หลังซาอุฯ ประหารชีวิตนักการศาสนามุสลิมชีอะห์ "นีมร์ อัล-นีมร์" และเกิดเหตุผู้ประท้วงบุกสถานทูตซาอุฯ ที่อิหร่าน จนซาอุฯ ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตตอบโต้อิหร่านนั้น ล่าสุด 3 ชาติภูมิภาคอาหรับได้ร่วมกับซาอุฯ ตอบโต้อิหร่าน โดยบาห์เรน ซูดาน สั่งเนรเทศทูตอิหร่าน ขณะที่ยูเออีเรียกทูตกลับประเทศ ด้านปฏิกิริยาจากนานาชาติ รัสเซียและเยอรมนีต่างเรียกร้องให้ชาติคู่กรณีอดกลั้น-ลดความตึงเครียด
5 ม.ค. 2559 ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน หลังทางการซาอุดิอาระเบียประหารชีวิตนักการศาสนานิกายชีอะห์ ชีค นีมร์ อัล-นีมร์ (Nimr al-Nimr) เมื่อ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา ตามมาด้วยเหตุประท้วงที่สถานทูตซาอุดิอาระเบีย ประจำกรุงเตหะราน ของประเทศอิหร่าน และเกิดเหตุผู้ประท้วงบุกโจมตีสถานทูตซาอุดิอาระเบีย นำมาสู่การตัดความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างซาอุดิอาระเบีย-อิหร่าน โดยทั้งสองฝ่ายถอนนักการทูตกลับประเทศนั้น
ล่าสุดมีชาติในภูมิภาคอาหรับ-แอฟริกาเหนือ 3 ชาติ ได้แสดงออกว่าเป็นพันธมิตรกับซาอุดิอาระเบีย ได้แก่ บาห์เรน และซูดาน ได้เนรเทศทูตกลับและตัดความสัมพันธ์ทางการทูตต่ออิหร่าน ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เรียกทูตกลับจากเตหะราน และปรับลดความสัมพันธ์ทางการทูตต่ออิหร่าน
บาห์เรนขับทูตอิหร่าน ขีดเส้นตาย 48 ชั่วโมง
แผนที่แสดงประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง-แอฟริกาเหนือ ล่าสุดในความขัดแย้งซาอุดิอาระเบีย-อิหร่าน มีชาติในภูมิภาค 3 ชาติตอบโต้ทางการทูตต่ออิหร่านได้แก่ ซูดาน ซึ่งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาเหนือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี และบาห์เรน ซึ่งเป็นหมู่เกาะเล็กๆ ในอ่าวเปอร์เซีย (ที่มาของแผนที่: Googlemaps)
โดย สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า อิซา อัล-ฮามาดี รัฐมนตรีกระทรวงกิจการสื่อมวลชนของบาห์เรนแจ้งเมื่อวันจันทร์ (4 ม.ค.) ที่ผ่านมาว่ากำลังลดความสัมพันธ์ทางการทูตลง และให้ทูตอิหร่านออกจากประเทศภายใน 48 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุผู้ประท้วงบุกโจมตีสถานทูตซาอุดิอาระเบียที่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา
โดยความตึงเครียดทางการทูตระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน เกิดขึ้นหลังทางการซาอุดิอาระเบียลงโทษประหารชีวิตนักการศาสนานิกายชีอะห์ นีมร์ อัล-นีมร์ และบุคคลอีก 46 ราย ในข้อหาต่อต้านรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันเสาร์ (2 ม.ค.) ที่ผ่านมา
ในจำนวนผู้ถูกประหารชีวิต มีบุคคลจำนวนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการโจมตีซาอุดิอาระเบียระหว่างปี 2546-2549 ซึ่งกลุ่มอัล กออิดะห์ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับโจมตีนี้
บาห์เรนยังกล่าวหาอิหร่านว่าอยู่เบื้องหลังการประท้วงของประชากรมุสลิมชีอะห์ในประเทศ ซึ่งในช่วงปี 2554 ในบาห์เรนเกิดการประท้วง ซึ่งเป็นระลอกติดตามมาจากกระแสอาหรับสปริง โดยผู้ประท้วงเป็นกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ขณะที่ชนชั้นนำในรัฐบาลบาห์เรนเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนหนี่
ซาอุดิอาระเบียอัดทางการอิหร่านเกี่ยวข้องเหตุโจมตีสถานทูต
กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านตอบโต้ซาอุดิอาระเบียว่า ใช้เหตุโจมตีสถานทูตที่เตหะราน เป็นข้ออ้างเพื่อสร้างความตึงเครียด ภายหลังจากยื่นเส้นตายให้ทูตอิหร่านเดินทางออกจากกรุงริยาดภายใน 48 ชั่วโมง
ด้านอะเดล อัล-จูเบีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย กล่าวหาว่าทางการอิหร่านเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีสถานทูตซาอุอาระเบียด้วย และยังระบุว่าเอกสารและคอมพิวเตอร์ในสถานทูตยังหายไปด้วย
เขากล่าวอีกว่า ผู้แทนนักการทูตซาอุดิอาระเบียได้ขอความช่วยเหลือจากกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านเมื่อสถานทูตถูกโจมตี แต่คำร้องขอก็ถูกเพิกเฉย
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศ ซาอุดิอาระเบียประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (3 ม.ค.) ว่า นักการทูตซาอุดิอาระเบียได้อพยพออกจากเตหะรานกลับไปยังซาอุดิอาระเบียแล้ว
