Skip to main content
sharethis
'สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์' หรือ 'จ่านิว' นักศึกษา-นักกิจกรรม เผยทหารโทรศัพท์มาหาให้ไปคุยในค่ายทหารแต่ตนเองปฏิเสธว่าไม่ไป เชื่อทหารต้องการล็อกไม่ให้เดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ ระบุทหารโทรมาข่มขู่แม่ว่าถ้าไม่ไปพบก็จะไปรวบตัว หลัง 'พล.ต.สรรเสริญ' พึ่งแถลงว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายคุกคาม
 
5 ธ.ค. 2558 เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่านายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา เปิดเผยว่า กิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง วันที่ 7 ธ.ค.นี้ เวลา 07.00 น. ตนได้ประกาศชวนคนที่สนใจตรวจสอบทุจริตของกองทัพ โดยนัดหมายกันที่สถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) เพื่อนั่งรถไฟขบวนที่ 255 ธนบุรี-หลังสวน ไปทรรศนะศึกษา และพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสร้างอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งช่วงบ่ายจะมีอ่านแถลงการณ์และข้อมูลที่ทุจริต กิจกรรมทั้งหมดจะมีถึงเวลาประมาณ 16.00 น.
 
นายสิรวิชญ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุด ทหารในเขตพื้นที่เขตคลองสามวา โทรศัพท์มาหาตนให้ไปคุยกับนายทหารยศพันเอก โดยบอกว่าจะมาตนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และจะพาไปคุยในค่ายทหาร ซึ่งตนได้ปฏิเสธทางโทรศัพท์ว่าไม่ไป เนื่องจากเชื่อว่าทหารต้องการล็อกตัวตนไม่ให้เดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ อีกทั้งตนทราบจากแม่ว่าทหารยังมาข่มขู่ว่า ถ้าไม่ไปพบก็จะไปรวบตัว และบอกอีกว่าจะอยู่ไม่เป็นสุข ซึ่งตนรู้สึกกลัว เพราะเหมือนถูกคุมคามหนัก อย่างไรก็ตามยืนยันว่าตนจะไปอุทยานราชภักดิ์แน่นอน เพราะเชื่อว่าไม่ได้เป็นการปลุกระดมทางการเมืองอะไร แต่ร่วมตรวจสอบทุจริตตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการปราบคนโกงเท่านั้น

จากนั้นในช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.เศษ 'จ่านิว'โพสต์ยืนยันทัวร์ราชภักดิ์ไม่ล่ม ไม่พอใจคำขู่ "ชีวิตจะอยู่ไม่เป็นสุข"รายละเอียดมีดังนี้

ผมขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ตอนนี้ผมยังไม่ถูกใครควบคุมตัว
และผมขอยืนยันว่า กิจกรรมนั่งรถไฟ ไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง"

จะดำเนินต่อไป 7ธันวา 7โมงเช้า พบกันที่สถานีรถไฟธนบุรี(บางกอกน้อย)
ต่อให้ผมถูกคุมตัว หรือผมจะตายไปก็เถอะ กิจกรรมนี้ก็ไม่เลิก
คงได้พบกันอีกที วันที่ 7 ธันวา เลยล่ะ

เพราะเขาว่า "ถ้าไม่คุยกัน ก็จะรวบ เจอที่ไหนก็จะรวบ รวบแบบเงียบ"
ท่านทั้งหลาย ถ้าผมไปคุย แล้วไม่ยอมหยุดกิจกรรม ผลจะเป็นอย่างไร
เขาคิดว่า จะรวบตัวผมเงียบ แล้วให้เรื่องวันที่ 7 ไม่เกิดขึ้น
ฝันไปหรือเปล่า พี่ทหาร

คำหนึ่งที่ฟังเลยผมไม่พออย่างมากมาก "เดี่ยวชีวิตจะอยู่ไม่เป็นสุข"
แถมยังบอกแม่ผมตลอดเวลาว่า "ทำไมไม่ห้าม ปล่อยให้ไปได้อย่างไร ถ้าไปจะรวบตัวแบบสองคนนั้น(คงหมายถึงณัฐวุฒิักับจตุพร)

