Skip to main content
sharethis

2 ธ.ค.2558 คณะเอกอัครราชทูตจากสหภาพยุโรป (อียู)ได้พบกับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ นายดอน ปรมัตถ์วินัย เพื่อหารือกันในหลายประเด็น โดยสหภาพยุโรประบุว่ารัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศได้อธิบายถึงสถานการณ์ภายในประเทศและความคืบหน้าในการปฏิบัติตามโรดแมปสู่ประชาธิปไตย ส่วนทางอียูได้เน้นย้ำถึงความความสำคัญของการ เลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม และจำเป็นที่จะต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกเสียง โดยการเปลี่ยนผ่านไปสู่ ประชาธิปไตยจำเป็นต้องมีการฟื้นฟูเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุม

คณะเอกอัครราชทูตยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับหลักนิติธรรมที่อ่อนแอลง เช่น การกักขังโดยมิผ่านกระบวนการยุติธรรม การพิจารณาคดีของพล เรือนในศาลทหารและความรุนแรงของบทลงโทษ และย้ำถึงบทบาทสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศในการรับรองว่าประเทศไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติและผู้ร่วมลงนามการประชุมพหุภาคีต่างๆ จะปฏิบัติตามข้อตกลงระดับนานาชาติรวมถึงหลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปยังดินแดนหรือถิ่นที่ชีวิตและเสรีภาพของพวกเขาจะถูกคุกคาม

ทั้งนี้ สหภาพยุโรปเป็นคู่ค้ารายใหญ่ลำดับที่สามของไทย ในปี 2557  มีนักท่องเที่ยวชาวยุโรปมาเยือนเมืองไทยถึง 4.2 ล้านคน

ด้านมติชนออนไลน์ระบุว่า นายดอนให้สัมภาษณ์หลังหารือกับเอกอัครราชทูตจากประเทศในสหภาพยุโรป18 ประเทศ และ1 องค์กรระหว่างประเทศคืออียูนานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งว่า ได้พูดคุยหารือกันทุกประเด็นท่าทีพื้นฐานของอียูต่อไทยยังคงเหมือนเดิมซึ่งเราก็รับทราบโดยเรื่องแรกที่หยิบยกมาพูดคุยคือเรื่องการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม(ไอยูยู) ซึ่งไทยได้ยืนยันว่าเป็นประเด็นที่ไทยทำอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะการออกฎหมายใหม่หรือแก้ไขกฎหมายเก่ารัฐบาลเอาใจใส่และทำอย่างเต็มที่เพราะกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติซึ่งหวังว่าสิ่งที่ทำจะเป็นประโยชน์ในภายหน้าเพราะจะทำให้การทำประมงของไทยอยู่ในมาตรฐานสากล

นายดอนกล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้พูดคุยกันในเรื่องการเมืองมีการพูดถึงการให้เปิดโอกาสให้มีเสรีภาพทางความคิด การให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมซึ่งตนได้ย้ำว่าเรายังคงให้โอกาสในการแสดงความเห็น ประเทศไทยไม่เคยเปลี่ยน รัฐบาลทหารที่เกิดในไทยแตกต่างจากในภูมิภาคอื่นๆของโลก ไม่มีประเทศไหนที่รัฐบาลรัฐประหารปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติจึงอยากให้เขารับรู้และตระหนักในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ขณะที่ในเรื่องม.112นั้นตนได้บอกไปว่าไทยยังมีม.133 และ134 ซึ่งให้การปกป้องพระมหากษัตริย์เชื้อพระวงศ์ และราชนิกูลจากประเทศต่างๆ หากได้รับการปฎิบัติที่ไม่สมควรเช่นกันดังนั้นม.112 จึงไม่ถือว่ามีอะไรเป็นพิเศษ ไม่ต่างจากกฎหมายอาญาของประเทศต่างๆที่ใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละประเทศ ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องปกติ

นายดอนกล่าวด้วยว่า ยังได้มีการหารือกันในเรื่องเศรษฐกิจและการค้า ซึ่งตนได้แจ้งกับทูตทั้งหลายว่ารัฐบาลพร้อมที่จะพบกับทูตทุกคนตลอดเวลาเพื่อหารือทั้งเรื่องเศรษฐกิจการค้า การลงทุน เพราะมีโครงการอีกมากมายที่กำลังเกิดขึ้น การพบปะครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากฝ่ายอียูแจ้งว่าจะขอมาพบพร้อมกันเพื่อพูดด้วยเสียงที่เป็นเอกภาพซึ่งการหารือระหว่างกระทรวงต่างประเทศกับสถานทูตเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติ หลังหารือจบฝ่ายอียูได้ขอบคุณที่การพูดคุยเป็นไปอย่างเปิดเผย เป็นประโยชน์และอยากให้มีการหารือเช่นนี้อีก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net