โฆษกศาลเผยคดีเกาะเต่ายังไม่จบสามารถ 'อุทธรณ์-ฎีกา-ขออภัยโทษ' ได้

โฆษกศาลยุติธรรม เผย คดีเกาะเต่ายังไม่จบ สามารถอุทธรณ์-ฎีกา หรือขออภัยโทษได้ ด้านสภาทนายความนัด พ่อ-แม่ชาวเมียนมา  แจงรายละเอียด 30 ธ.ค. นี้ ด้านตำรวจแถลงแจงคดีเกาะเต่ายันกระบวนการยุติธรรมไทยโปร่งใสมาตรฐานสากล
 
27 ธ.ค. 2558 สำนักข่าวไทยรายงานว่า นายสืบพงษ์  ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ในการพิพากษาคดีประหาร 2 ชาวเมียนมา ที่ฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ  ของศาลจังหวัดเกาะสมุย  ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นนั้น ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีตามพยานหลักฐานในสำนวน  ซึ่งหลังจากมีคำตัดสินแล้ว ศาลยุติธรรม ได้จัดทำสรุปคำพิพากษาทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษเผยแพร่สู่สาธารณชน เพื่อให้ตรวจสอบได้ และสาธารณชนยังสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้จากคำพิพากษาฉบับเต็มด้วยว่าการพิจารณาศาลได้วินิจฉัยประเด็นใดบ้าง ขณะที่ในชั้นพิจารณาของศาล ฝ่ายจำเลย มีทนายความดูแลคดีตามกฎหมายและศาลชั้นต้น ได้พิจารณาพยานหลักฐานตามสำนวนครบถ้วน โดยคำพิพากษาคดียังไม่สิ้นสุดเป็นเพียงศาลชั้นต้น เพราะตามกฎหมาย จำเลย สามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา และถ้าคดีจะถึงที่สุดในชั้นฎีกาตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว จำเลยอาจยื่นขออภัยโทษต่อไป ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา
 
ด้านนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ยืนยันว่า คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด คณะทำงานซึ่งได้ตกลงรับให้ความช่วยเหลือตามคำร้องขอของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทยตั้งแต่ต้น จึงขอให้พี่น้องชาวเมียนมามั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย เชื่อว่าในการพิจารณาข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ผ่านมาของศาลชั้นต้น เมื่อสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอุทธรณ์หรือแม้แต่ศาลฎีกา คณะทำงานเชื่อมั่นว่าความกระจ่างในข้อเท็จจริงจะได้รับการพิจารณาและวินิจฉัยจากศาลสูงโดยชอบด้วยหลักนิติธรรม
 
“เราขอให้ความมั่นใจกับท่านเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ญาติของจำเลย และประชาชนชาวเมียนมา ว่า  ทนายความอาสาของสภาทนายความจะทำหน้าที่ตรงนี้อย่างดีที่สุด เพื่อให้การอุทธรณ์ในศาลสูงเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและทันการณ์”นายเดชอุดมกล่าว
 
นายเดชอุดม หล่าวว่า ขอประกาศให้ประชาชนชาวเมียนมาทราบว่า  เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย   บิดา มารดา ของจำเลยทั้ง 2  คน และผู้เกี่ยวข้องได้นัดหมายคณะทำงาน และนายกสภาทนายความ  เพื่อมาพบในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ซึ่ง คณะทำงานจะได้ชี้แจงรายละเอียด ประเด็นข้อต่อสู้ที่จะหยิบยกมาอุทธรณ์คดี ให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ เพราะจนถึงขณะนี้จำเลยทั้งสองก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งตามกระบวนการยุติธรรมของไทยยังมีอีก 2 ชั้นศาลคือศาลอุทธรณ์ภาค 8 และศาลฎีกาที่จะพิจารณาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายต่อไป
 
ตำรวจแถลงแจงคดีเกาะเต่ายันกระบวนการยุติธรรมไทยโปร่งใสมาตรฐานสากล
 
27 ธ.ค. 2558 มติชนออนไลน์รายงานว่าเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 27 ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา ผบก.ตท. พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผบก. สถาบันนิติเวชวิทยา พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.กองพิสูจน์หลักฐานกลาง พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก. 4 บก.ป. พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน ร่วมกันแถลงชี้แจงกระบวนการและขั้นตอนการดำเนินคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ คือ นายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ และ น.ส.ฮานนาห์ วิกตอเรีย ที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี หลังศาลจังหวัดเกาะเต่ามีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต 2 ผู้ต้องหา คือ นายซอลิน และนายวิน ซอทุน แรงงานชาวพม่า จนส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านคำตัดสินดังกล่าว โดยเฉพาะทางสังคมออนไลน์และมีการนัดหมายชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศพม่าเมื่อวันที่ 25-26 ธันวาคมที่ผ่านมา
 
พล.ต.อ.เดชณรงค์กล่าวว่า ทีมโฆษก ตร. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษได้มาชี้แจงต่อสื่อมวลชนผ่านไปยังประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยตำรวจยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุเป็นไปอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีผู้สังเกตการณ์จากนานาประเทศเข้าร่วม โดยเฉพาะการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากประเทศอังกฤษซึ่งมีมาตรฐานเรื่องการสืบสวนสอบสวนและเป็นประเทศผู้เสียหายอีกด้วย อย่างไรก็ตามก็ยังมีบุคคลบางกลุ่มยังไม่เข้าใจจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อสื่อมวลชนตามลำดับ
 
พ.ต.อ.ประชุมกล่าวว่าขอชี้แจงถึงบทบาทของพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ โดยทีมสอบสวนได้ร่วมทำคดีตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2557 จึงลงไปตรวจสอบในพื้นที่ที่เกิดเหตุ เก็บรวบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทุกส่วนตามขั้นตอน และได้นำพยานในที่เกิดเหตุทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล เข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการ กระทั่งมีการพิสูจน์ในชั้นศาลออกมา จึงขอยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง โดยคดีนี้มีเป็นคดีร้ายแรงและมีผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ มีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตซึ่งตามกฎมายต้องให้ทนายความและล่ามแปลภาษาร่วมสอบสวนทุกขั้นตอน 
 
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า การทำงานขอเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกถ่วงดุลตั้งแต่ขั้นตอนแรก ดังนั้นเชื่อได้ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่มีความเป็นธรรม เราอาศัยพยานหลักทางวิทยาศาสตร์ซึ่งไม่สามารถปกปิดได้ จึงอยากฝากไปถึงประชาชนไม่อยากให้ออกมาประท้วง และขอยืนยันว่าไม่มีเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองอย่างแน่นอน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท