Skip to main content
sharethis

กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ ร้อง สผ. ค้านการทำงานราย EIA ของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม สำหรับโครงการเหมืองแร่โปแตช ชี้ข้อมูลไม่ตรงข้อเท็จจริง มีการเปลี่ยนตัวเลข ผู้ไม่เห็นด้วยกับโครงการ 70% เป็น เห็นด้วย 70%

25 ม.ค. 2559 Green New TV รายงานว่า กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ จำนวนกว่า 30 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อคัดค้านผลการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 2 ที่บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (โดยใช้ถ่านหินบิทูมินัสเป็นเชื่อเพลิง) สำหรับโครงการเหมืองแร่โปแตชและเกลือหิน บริษัท อาเซียนโปแตซชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) ระบุไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยมีการปรับเปลี่ยนข้อมูลจากมีผู้ไม่เห็นด้วย 70% เป็นผู้เห็นด้วย 70%

สมพร สันติสัมพันธ์ ผู้ประสานงานกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ เปิดเผยว่า บ.ทีม คอนซัลติ้งฯ ได้จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 ที่โรงเรียนบางอำพันธ์วิทยาคม ต.บ้านตาล อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2558 ทั้งนี้ทางบริษัทกลับทำเพียงอธิบายวิธีการผลิตไฟฟ้า โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ซักถามข้อสงสัย แม้ว่าผู้เข้าร่วมเกินกว่าครึ่งจะเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างโรงไฟฟ้า ถ่านหิน

“นอกจากนี้่ ทางบริษัทกลับทำเอกสารรายงานการประชุมที่ระบุว่ามีประชาชนเข้าร่วมราว 300 คน โดยเป็นผู้ที่เห็นด้วยกว่า 70% ขัดแย้งกับหนังสือรายงานของทางจังหวัดที่มีลายเซ็นผู้ว่าราชการ รองผู้ว่าราชการ และอุตสาหกรรมจังหวัด ยืนยันตรงกันว่ามีประชาชนเข้าร่วมถึงกว่า 800 คน และเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยจำนวน 70% ชาวบ้านจึงอยากทราบว่าทาง สผ.จะดำเนินการอย่างไรกับบริษัทที่ทำรายงานบิดเบือนข้อเท็จจริง และผลของเวทีในครั้งที่ 2 นี้จะเป็นอย่างไรต่อไป” สมพรกล่าว

สมพร ยังกล่าวอีกว่า เหตุผลที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องออกมาคัดค้านโรงไฟฟ้านี้เป็นเพราะถ่านหินนั้น ไม่มีทางที่จะสะอาด และยังนำมาซึ่งผลกระทบมากมายมหาศาลไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ หรือวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ทำการเกษตรที่มีแหล่งน้ำใช้เพียงแหล่งเดียว อีกทั้งเป็นต้นน้ำของลำน้ำชี หากเกิดมลพิษจะสามารถขยายผลไปได้อีกหลายอำเภอ ยังไม่นับรวมถึงลักษณะของพื้นที่ที่เป็นที่ราบลุ่ม อันจะถูกหมอกควันพิษปกคลุมและยากต่อการเจือจาง

ด้าน ปิยนันท์ โศภนคณาภรณ์ รองเลขาธิการ สผ. ผู้รับมอบหนังสือ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวจะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งหากตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่ามีการรายงานเท็จจริง บริษัทอาจถูกตักเตือนหรือถูกพักใบอนุญาตโครงการ ขึ้นกับระดับความผิดพลาดของกรณีนั้นๆ โดยให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้พิจารณา แต่หากตรวจสอบแล้วไม่พบความผิด โครงการก็จะผ่านไปตามขั้นตอนต่อไป คือพิจารณารายงานผลรับฟังความคิดเห็นควบคู่กับการตรวจสอบความถูกต้องของ รายงานอีไอเอ โดย สผ. และคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ต่อไป

ภายในวันเดียวกัน ทางกลุ่มฯ ยังได้เข้ายื่นหนังสือการคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกับ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้นของ บมจ.อาเซียนโปแตซชัยภูมิ โดยระบุว่า บางจาก เป็นบริษัทที่ดำเนินงานด้วยภาพลักษณ์ที่ดีและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด  ทางกลุ่มฯ จึงมีความศรัทธาและอยากขอให้ทางบริษัทขายหุ้นที่มีอยู่เพื่อไม่เป็นการส่ง เสริมกับพลังงานที่ไม่สะอาด ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ที่ดีที่ทางบริษัทได้ส่งเสริมตลอดมา

ขณะที่ ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้มีมติให้ขายหุ้นของ บมจ.อาเซียนโปแตซชัยภูมิ ที่ถืออยู่ทั้งหมดจำนวน 1,930,500 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 202,702,500 บาท ให้กับบริษัท เอส กรุ๊ป เออีซี (ประเทศไทย) จำกัด ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2558 เนื่องจากไม่ใช่ธุรกิจหลักของบางจาก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net