Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

กาลครั้งหนึ่งครั้งที่สองซึ่งไม่อาจยาวนานเท่ากาลครั้งหนึ่งครั้งที่หนึ่ง ชีวิตของเด็กคนหนึ่งอาจไม่ได้งดงามและง่ายดายเหมือนกับชีวิตคุณหนูติสๆ แต่ก็คงไม่โหดร้ายเท่ากับปาสเคียวเล่ ในยามที่นกน้อยโบยบินไปอยู่กับเซเซ่ เด็กบางคนต้องอยู่ลำพังให้ได้ในโลกใบนี้

 ....ในเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งมีร้านรองเท้าเล็กๆ ร้านหนึ่งตั้งอยู่ที่หัวมุมถนน เจ้าของร้านเป็นชายชราผู้เคยได้รับโล่เกียรติยศจากการประกวดรองเท้าประจำปี เขาเคยเป็นช่างรองเท้าที่เก่งมากที่สุดในเมือง...แต่เดี๋ยวนี้ร้านทำรองเท้าเปิดใหม่มาก รองเท้าสำเร็จรูปก็มีขายทั่วไป แถมยังมีนักออกแบบรองเท้าไอเดียบรรเจิดทำรองเท้าที่ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าใส่ออกขายให้เป็นที่ฮือฮาตลอด ความจริงเขาควรจะเลิกอาชีพนี้หรือขายร้านนี้ไปเสีย แต่เขารักการทำรองเท้ามากจนยากจะถอนตัว แม้ว่าตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่ซ่อมรองเท้า หรือทำรองเท้าราคาถูกๆ เรียบๆ แต่ใช้ความละเอียดอ่อนมากก็ตาม แรงบันดาลใจของเขาค่อยๆ หมดลงไปนานแล้ว เขาหวังว่าสักวันหนึ่งมันจะกลับมาหาเขา เขาเพียรพยายามที่จะเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทางที่หัวมุมถนนด้วยข้าวแกงและขนมในทุกๆ เช้า เขาไปเก็บอาหารที่เย็นชืดแห้งกรังแข็งกระด้างนั้นกลับมาในตอนเย็น เผื่อว่าวันหนึ่งแรงบันดาลใจเหล่านั้นจะกลับมาหาคนแก่อย่างเขาอีกครั้ง...และแล้ววันหนึ่งโชคก็เข้าข้างเขา ผู้ชายท่าทางมอซอคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านแล้วเสนอขายหนังชั้นดีสีแดงสดให้เขาในราคาที่ไม่แพงนัก เขาตกลงซื้อในทันทีแถมให้เงินเพิ่มเติมจากราคาที่ชายมอซอคนนั้นเสนอมาด้วย  เขาวางหนังสีแดงนั่นลงบนโต๊ะทำงานอย่างบรรจง จ้องมองมันด้วยแววตาเปี่ยมสุข พร้อมกับหัวใจแน่วแน่ว่าเขาจะทำรองเท้าที่สวยที่สุดในเมืองนี้ด้วยหนังสีแดงผืนนี้ให้ได้...เย็นวันนั้นเขาออกไปเก็บของเซ่นไหว้ที่มุมถนนเหมือนทุกวัน แต่อาหารที่อยู่ในถ้วยชามนั่นหายไป..”หรือว่าเทวดาจะตอบรับคำขอของฉันแล้ว พรุ่งนี้ต้องเพิ่มของไหว้” แล้วก็เดินกลับเข้าร้านไปอย่างอารมณ์ดีและลงมือออกแบบรองเท้าที่สวยที่สุดในคืนนั้นเอง

ช่างทำรองเท้าชราทุ่มเทเวลามากมายโดยไม่มีริ้วรอยของความเหน็ดเหนื่อยบนใบหน้าเลย เขาอมยิ้มเสมอเมื่อนึกถึงภาพรองเท้าที่อยู่ในหัว เขาทุ่มเทมากจนปิดร้านชั่วคราว และถึงขนาดที่แม่บ้านที่เขาจ้างมาทำงานบ้านสัปดาห์ละ 2 ครั้งจะพยายามทำอาหารอร่อยๆ มาให้แต่เขาก็แตะอาหารน้อยเหลือเกิน ในสมองเขามีแค่เรื่องรองเท้ากับเทวดาศักดิ์สิทธ์ที่ตรงหัวมุมถนน เขาเพิ่มของเซ่นไหว้และมันก็กลับมาอย่างว่างเปล่าในทุกๆ วัน ในระยะเวลาเกือบเดือนผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในเวลากลางคืนจะเห็นแสงไฟในร้านรองเท้าเปิดอยู่ พร้อมกับภาพชายชราค่อยๆ บรรจงสอยเข็มลงไปบนผืนหนังจนชินตา และในคืนที่ดวงดาวเต็มท้องฟ้าเพราะปราศจากแสงจันทร์ เจ้ารองเท้าบูทสีแดงก็บรรเจิดขึ้นมา เจ้ารองเท้าคู่น้อยภูมิใจในตัวเองมากมันรู้แน่ว่ามันคือรองเท้าที่สวยที่สุดแน่ๆ ช่างทำรองเท้าเองก็ภูมิอกภูมิใจกับรองเท้าที่เขาสร้างมันขึ้นเช่นกัน...แต่แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นเศษหนังเหลือๆ จากการเย็บรองเท้าคู่งาม จึงเอามาสานสลับแล้วตัดเย็บเป็นรองเท้าแตะคู่เล็กๆ ที่ใช้เวลาเย็บไม่ถึงชั่วโมง และคืนนั้นช่างทำรองเท้าก็หลับอย่างเป็นสุข

เช้าวันต่อมาเทศกาลประกวดรองเท้าประจำเมืองจัดขึ้นอย่างเอิกเหริก ช่างวางรองเท้าเอารองเท้าคู่งามใส่กล่องเพื่อเตรียมมันเข้าประกวด เจ้ารองเท้าแตะคู่น้อยมองตามตาปริบๆ ตัวมันคงต้องอยู่เฝ้าร้านละสิก่อนออกจากประตูเจ้ารองเท้าบู๊ทคู่สวยก็หันหน้ามายิ้มเยาะให้กับรองเท้าทุกคู่ในร้านอีกต่างหาก และแน่นอนที่สุดว่าภาพรองเท้าบู๊ทสีแดงสดสวยประดับด้วยขนกระต่ายสีขาวนุ่มนิ่มผูกภู่ด้วยสายสีแดงถักเปีย ที่ตัดเย็บอย่างประณีต ย่อมชนะใจกรรมการและผู้คนที่มาร่วมงาน รองเท้าสำหรับเด็กผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมืองคือรองเท้าที่ชายชราบรรจงใช้เวลาทำอย่างใส่ใจ เขานำรองเท้าแห่งความภาคภูมิใจกลับมาที่ร้านแล้ววางมันลงในจุดที่ดีที่สุดของตู้โชว์แล้วหยิบเจ้ารองเท้าแตะคีบมาวางข้างๆ กันเป็นส่วนประกอบให้ดูสมบูรณ์ขึ้น เจ้ารองเท้าบู๊ทคู่สวยตกใจที่มันต้องมาวางอยู่ในที่เดียวกันกับเจ้ารองเท้ากระจอกที่ทำจากเศษหนังเหลือๆ มันเชิดหน้าและหลิ่วตามองอย่างเหยียดๆ จนเจ้ารองเท้าแตะรู้สึกได้ เลยได้แต่อยู่เงียบๆ อย่างอึดอัดจนถึงเช้า

รุ่งเช้าแห่งความโกลาหลได้เกิดขึ้นเมื่อเด็กผู้หญิงหลายคนในเมืองเร่งเร้าให้พ่อ-แม่ พามาดูรองเท้าที่ชนะการประกวดเมื่อวานนี้ทุกคนมารอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดคอยมองดูรองเท้าจากตู้โชว์ของร้านแล้วอ้อนให้พ่อแม่ซื้อให้ บางคนพยายามที่จะร้องไห้ บางคนทำท่าจะโวยวายขึ้นมา แต่มีเด็กอยู่คนหนึ่งได้แต่ยืนมองสิ่งต่างๆ ในตอนเช้านี้ แล้วก็ซุกตัวนั่งลงในซอกตึกเหมือนเดิม ทันที่ที่ร้านเปิดเด็กๆ ก็กรูเข้าไปในร้านแล้วชี้มือชี้ไม้ไปที่รองเท้าคู่สวยจับใจ ชายช่างทำรองเท้ายิ้มแก้มปริ นานมาแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ ด้วยราคาที่แพงสมศักดิ์ศรีเจ้าของรางวัลทำให้พ่อแม่ของเด็กบางคนต้องตัดใจจากรองเท้าคู่นั้น เด็กๆ ที่พ่อแม่มีสตางค์จึงผลัดกันได้รองใส่ เดินไปเดินมา เด็กคนอื่นๆ ได้แค่มองแล้วก็หันไปเลือกดูรองเท้าคู่อื่นๆ ในร้าน แต่ไม่มีใครหยิบเอาเจ้ารองเท้าแตะคู่เล็กไปลองใส่เลย มันได้แต่น้อยใจและมองดูรองเท้าคู่อื่นๆ ที่มีเจ้าของกันไปหมด

ในที่สุด เด็กหญิงตัวกลมผมแกละแก้มแดงก็ได้เจ้ารองเท้าบู๊ทคู่งามไปครอบครอง ใช่ เธอดีใจมากที่ได้มันมาครอบครอง เด็กน้อยน่ารักบ้านรวยคนนั้นกอดรองเท้าบู๊ทแสนสวยด้วยความดีใจ เธอหวงมันมากกว่าร้องเท้าคู่ไหนๆ หลังจากรู้ว่าตัวเองได้เป็นเจ้าของรองเท้าที่สวยที่สุดในเมือง สาวน้อยถอดรองเท้าราคาแพงคู่เก่าออกอย่างไม่ใยดีแล้วบรรจงสวมรองเท้าแสนสวยสีแดงสดแล้วยืนขึ้นพร้องเสียงปรบมือและคำชมจากพ่อแม่ รองเท้าคู่งามหันมายิ้มเยาะรองเท้าทุกคู่ที่ขายไม่ออก โดยเฉพาะเจ้ารองเท้าแตะกระจอกๆนั้นก่อนจะออกไปพร้อมกับเจ้าของคนใหม่ของมันอย่างร่าเริง ส่วนเจ้ารองเท้าแตะสีแดงคู่น้อยๆ ก็ต้องมองตามตาละห้อย น้อยใจในโชคชะตาของตัวเองจริงๆ หลังจากที่เด็กๆ ต่างพากันแวะเวียนมาที่ร้านจนเย็นค่ำรองเท้าหลายคู่ถูกเลือกออกไป เหลือแค่ไม่กี่คู่ จนสุดท้ายเหลือแค่คู่เดียว ในขณะที่ร้านกำลังจะปิด...ยังมี สายตาจากเด็กคนหนึ่งจ้องมองมาที่รองเท้าแตะสีแดงคู่น้อยนั้น แล้วยิ้มน้อยๆ ให้กับมันก่อนที่แสงไฟจะดับลง

ชายชราช่างทำรองเท้าสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างอิ่มเอมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันสองวันนี้ เขานึกถึงภาพของเด็กผู้หญิงผิวขาวแก้มแดงกอดและจูบรองเท้าที่เขาตั้งใจทำ และเขาได้มอบความตั้งใจและหัวใจให้กับมันไว้กับเด็กผู้หญิงที่คู่ควร เขาอยากจะขอบคุณโชคชะตาที่ที่ทำให้เขาได้มีช่วงเวลาเช่นนี้ รองเท้าที่ร้านขายหมดเกลี้ยงและยังขอบคุณเทวดาที่เขาเพียรเอาเซ่นไหว้ไปถวายให้ที่หัวมุมถนน...ใช่! เครื่องเซ่น วันนี้เขาลืมเก็บเครื่องเซ่นเสียสนิทเขาจึงเดินออกมาจากหลังร้านเพื่อจะเก็บของเซ่นไหว้เหล่านั้น เทวดาองค์ไหนในพันองค์ เจ้าพ่อเจ้าแม่หรือวิญญาณกุมารทองที่ไหนส่งหนังสีแดงสดนั่นมาให้เขาก็แล้วแต่เขาก็ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง

ที่เครื่องเซ่น!! ตรงนั้น...มี่ร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งอยู่ตรงนั้นพลันภาพที่อยู่นอกกระจกก็มีแต่ฝุ่นคลุ้งพายุพาเม็ดฝนโปรยลงมา ร่างเล็กๆ ตรงนั้นขดงอนั่งยองๆ คุดคู้ก้มหน้างุ้น ช่างทำรองเท้ารีบเปิดประตูกระจกแล้ววิ่งออกไปที่มุมถนนอุ้มร่างนั้นฝ่าลมฝนเข้ามาในร้านแล้วปิดประตูอย่างเร็วก่อนที่ฝนจะสาดเข้ามามากกว่านี้ ช่างทำรองเท้าค่อยๆ วางร่างเล็กๆ ผอมเกร็งนั้นลงบนโต๊ะกว้างที่เขาใช้ทำรองเท้ากลางร้าน ร่างเล็กๆ นั้นงอขดและสั่น เขาจึงคว้าเอาผ้าห่มที่วางอยู่ตรงโซฟามาห่มให้ พร้อมกับเช็ดตัวเช็ดหัวให้แห้ง หน้าเล็กๆ นั้นยังหลับตาปี๋ เขาจึงปล่อยให้เจ้าเทวดาน้อยนอนอยู่ตรงนั้นแล้วเข้าไปในครัวหลังบ้านชงโกโก้ร้อนๆออกมา เขาสะกิดเด็กน้อยตรงหน้า เจ้าเด็กผอมเกร็งนั้นสะดุ้งขึ้นมายกมือท่วมหัวพร้อมพูดไม่ได้ศัพท์ “ใจเย็นๆ เจ้าหนูใจเย็นๆ” เด็กน้อยค่อยๆ สงบลง มองชายชราตาปริบๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ชายชรามองหน้าเด็กน้อยอมยิ้มแล้วก้าวถอยหลังมาก้าวหนึ่งแล้วหยิบเอาถ้วยโกโก้ร้อนๆ หอมฉุยมายื่นให้เด็กคนนั้น เจ้าเด็กนั้นมองผู้ให้กับของในมือสลับกันไปมา ชายชราเลิกคิ้วหยั่งเชิง เล็ง เล็ง เล็งแล้วเจ้าเด็กน้อยก็คว้าเอาถ้วยโกโก้ไปดื่มอักๆ จนหมดแก้วเลย...อร่อยจริงๆ

ชายชราจัดการพาเด็กน้อยไปอาบน้ำแล้วปูที่นอนให้ที่โซฟาแถวๆ โต๊ะทำงาน เด็กน้อยหลับฝันดีจนเช้า...พายุฝนหายไปแล้ว ตะวันโผล่ขึ้นมาพร้อมกับฟ้าใสๆ ชายช่างทำรองเท้าเดินลงมาดูตู้ว่างเปล่าในร้านอย่างโล่งใจ แม่บ้านมากดกิ่งที่หน้าประตูทำให้ร่างเล็กๆ บนโซฟาที่นอนคุดคู้อยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา “อ้าวตื่นแล้วหรอ” ชายชราถาม “อือ” เด็กน้อยตอบงัวเงียๆ แม่บ้านแปลกใจเล็กน้อยกับสมาชิกใหม่ ชายชราและเด็กน้อยนั่งกินข้าวด้วยกัน ก่อนที่แม่บ้านจะออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่สำหรับเด็กมา 2 ชุด เขาลองชุดใหม่บนโต๊ะตัดรองเท้า เจ้ารองเท้าแตะสีแดงมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นสุขและแอบหัวเราะไปกับท่าทางเขินๆ ของเจ้าเด็กนั่น และทันใดนั้นเองชายชราก็เดินมาที่ชั้นมาวางรองเท้า หยิบรองเท้าที่เหลือคู่สุดท้าย (ก็ไอ้คู่แดงนั่นแหละ) ออกมาวางที่โต๊ะตรงหน้าเด็กน้อยที่เคยหน้าตามอมแมมคนนั้น “ลองใส่ดูสิ” เท้าเธอน่าจะพอดีกับรองเท้าคู่นี้ เด็กน้อยยิ้มดีใจแล้วสวมทันที พอดีเป๊ะ!!  เท้าเล็กๆ กับรองเท้าเล็กๆ เข้ากันได้ดีทีเดียวเลยแหละ555++หลังจากวันนั้นเด็กน้อยก็อยู่ช่วยงานชายชราที่ร้าน ทำรองเท้าด้วยกัน ดูแลลูกค้าด้วยกัน กินโกโก้ร้อนๆ ด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน ออกแบบรองเท้าใหม่ด้วยกัน พวกเขาอยู่อย่างมีความสุขและรองเจ้ารองเท้าคีบสีแดงก็มีความสุขด้วย

แต่แล้ววันหนึ่งขณะที่เด็กน้อยกำลังจะเอาขยะไปทิ้งที่หลุมขยะในเมืองเขาก็เห็นสิ่งที่คุ้นตา...และเจ้ารองเท้าแตะก็คุ้นตา...จำได้แล้ว!! นั่นมันรองเท้าที่สวยที่สุดในเมืองนิ..ไม่สิ..ตอนนี้มันคงเป็นรองเท้าที่เคยสวยที่สุดในเมืองละมั้ง เจ้ารองเท้าแตะสีแดงมองรองเท้าคู่เคยงามน้ำตาร่วงขณะที่มันเดินผ่านตรงถังขยะหน้าบ้านเศรษฐี เด็กน้อยมองรองเท้าอย่างเสียดาย เขาวางถุงขยะในมือลงแล้วค่อยๆ เดินไปดูใกล้ๆ แต่ก็ถอยออกมา มองรองเท้าแตะสีแดงที่ตัวเองสวมอยู่แล้วเอาถุงขยะไปทิ้งที่หลุมขยะ ตอนขากลับพวกเขาก็เดินสวนกับเด็กหญิงแก้มแดงจ้ำม่ำ ผู้เคยกอดรองเท้าที่สวยที่สุดในเมืองไว้ยามที่เธอได้เป็นเจ้าของมัน สวมรองเท้าหนังสีขาวสวยงามระยิบระยับอยู่ที่ริมถนนกับแม่ที่ถือของพะรุงพะรัง แล้วก็ต้องผ่านมาเห็นเจ้ารองเท้าสีแดงที่ถูกทิ้งไว้อีกครั้ง แต่เขาก็ตัดสินใจไม่หันไปมองมัน...เขามีรองเท้าที่เหมาะกับเขาแล้ว และมันเป็นรองเท้าที่ดีที่สุดสำหรับเขา

เจ้ารองเท้าแตะสีแดงคู่น้อยอิ่มเอมใจที่อย่างน้อยๆ เจ้านายของมันก็เลือกมัน ทั้งๆ ที่เขาจะหยิบรองเท้าคู่สวยกว่ามาสวมแทนมันก็ได้ แม้นมันจะไม่ได้ถูกแย่งชิง ไม่มีรางวัลการันตี และดูเป็นรองเท้าธรรมดาๆ แต่มันก็ไม่ได้ถูกเจ้าของทิ้งขว้าง มันจะไปกับเจ้านายน้อยๆ ของมันทุกๆ ที่ที่เขาเดินไป และเจ้าของตัวน้อยๆ กับรองเท้าเล็กๆ ก็กระโดดโลดเต้นไปด้วยกัน
 

*ผู้เขียนขอไม่เปิดเผยตัวตน สถานะ และทีมาของนิทานด้วยเหตุจำเป็น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net