ซูดานเนรเทศนักการทูตอิหร่าน ยูเออีปรับลดความสัมพันธ์-เรียกทูตกลับ
สำหรับปฏิกิริยาจากนานาชาติ กลุ่มประเทศที่สนับสนุนซาอุดิอาระเบีย ได้มีมาตรการตอบโต้อิหร่าน โดยประเทศซูดาน ได้เนรเทศนักการทูตอิหร่านเมื่อวันจันทร์ (4 ม.ค.) ตามรายงานของสำนักข่าวฟารส์ของทางการอิหร่าน
ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ได้ประท้วงเหตุโจมตีสถานทูตซาอุดิอาระเบีย ในกรุงเตหะราน และลดระดับความสัมพันธ์กับอิหร่านลง โดยเรียกตัวนักการทูตยูเออีกลับจากอิหร่าน และสั่งให้ลดจำนวนนักการทูตอิหร่านที่ประจำการอยู่ในยูเออี
ด้านเลขาธิการใหญ่ของคณะมนตรีความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) อับดุล ลาติฟ บิน ราชิด อัล ซายานี ได้ประณามเหตุโจมตีสถานทูตซาอุดิอาระเบียด้วย โดยระบุว่าทางการอิหร่านต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่จากการที่ไม่สามารถปกป้องนักการทูตซาอุดิอาระเบียได้
รัสเซียย้ำยังเป็นมิตรต่อซาอุดิอาระเบีย-อิหร่าน เรียกร้องชาติตะวันออกกลางอดกลั้น
สำหรับปฏิกิริยาของมหาอำนาจนั้น นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรทางเทคนิคกับอิหร่าน เนื่องจากสนับสนุนรัฐบาลซีเรียของบะชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งเป็นชนชั้นนำที่นับถือนิกายซีอะห์ ยังออกแถลงการณ์โดยกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่าเฝ้าจับตาความขัดแย้งที่กำลังทวีความตึงเครียดนี้ นอกจากนี้ยังระบุว่าจะรักษาความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับทั้งสองประเทศอิหร่าน-ซาอุดิอาระเบีย และเรียกร้องให้ทั้งเตหะราน ริยาด และประเทศในตะวันออกกลางอื่นๆ มีความอดกลั้น
เยอรมนีขอให้สองชาติลดความตึงเครียด เพราะต่างเป็นชาติสำคัญต่อเสถียรภาพภูมิภาค
ขณะที่รัฐบาลเยอรมนี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกิจการตะวันออกกลางผ่านสหภาพยุโรป ได้เรียกร้องให้ทั้งอิหร่านและซาอุดิอาเรีย ลดความตึงเครียดนี้ลง โดยโฆษกรัฐบาล สเตเฟน เซเบิร์ต กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงเบอร์ลินเมื่อวันจันทร์นี้ (4 ม.ค.) ว่า "ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะคลี่คลายวิกฤตในซีเรียและเยเมน เพื่อเสถียรภาพของทั้งภูมิภาค"
เกิดเหตุฆ่าในซาอุดิอาระเบีย และระเบิดมัสยิดซุนหนี่ในอิรัก หลังประหารนักการศาสนาชีอะห์
ทั้งนี้ภายหลังการประหารชีวิต นีมร์ อัล-นีมร์ ได้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในซาอุดิอาระเบียด้วย โดยสำนักข่าวซาอุดิอาระเบีย ระบุด้วยว่าที่หมู่บ้านอะวามิยะได้เกิดเหตุมีชายคนหนึ่งถูกฆ่าและมีเด็กคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ โดยหมู่บ้านแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งครอบครัวของนีมร์ อัล-นีมร์ มาจัดพิธีไว้อาลัยที่มัสยิดแห่งหนึ่งเป็นเวลา 3 วัน
ขณะที่สถานการณ์ในอิรัก สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. เกิดเหตุมัสยิดของนิกายซุนหนี่ 3 แห่ง ทางตอนใต้ของกรุงแบกแดดถูกวางระเบิด และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย
นักการศาสนานิกายชีอะห์ผู้ต่อต้านซาอุดิอาระเบียจนถูกสั่งประหาร
ภาพวาด นีมร์ อัล-นีมร์ นักการศาสนามุสลิมนิกายชีอะห์ ซึ่งถูกทางการซาอุดิอาระเบียประหารชีวิตเมื่อ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา (ที่มา: Talkhandak/Wikipedia)
สำหรับนักการศาสนานิกายชีอะห์ นีมร์ อัล-นีมร์ มีประวัติวิจารณ์ชนชั้นนำของราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียในการเลือกปฏิบัติต่อประชากรส่วนน้อยซึ่งนับถือนิกายชีอะห์ โดยเขาถูกจับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2555 และในเดือนตุลาคมปี 2557 นีมร์ อัล-นีมร์ ถูกศาลอาชญากรรมพิเศษของซาอุดิอาระเบียตัดสินประหารชีวิต ในข้อหาสนับสนุนให้ต่างชาติแทรกแซงซาอุดิอาระเบีย ไม่เชื่อฟังผู้ปกครองซาอุดิอาระเบีย และจับอาวุธต่อสู้กับกองกำลังของซาอุดิอาระเบีย โดยระหว่างที่เขาถูกจับกุม เขาถูกซ้อมทรมานจนฟันหลุดด้วย
ล่าสุดเขาถูกทางการซาอุดิอาระเบียประหารชีวิต นีมร์ อัล-นีมร์ พร้อมกับบุคคลอื่นรวม 46 ราย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน