครึ่งหรือไม่ก็จะกลายเป็นเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนเสมอ

ยกตัวอย่างแบบสุดๆ ไปเลย สมมติว่า มี ส.ส.เขตกับ ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างละ 100 คนเท่าๆ กัน ถ้าพรรค ก.ได้ ส.ส.ในทุกเขตก็จะได้ ส.ส. 100 คน แต่พรรคนี้จะไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว เพราะเวลาคำนวณจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเขาเอาคะแนนเสียงของผู้ไม่ได้รับการเลือกตั้งไปรวมกัน พรรค ก.ที่ได้ ส.ส.เขตจากทุกเขตก็จะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว พรรคที่เหลือจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไปทั้งหมดคือ 100 คนเหมือนกัน

ถ้าพรรค ก.ได้ ส.ส.เขต 90 คน พรรค ก.ก็จะมีแนวโน้มได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ถึง 10 คน พรรคอื่นๆ ได้ ส.ส.เขต 10 คนและจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมากกว่า 90 คน หมายความว่าพรรค ก.ซึ่งได้ ส.ส.เขต 90 คนจะกลายเป็นเสียงข้างน้อยในสภาฯ

ท่านที่สนใจลองคิดตัวเลขนี้ตรวจสอบดูก็ได้ ถ้าจะให้ดีลองทำเป็นกราฟิคประกอบก็จะเข้าใจง่ายขึ้น

อาจจะมีข้อโต้แย้งแก้ตัวว่า  ส.ส.บัญชีรายชื่อคงไม่มากเท่ากับ ส.ส.แบบแบ่งเขต แต่นั่นก็เป็นเพียงการลดระดับการบิดเบือนเจตนาของผู้ออกเสียงลงคะแนนไปได้บ้างเท่านั้น

ดูเหมือนที่ท่านมีชัยกลัวคนจะได้กินแต่แกงไก่อย่างเดียว อยากให้คนได้กินกับข้าวอย่างอื่นบ้างนั้น สุดท้ายจะได้กินแกงโฮะหรือจับฉ่ายแทนเสียแล้ว

ความจริงแกงโฮะหรือจับฉ่ายก็เป็นกับข้าวที่อร่อย หลายๆ คนก็อาจจะชอบ แต่ที่ผมยกขึ้นมาตามคำเปรียบเทียบอย่างคมคายของท่านมีชัยนั้น ผมกำลังบอกว่าตามสูตรของท่านมีชัยนั้นมีปัญหา คือ คนอยากกินแกงไก่ แต่จะไม่ได้กินแกงไก่ แต่กลับจะได้กินแกงโฮะแทนครับ

ระบบนี้ใช้คะแนนเสียงของผู้ไม่ได้รับการเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตมาคำนวณหาจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตนั้น ผู้ออกเสียงลงคะแนนจะให้ความสำคัญต่อทั้งผู้สมัครและพรรคการเมือง แต่ผู้ออกเสียงจำนวนมากจะให้ความสำคัญต่อผู้สมัครมากกว่า ระบบนี้จึงกำลังจะเน้นความสำคัญของบุคคลมากกว่าพรรคการเมือง

แต่ที่ว่าแปลกประหลาดก็คือ ระบบนี้จะเอาคะแนนเสียงของผู้ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตซึ่งเป็นคะแนนที่ได้มาจากการเน้นตัวบุคคลมาคำนวณหาสัดส่วนและจำนวนที่นั่งที่พรรคการเมืองจะได้รับ ซึ่งพรรคการเมืองจะเป็นผู้กำหนดว่าใครจะได้เป็น ส.ส.บ้าง โดยที่คนเหล่านี้จะไม่ใช่ผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในแบบแบ่งเขตแต่อย่างใด

พูดอีกแบบหนึ่งคือ เอาเจตนารมณ์ที่คนเขาเลือกผู้สมัครโดยเน้นตัวบุคคลมากำหนดที่นั่งให้พรรคการเมืองแล้วให้พรรคกำหนดว่าใครจะได้เป็น ส.ส.ในแบบบัญชีรายชื่อบ้าง โดยที่คนเหล่านั้นไม่ใช่คนที่ประชาชนเขาตั้งใจเลือก

ผลต่อความขัดแย้งในพรรคการเมือง ในระบบแบบนี้ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อหลายรายอาจจะพยายามลุ้นให้ ส.ส.เขตสอบตก เพื่อจะได้เอาคะแนนที่ได้รับไปคำนวณที่นั่งแบบบัญชีรายชื่อและตนเองจะได้มีสิทธิได้เป็น ส.ส.มากขึ้น ความขัดแย้งแตกแยกอาจจะเกิดขึ้นในพรรคการเมืองหลายพรรคได้

แต่สำหรับผู้ที่เป็นนายทุนของพรรคและเป็นนักซื้อเสียงก็อาจจะพร้อมที่จะซื้อทุกคะแนน เพราะถ้าชนะก็ได้ ส.ส.แบ่งเขต ถ้าแพ้ก็เอาไปคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ การซื้อเสียงจึงจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตที่การแข่งขันสูสีกันมากๆ และในกรณีของพรรคขนาดกลางที่อาจได้ประโยชน์จากระบบนี้

ส่วนพรรคเล็กๆ และพรรคการเมืองตั้งใหม่จะเกิดยากมาก เพราะจะต้องไปหาผู้สมัครมาลงสมัครให้ครบทุกเขตเพื่อจะมีสิทธิมี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้ พรรคเหล่านี้ส่วนใหญ่จะตกอยู่ในสภาพที่จะต้องหาผู้สมัครจำนวนมหาศาล โดยที่ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดรู้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่ต้องลงสมัครเพื่อเอาคะแนนเสียงที่ตนได้รับไปคำนวณที่นั่งให้กับพรรคของตน ซึ่งจะจัดสรรที่นั่งให้แก่สมาชิกพรรคคนอื่นที่ไม่ได้ลงสมัครแบบแบ่งเขตด้วยเลย

ลองวิเคราะห์เล่นๆ เพียงไม่กี่ประเด็น ก็รู้สึกน่าแปลกใจว่าเขาคิดระบบนี้กันมาได้อย่างไรและต้องการอะไรกันแน่ หรือว่าเป็นการโยนประเด็นให้ถกเถียงกันเอาเป็นเอาตาย แล้วก็อาจจะถอยไป แต่ไปแอบทำเรื่องอื่นๆ ที่เลวร้ายไม่แพ้กัน หรือถ้าไม่มีใครสนใจทักท้วงก็อาจเอาจริงไปเสียเลยก็ได้

การร่างรัฐธรรมนูญแบบที่ทำกันอยู่นี้วิเคราะห์ยากครับ เขาอาจจะร่างให้แย่มากๆ แบบตั้งใจให้ผ่าน ซึ่งถ้าผ่านประชามติก็ดีสำหรับผู้ร่าง ถ้าไม่ผ่าน คสช.จะทำอย่างไรก็ไม่มีใครรู้  อาจให้คณะเดิมร่างอีกให้สนุกสนานกันไปก็ได้ หรือเขาอาจจะตั้งใจร่างให้แย่มากๆ เพื่อไม่ให้ผ่านก็ได้อีก คือ ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง

"ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง” นี่ฟังดูคุ้นๆ มั้ยครับ 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท