ออกพ.ร.ก.นิรโทษฯ ให้บ.รายได้ไม่เกิน 500 ล. ยกเว้นเสียภาษีฯ-ความผิดอาญา ตามประมวลรัษฎากร

4 ม.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ.2558 โดยมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ทั้งนี้มีการระบุไว้ในหมายเหตุ ประกอบด้วยว่า

"เหตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจําเป็นต้องมีกฎหมายเพื่อยกเว้น และสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร เพื่อให้ระบบการจัดเก็บภาษีเงินได้สําหรับบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการสนับสนุนให้มีการจัดทําบัญชีให้สอดคล้องกับ สภาพข้อเท็จจริงของกิจการ ซึ่งหากไม่ดําเนินการโดยเร่งด่วน จะส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี อันจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยภาษีอากรที่ต้อง พิจารณาโดยด่วนและลับ จึงจําเป็นต้องตรา พ.ร.ก. นี้"

สำหรับมาตราที่น่าสนใจคือ มาตรา 4 ระบุว่า ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมา และมีกำหนดครบ 12 เดือน โดยวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดก่อนหรือในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 ได้รับยกเว้นจากการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญา ตามประมวลรัษฎากร 

สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2559 หรือมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2559 ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับแก่กรณีดังต่อไปนี้

(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ระหว่างการตรวจสอบภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรโดยมีหมายเรียกที่ออกก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ
 
(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 88/3 แห่งประมวลรัษฎากรที่ดำเนินการก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ
 
(3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีปลอมหรือเป็นผู้ใช้ใบกำกับภาษีปลอมหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกระทำการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรโดยแสดงรายจ่ายอันเป็นเท็จต่อกรมสรรพากร
 
(4) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวนชั้นพนักงานอัยการหรือชั้นศาล
 
พ.ร.ก. ยังระบุด้วยว่า “รายได้” ตามวรรคหนึ่งหมายความว่า รายได้จากการประกอบกิจการหรือเนื่องจากการประกอบกิจการซึ่งคำนวณตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร การได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่งจะต้องปรากฏด้วยว่าเจ้าพนักงานประเมินยังไม่ได้เริ่มดำเนินการประเมินหรือสั่งให้เสียภาษีอากรหรือยังไม่ได้ดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับภาษีอากรนั้นๆ
 
มาตรา 5 ในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 4 ยื่นคำร้องขอคืนภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ที่เกี่ยวกับรายได้ มูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่ได้รับยกเว้น เพื่อประโยชน์ในการคืนภาษีอากร ให้เจ้าพนักงานประเมินซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับภาษีอากรมีอำนาจทำการตรวจสอบภาษีอากรที่ขอคืนหรือออกหมายเรียกเพื่อตรวจสอบภาษีอากรที่ขอคืนไต่สวนประเมินหรือสั่งให้เสียภาษีอากรทั้งนี้ ตามที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้แล้วแต่กรณี
 
มาตรา 6 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับการยกเว้นตามมาตรา4ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังต่อไปนี้
(1) ทำการจดแจ้งต่อกรมสรรพากร ว่าเป็นผู้ได้รับยกเว้นตามพระราชกำหนดนี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และภายในเวลาที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
 
(2) ยื่นรายการในการคำนวณภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล พร้อมชำระภาษี สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลาในการยื่นรายการ ในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค. 2559 เป็นต้นไป
 
(3) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีธุรกิจเฉพาะ แล้วแต่กรณี ในกรณีบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหน้าที่ต้องยื่นตามที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้ พร้อมชำระภาษี ถ้ามี ทั้งนี้ สำหรับการยื่นแบบแสดงรายการที่ต้องกระทำในเดือนม.ค. 2559 เป็นต้นไป
 
(4) ยื่นแบบขอเสียอากรเป็นตัวเงิน สำหรับตราสารที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดให้ชำระอากร เป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากร และต้องชำระเงินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อากรแสตมป์ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2559 เป็นต้นไป
 
(5) มีการจัดทำ บัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1ม.ค.  2559 เป็นต้นไป
 
(6) ไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากรนับแต่วันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับ
 
มาตรา 7 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 6 ให้อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งเพิกถอนการได้รับยกเว้นตามมาตรา 4 ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น เมื่อมีการเพิกถอนการได้รับยกเว้นตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ถือว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ไม่เคยได้รับยกเว้นการใดๆ ตามพระราชกำหนดนี้ และให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจในการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมิน หรือสั่งให้เสียภาษีอากร และดำเนินความผิดอาญาเกี่ยวกับรายได้ มูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารตามที่กำหนดในมาตรา 4 ทั้งนี้ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร
 
มาตรา 8 เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติตามประมวลรัษฎากร ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการที่จำเป็น เพื่อให้สถาบันการเงินที่อยู่ในกำกับดูแล ใช้บัญชีและงบการเงินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นรายการภาษีเงินได้เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงินและการขออนุมัติสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็นต้นไป
 
อ่านรายละเอียดได้ที่ : เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา

 

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท