Skip to main content
sharethis

19 ธ.ค. 2558 สำนักข่าวคอมมอนดรีมส์รายงานว่าศาลอุทธรณ์ประเทศเนเธอร์แลนด์ตัดสินดำเนินคดีบริษัทน้ำมันรอยัลดัตช์เชลล์ในฐานะที่อาจจะมีส่วนรับผิดชอบในการทำให้น้ำมันรั่วไหลในสาขาย่อยของบริษัทที่ไนจีเรียจนส่งผลต่อสภาพชีวิตของชาวนาในพื้นที่นั้น ซึ่งถือเป็น "ชัยชนะครั้งสำคัญ" ของชาวนาและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ต่อสู้เรียกร้องให้บริษัทยักษ์ใหญ่ต้องรับผิดชอบต่อการรั่วไหลของน้ำมันและสร้างมลภาวะเป็นวงกว้าง

ศาลอุทธรณ์ในกรุงเฮกประเทศเนเธอร์แลนด์พลิกคำตัดสินเดิมจากปี 2556 ที่มียกฟ้องบริษัทเชลล์ โดยอนุญาตให้ชาวนาไนจีเรีย 4 คนร่วมกันฟ้องร้องดำเนินคดีต่อบริษัทเชลล์ที่ทำให้เกิดน้ำมันรั่วไหลเป็นวงกว้างในไนจีเรียได้

กรณีน้ำมันรั่วไหลดังกล่าวส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำที่ใช้หาปลาของ 3 หมู่บ้านในไนจีเรีย ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่สามารถนำน้ำมาใช้บริโภคได้และในหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งป่าชายเลนถูกทำลายไปจนหมด

อลาลี เอฟังกา หนึ่งในชาวนาไนจีเรียผู้ร่วมกับองค์กรเฟรนด์ออฟดิเอิร์ธฟ้องร้องเรื่องนี้ต่อศาลกล่าวว่า คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ทำให้พวกเขามีความหวังว่าทางบริษัทเชลล์จะช่วยฟื้นฟูดินในหมู่บ้านของพวกเขาเพื่อให้กลับมาทำการเพาะปลูกและฟื้นฟูแหล่งน้ำให้สามารถจับปลาได้อีกครั้ง

ทางด้านเคียร์ต ริตสะมา นักกิจกรรมจากเฟรนด์ออฟดิเอิร์ธสาขาเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า คำตัดสินในครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะอย่างถล่มทลายของนักสิ่งแวดล้อมและชาวไนจีเรียผู้กล้าหาญทั้ง 4 คน ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 7 ปี ในการที่พวกเขาลุกขึ้นสู้กับหนึ่งในบริษัทที่มีอำนาจของโลก นอกจากนี้ริตสะมายังหวังว่าคำตัดสินในครั้งนี้จะถือเป็นความหวังกำลังใจให้กับเหยื่อรายอื่นๆ ทั้งผู้ได้รับผลกระทบจากการทำลายสิ่งแวดล้อม ผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน และการกระทำผิดอื่นๆ จากบรรษัทใหญ่

ก่อนที่จะมีการตัดสินคดีครั้งล่าสุด มาร์ก ดัมเมตต์ จากองค์กรแอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนลเคยกล่าวว่า คดีนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากอาจจะกลายเป็นคดีตัวอย่างให้กับชุมชนอื่นๆ ที่ถูกทำลายโดยความหละหลวมของเชลล์ได้ โดยดัมเมตต์ระบุว่าเชลล์เคยทำน้ำมันรั่วไหลจำนวนมากหลังจากที่มีการขุดเจาะน้ำมันจากสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนเจอร์ตั้งแต่ปี 2501 ส่งผลกระทบต่อผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนั้น

ในเดือน ก.ค. ของปีนี้นักสิ่งแวดล้อม 2 คนพูดถึงผลกระทบดังกล่าวต่อแคว้นโอโกนิแลนด์ในประเทศไนจีเรียที่ส่งผลให้มีคนเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 20-30 ปีเป็นจำนวนมาก และจากแบบประเมินของโครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติในปี 2554 ระบุว่ามีการทดสอบพื้นที่มากกว่า 40 แห่งในโอโกนิแลนด์แล้วพบว่าพื้นดินปนเปื้อนสารไฮโดรคาร์บอนลึกลงไปมากที่สุด 5 เมตร นอกจากนี้ยังมีการปนเปื้อนสารเบนซินซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในแหล่งน้ำในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ โดยที่ต้องใช้เวลาถึง 30 ปีถึงจะสามารถกำจัดมลภาวะในดินและน้ำของโอโกนิแลนด์จนหมดได้

ศาลที่กรุงเฮกสั่งให้เชลล์ต้องช่วยเหลือชาวนาและนักกิจกรรมในการเข้าถึงเอกสารภายในของเชลล์ที่มีความเกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งชานนา ซัมคาลเดน นักกิจกรรมองค์กรเฟรนด์ออฟดิเอิร์ธผู้เป็นที่ปรึกษาให้กับชาวนากล่าวว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ศาลอนุญาตให้เข้าถึงเอกสารภายในของบริษัทเพื่อนำมาร่วมพิจารณาคดีได้

 

เรียบเรียงจาก

'Landslide Victory' for Farmers as Court Rules Against Shell, Common Dreams, 18-12-2015

http://www.commondreams.org/news/2015/12/18/landslide-victory-farmers-court-rules-against-shell

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net