Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ในวันที่ 4 พฤษภาคม 1961 กลุ่มนักกิจกรรม 13คน ทั้งผิวขาวและผิวดำ จากกลุ่มรณรงค์ความเท่าเทียมทางสีผิว ได้เดินทางบนรถโดยสารสองคัน ออกจากวอชิงตันดีซี จุดมุ่งหมายของพวกเขาคือการลงใต้ ไปยังเมืองหลุยส์เซียน่า เพื่อท้าทายกฎหมายแบ่งแยกสีผิวอันรุนแรงของสหรัฐฯในยุคนั้น โดยพวกเขาต่างนั่งรวมกันในรถบัสโดยที่ไม่มีการแบ่งแยกสีผิว (ในสมัยนั้นมีกฎหมายห้ามคนผิวดำนั่งปะปนกับคนผิวขาว)

วันที่ 14 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติของสหรัฐฯ ระหว่างทางที่รถขับผ่านทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งมีกฎหมายการต่อต้านสีผิวที่รุนแรง พวกเขาต้องเผชิญกับการประณาม ด่าทอ โดยกลุ่มคนขาวจำนวนมากที่มีแนวคิดเหยียดผิว กลุ่มคนเหล่านี้ได้ขว้างปาก้อนอิฐและสิ่งของเข้ามาในรถบัสตลอดทาง

ในเมืองเบอร์มิ่งแฮม รัฐอลาบาม่า เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกับกลุ่ม KKK (Ku Klux Klan กลุ่มเหยียดผิวหัวรุนแรงของสหรัฐฯ) และผู้สนับสนุนการเหยียดผิวจำนวนมาก หยุดรถบัสไม่ให้ไปต่อโดยการเจาะยางรถ รถบัสถูกเผาทิ้ง  กลุ่มนักกิจกรรมทั้ง 13 คนเกือบจะถูกเผาทั้งเป็นบนรถ แต่เมื่อสามารถหนีออกมาได้ ก็ถูกรุมทำร้ายอย่างรุนแรงกลางถนน ยิ่งไปกว่านั้นโรงพยาบาลหลายแห่งก็ปฎิเสธที่จะรับนักกิจกรรมเหล่านี้เข้ารักษา การเดินทางจำเป็นต้องยุติลง

แต่ภายในไม่กี่วันถัดมา (19 พฤษภาคม) สองในสิบสามคนจากการเดินทางครั้งแรก ก็ประกาศจะเดินทางต่อ พวกเขารวบรวมสมาชิกได้กลุ่มหนึ่ง และออกเดินทางต่อตามจุดมุ่งหมายเดิม ทว่าในวันถัดมา ที่เมืองมอนโกโมรี่ พวกเขาก็ถูกกลุ่มเหยียดผิวที่ดักรออยู่ลากออกมาซ้อมอย่างหนักหนาสาหัสอีกครั้งด้วยท่อเหล็กและไม้เบสบอล นักข่าวและช่างภาพที่มาทำข่าวก็โดนกลุ่มม็อบทำร้ายและทำลายกล้อง ขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำการหยุดยั้งแต่อย่างใด

ในวันที่ 22 พฤษภาคม กลุ่มนักศึกษาที่ต่อต้านการเหยียดผิวก็ประกาศรวมตัวครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อเดินทางตามเจตนารมณ์เดิม ทว่าในวันที่ 24 พวกเขาก็ถูกทางการล้อมจับที่เมืองแจ๊กสัน รัฐมิสซิซิปปี้ ในข้อหาละเมิดกฎหมายแบ่งแยกสีผิว พวกเขาถูกทางการจับเข้าคุกและได้รับการปฎิบัติที่ย่ำแย่จากเจ้าหน้าที่

เหตุการณ์ครั้งนี้โด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อมีภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายกลุ่มนักศึกษาโดยการให้สุนัขตำรวจกัดพวกเขาออกไปทั่วโลก เป็นการเปิดโปงความอำมหิตของรัฐที่บังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม การต่อสู้อย่างสันติวิธีของกลุ่มนักศึกษาได้รับการยกย่องไปทั่วโลก และเป็นต้นเหตุให้เกิดการเรียกร้องครั้งใหญ่ในเรื่องเสรีภาพ ความเสมอภาค สิทธิมนุษยชน และความเป็นธรรม ในอีกหลายๆครั้งต่อมา มีกลุ่มเรียกร้องให้ยุติการแบ่งแยกสีผิวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นักศึกษาและนักกิจกรรมกว่า 400 คนจากทั่วประเทศ ร่วมนั่งรถเสรีภาพตามแบบของพวกเขาเป็นเวลากว่า7เดือน และถูกจับเป็นจำนวนมาก หลายกลุ่มทำการดื้อแพ่งโดยการเข้าไปใช้บริการในร้านอาหารและบริการที่ติดป้ายว่า “เฉพาะคนขาว” จนในที่สุด กฎหมายการแบ่งแยกสีผิวก็ถูกผ่อนคลายลง และต้องยกเลิกไปในที่สุด

ย้อนกลับมาดูในประเทศไทย นับจากเหตุการณ์ที่สหรัฐฯในครั้งนั้นก็ 55 ปีแล้ว น่าเศร้ามากที่ในยุคนี้เรายังต้องย้อนกลับไปพูดเรื่องเดิมๆเรื่องเก่าๆที่เป็นเรื่องพื้นฐานมากๆอย่างเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน ที่มนุษย์ทุกคนพึงมีกันอยู่ รัฐทหารของไทยยังคงใช้วิธีเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อปราบปรามคนที่เห็นต่างอย่างผิดหลักสิทธิมนุษยชน รัฐบาลทหารไม่เคยให้สิทธิผู้ที่เห็นต่างอย่างเป็นธรรม พวกเขามองว่ากลุ่มคนที่เห็นต่างออกไปเป็นศัตรูของรัฐที่ต้องได้รับการกำราบ แม้เพียงเพราะพวกเขาเข้ามาตรวจสอบการทุจริต การทุจริต ที่รัฐบาลทหารอ้างเป็นเหตุผลหลักในการยึดอำนาจ ในขณะที่อีกกลุ่มอีกฝ่ายหนึ่งที่สนับสนุนระบอบทหาร ออกไปเรียกร้องแสดงความคิดเห็นหน้าสถานทูตสหรัฐฯและสถานที่อื่นๆ ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง กลับได้รับความคุ้มครองโดยไม่มีความผิดใดๆ

กลุ่มคนที่ให้ความชอบธรรมกับการกระทำต่างๆของรัฐบาลทหารและพร้อมจะหนุนเสริมกันและกัน ก็น่ารังเกียจไม่แพ้กัน พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็น middle class supremacy (ชนชั้นกลางที่มีสถานะพิเศษเหนือใครๆ) เหมือนที่คนขาวครั้งหนึ่งเคยคิดว่าตนเป็น white supremacy ผูกขาดความหวงแหนในชาติไว้แต่เพียงผู้เดียว พวกเขาฝากความไว้เนื้อเชื่อใจทั้งหมดไว้ให้กับผู้ที่ถือกระบอกปืนอันทรงอานุภาพ และกฎหมายที่ร่างขึ้นมาจากกลุ่มคนกลุ่มเดียว และพวกเขาก็พร้อมที่จะทำทุกวิธีทางเพื่อปลุกปั่นป้ายสีอีกฝ่ายด้วยวิธีการสกปรกต่างๆโดยยอมปิดตาข้างเดียวและกลืนน้ำลายตัวเองลงไปหมด

 


ปล. ปีที่แล้วผมผมเคยเขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อสิทธิในการเลือกตั้งในช่วงเวลาการเหยียดผิวในสหรัฐฯ เป็นเหตุการณ์ที่จุดประกายการถกเถียงเรื่องความเท่าเทียมของคนผิวดำ เรื่อง “Little Rock Nine บทเรียนจากการต่อสู้เพื่อสิทธิความเป็นพลเมืองของคนผิวดำ” สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ Little Rock Nine บทเรียนจากการต่อสู้เพื่อสิทธิความเป็นพลเมืองของคนผิวดำ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net