คำสองคำ ก็จะรวบ คำสองคำ ก็จะคุมตัว

ต่อให้ผมถูกควบคุมตัวที่สถานีรถไฟธนบุรี

พ่อแม่พี่น้องประชาชน เพื่อนนักกิจกรรมที่เตรียมไปด้วย ต้องไปถึงปลายทางที่อุทยานราชภักดิ์อย่างแน่นอน

วันที่เจ็ด เจ็ดโมงเช้า เจอกันนะครับ

วันสองวันนี้ผมคงอยู่แบบเสรีชนปกติได้ยากล่ะครับ เพราะพวกเขาจะเอาตัวผมให้ได้

เจอกันที่ บางกอกน้อย ธนบุรีนะครับ

หวังว่าจะได้เจอกันนะครับ

 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีลั่น รัฐบาลไม่มีนโยบายคุกคาม แจงต้องเฝ้าระวังแกนนำ นปช.
 
ด้านมติชนออนไลน์รายงานว่าเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เพื่อขอให้ยุติการคุกคามและละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน กรณีมีเจ้าหน้าที่ทหารเฝ้าติดตามภรรยานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. ขณะพาลูกไปส่งโรงเรียน และมีเจ้าหน้าที่ทหารเฝ้าบ้านพักตลอด 24 ชั่วโมง ภายหลังจากที่ทหารปล่อยตัวหลังเชิญไปพูดคุยในระหว่างที่จะเดินทางไปที่อุทยานราชภักดิ์ ว่า ตามขั้นตอนเมื่อมีการร้องทุกข์ก็ต้องตรวจสอบเรื่องแล้วจึงส่งไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ บางเรื่องที่สำคัญๆ นายกฯ น่าจะรับทราบ ที่ผ่านมาเราให้เสรีภาพ แต่ในบางกรณีหรือบางเรื่องรัฐบาลต้องใช้ดุลยพินิจพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อให้เกิดความสงบไม่วุ่นวาย เพราะก่อนหน้านั้นการให้สิทธิที่มากไปก็ทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายเกิดขึ้นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
 
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายไปคุกคามครอบครัวของใคร ขอให้แยกแยะระหว่างคำว่าคุกคามกับการเฝ้าระวัง เพราะเป็นคนละเรื่องกัน การลงพื้นที่ของแกนนำบางคนไม่ได้ไปคนเดียวและพฤติกรรมการปฏิบัติที่อ้างว่าจะเป็นการลงพื้นที่ไปตรวจสอบนั้นไม่ใช่การไปตรวจสอบเพราะมีนัยยะสำคัญถามว่ากลุ่มการเมืองมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบทุจริตหรือไม่หากจะตรวจสอบต้องเป็นไปในลักษณะเอกสารข้อมูลและควรให้มีผลการตรวจสอบออกมาก่อนหรือไม่ เพราะการไปเคลื่อนไหวลงไปดูพื้นที่คงไม่เห็นอะไร จึงแสดงให้เห็นว่าอาจเป็นการสร้างความสับสนหรือมีนัยยะทางการเมือง ซึ่งเราเกรงว่าจะเกิดเหตุขึ้นได้จึงต้องเฝ้าระวัง เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใดๆตามมา และเชิญมาพูดคุย เพราะไม่สามารถปล่อยให้เกิดความวุ่นวายใดๆเกิดขึ้นอีก
 
“เจ้าหน้าที่เชิญมาพูดคุยแล้วปล่อยแล้วการมาบอกว่าตามไปถ่ายรูปถึงโรงเรียนต้องถามกลับว่า ครู อาจารย์เขาจะยอมหรือไม่ การจะทำอะไรต้องมีเซ็นท์ เพราะเป็นการแสดงภูมิปัญญาว่าสูงส่งหรือด้อยของผู้ที่กระทำการ ขอให้แยกระหว่างการคุกคามกับเฝ้าระวังเป็นคนละเรื่อง ไม่มีการไปทำอะไรกับครอบครัวเขา ส่วนการเฝ้าระวังเป็นรายละเอียดของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องดูแลเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net