Skip to main content
sharethis

จาตุรนต์ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองขอให้ยกเลิกคำสั่งกระทรวงการต่างประเทศ กรณีถูกเพิกถอนพาสปอร์ต  ชี้เหตุผลที่อ้างในคำสั่งเป็นความเท็จ ตนไม่ใช่บุคคลที่มีหมายจับหรือเดินทางไปต่างประเทศ ปัจจุบันไม่มีหน่วยงานใดออกหมายจับตนแล้ว

13 ม.ค. 2559 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี เดินทางมายื่นฟ้องต่อศาลปกครอง  เพื่อขอให้ยกเลิกคำสั่งกระทรวงการต่างประเทศ  กรณีถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2558 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งได้ยื่นฟ้องกระทรวงการต่างประเทศ  กรมการกงสุล  รัฐมนตรีต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อธิบดีกรมการกงศุล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เป็นผู้ถูกฟ้องในคดีตามลำดับ

จากนั้นเวลา 13.48 น. ที่ผ่านมา นายจาตุรนต์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Chaturon Chaisang' ถึงคำบรรยายการฟ้องด้วยว่า การเพิกถอนพาสสปอร์ตครั้งนี้เป็นคำสั่งที่ผิดกฎหมาย และเป็นการจงใจกระทำละเมิดโดยผิดกฎหมาย โดยลำดับเรื่องพอสังเขปได้ว่า เริ่มจากกรมการกงสุลออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ชี้แจงเกี่่ยวกับการยกเลิกหนังสือเดินทางของตนว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศขอให้พิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางของตน เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีหมายจับและเดินทางไปต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศและกรมการกงสุลพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายที่จะยกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 23 (2) ประกอบข้อ 21 (2) จึงได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของตน ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 2558

“ผมไม่ได้รับแจ้งคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางดังกล่าวจากกระทรวงการต่างประเทศและกรมการกงสุล จึงมีหนังสือลงวันที่ 3 ก.ย. 2558 ไปยังปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามีการยกเลิกหนังสือเดินทางของตนดังที่ปรากฏเป็นข่าวว่า จริงหรือไม่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้รับหนังสือตอบจากปลัดกระทรวงการต่างประเทศแต่อย่างใดทั้งสิ้น” นายจาตุรนต์ ระบุในคำฟ้อง

คำบรรยายคำฟ้องระบุด้วยว่า คำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของตนเป็นคำสั่งที่ผิดกฎหมาย ทำให้ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง จึงยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าวต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และอธิบดีกรมการกงสุล และต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และอธิบดีกรมการกงสุล ไม่พิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าว หรือหากพิจารณา ก็ไม่พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาอันสมควรหรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ให้ตนทราบ จึงใช้สิทธิฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของตนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

นายจาตุรนต์  ระบุด้วยว่า ในคำร้องได้ตั้งประเด็นพิจารณาทางข้อกฎหมายต่อศาลปกครองว่า คำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (1). เหตุผลที่อ้างในคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางเป็นความเท็จ ตนไม่ใช่บุคคลที่มีหมายจับหรือเดินทางไปต่างประเทศ ปัจจุบันไม่มีหน่วยงานใดออกหมายจับตน หากเหตุที่อ้างในหนังสือสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเรื่องคดีที่อัยการศาลทหารกรุงเทพได้ยื่นฟ้องตน เป็นคดีหมายเลขดำที่ 31ก./2557 ต่อศาลทหาร ก็เป็นเรื่องที่ตนถูกควบคุมตัวโดยสมัครใจตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2557 โดยไม่มีการออกหมายจับแต่อย่างใดทั้งสิ้น คดีดังกล่าวเป็นคดีเดียวที่มีการฟ้องร้องตนในขณะนี้ และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลทหาร ซึ่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลทหารเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2557 ซึ่งเงื่อนไขของการปล่อยตัวชั่วคราวประการหนึ่ง คือ ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต

(2). เหตุที่ยกเลิกหนังสือเดินทางไม่ตรงกับเหตุผลที่แท้จริง เหตุที่ระบุในคำสั่งขัดต่อเหตุผลในการยกเลิกหนังสือเดินทางของตนตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อสื่อมวลชน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สาเหตุแท้จริงในการยกเลิกหนังสือเดินทาง ไม่ใช่เป็นบุคคลที่มีหมายจับและเดินทางไปต่างประเทศ หากแต่เป็นเพราะการที่ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตยและได้เรียกร้องให้สภาปฏิรูปแห่งชาติลงมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว รวมทั้งที่ได้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองในกรณีอื่นๆ หลายครั้ง ซึ่งอาจทำให้ผู้มีอำนาจไม่พอใจ การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญและความคิดเห็นทางการเมือง ถือเป็นสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มาตรา 4 ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศ การกระทำดังกล่าวไม่ใช่การก่อความไม่สงบด้วยวาจา หรือก่อให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนแต่อย่างใด ไม่ได้กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลหรือคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นการกระทำหรือคำสั่งทางปกครองที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายระหว่างประเทศ

(3). สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีอำนาจร้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศและกรมการกงสุลยกเลิกหนังสือเดินทางของตน (4). กระทรวงการต่างประเทศและกรมการกงสุลไม่มีอำนาจยกเลิกหนังสือเดินทางของตน ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศและกฎหมาย (5). คำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางขัดต่อพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 (6). การยกเลิกหนังสือเดินทางขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2557 (ฉบับชั่วคราว) มาตรา 4 และพันธกรณีระหว่างประเทศของประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังได้บรรยายสรุปคำฟ้องถึงความเสียหายที่ได้รับ เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ใช้เหตุผลข้ออ้างเป็นเท็จ สาเหตุที่แท้จริงน่าจะเกิดจากการที่ตนแสดงความคิดเห็นแตกต่างทางการเมือง วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญและเรื่องอื่นอยู่เสมอ คำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางดังกล่าวที่ออกโดย หรือร่วมกันสั่งการโดยผู้ถูกฟ้องทุกคนเป็นการจงใจกระทำละเมิดโดยผิดกฎหมาย ทำให้ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อเสรีภาพในการเดินทางและความเสียหายต่อการทำมาหาได้และการประกอบอาชีพ ความเสียหายต่อเกียรติยศและชื่อเสียง ความเสียหายต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อหลักนิติรัฐนิติธรรมและสาธารณะโดยส่วนรวมอีกด้วย นอกจากที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งในคดีนี้แล้ว จะขอสงวนสิทธิในการดำเนินคดีอาญาตลอดจนเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งจากผู้เกี่ยวข้องต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net