ปปท.รับเรื่องเผาบ้านกะเหรี่ยงแก่งกระจานแล้ว

เผยพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐแล้ว ด้านอัยการ จ.เพชรบุรี มีคำสั่งฟ้อง 'ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร' ผู้ต้องหาในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน
 
7 ก.พ. 2559 นายสุรพงษ์ กองจันทึก หัวหน้าคณะทำงานช่วยเหลือชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึง กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งนำโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร (หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะนั้น) ได้มีการเผาบ้านเรือน เผายุ้งฉางและทรัพย์สิน ของชาวบ้าน เมื่อปี 2554 จนนำมาสู่การฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ถึงการละเมิดสิทธิ ทำให้ต้องสูญเสียที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน พื้นที่ทำกิน ซึ่งในขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง
 
จนเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2558 นายโคอิ หรือคออี้ มีมิ อายุ 104 ปี ซึ่งเป็นผู้นำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยบนหรือใจแผ่นดิน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานนีตำรวจภูธรแก่งกระจานว่า เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2554 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ซึ่งเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติในขณะนั้น ได้ร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชาจุดไฟเผาหรือร่วมกันจุดไฟเผาบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ยุ้งฉาง และทรัพย์สินจนเสียหายสมเจตนา โดยวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมาที่บ้านพร้อมอาวุธปืน สั่งให้ออกจากบ้าน ซึ่งนายโคอิปฏิเสธและบอกว่าไปไหนไม่ได้ เพราะตามองไม่เห็น แต่เจ้าหน้าที่ก็ดึงลากตัวออกจากบ้านไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำทรัพย์สินมาด้วย มีเพียงเสื้อผ้าชุดเดียวที่สวมใส่เท่านั้น ในวันต่อมาได้ทราบจากลูกหลานว่า เจ้าหน้าที่จุดไฟเผาบ้านเรือน ยุ่งฉาง และทรัพย์สินไปหมดแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ เหตุฉกรรจ์ ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 217 และ 218 มีระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี นายโคอิขอร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกจนถึงที่สุด 
 
ต่อมาพันตำรวจเอกชลิต เกตุศรีเมฆ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน ได้ทำหนังสือถึงนายโคอิ มีมิ และทนายความ แจ้งกรณีที่ปู่โคอิได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า มีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยคำสั่งนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ได้จุดไฟเผาบ้านพร้อมยุ้งฉางและทรัพย์สินของตน ทั้งบังคับให้ตนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ออกจากพื้นที่พนักงานสอบสวน ซึ่งสอบสวนพยานหลักฐานพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษรกับพวก เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด มีโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
 
ทางผู้สื่อข่าวยังได้รับข้อมูลแจ้งมาว่า อัยการจังหวัดเพชรบุรี มีคำสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน มีอาวุธปืน (ซองกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม.) และเครื่องกระสุนปืน ( ลูกกระสุนขนาด 5.56 มม. ) ซึ่งเป็นอาวุธสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย มีเครื่องกระสุนปืน (ขนาด .22)ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ เป็นจำเลยในคดีอาญา 
 
เนื่องจากวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 ทาง สภ.แก่งกระจาน ได้รับหนังสือแจ้งแนวทางการปฎิบัติในการดำเนินคดีกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฏหมาย จากอธิบดีอัยการ ภาค 7 เหตุเกิดที่ ต.สองพี่น้อง อ.แก่งกระจาน หลังจากที่นายทัศน์กมล โอบอ้อม ได้ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2554 เวลาประมาณ 19.00 น. ที่ หมู่ 6 ต.ถ้ำรงค์ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี
 
ในวันที่ 7 ตุลาคม 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายศาล จ.เพชรบุรี เข้าตรวจค้นที่ไร่ชัยราชพฤกษ์ ม.5 บ้านห้วยปลาดุก ต.สองพี่น้อง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งจากการตรวจค้นในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบ ซองบรรจุกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 1 ซอง และกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 80 นัด และกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 12นัด โดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้ยอมรับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 20 ตค. 54 ว่า เป็นเจ้าของซองบรรจุกระสุน และเครื่องกระสุนปืน ทั้งหมด ที่พบภายในไร่ชัยราชพฤกษ์ โดยซองบรรจุกระสุน ได้รับมอบมาจากชุดสายตรวจเฉพาะกิจอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งได้ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบแล้วไปพบซองบรรจุกระสุนที่บริเวณบ้านพุอ้อ ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน ส่วนอาวุธปืน ขนาด 5.56 มม. ได้ยอมรับว่า เมื่อครั้งเดินทางมารับตำแหน่ง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ได้รับมอบ ส่งมอบ สิ่งของทางราชการ จากนายอภิชา อยู่สมบูรณ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยมีเครื่องกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. อยู่ในการส่งมอบในครั้งนั้นด้วย จำนวน 200 นัด และต่อมาได้ทำการแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ไปบ้างแล้ว คงเหลืออยู่ จำนวน 80 นัด ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดได้ ที่ ไร่ชัยราชพฤกษ์
 
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก่งกระจาน ได้ส่งกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 80 นัด ที่ตรวจยึดได้จากไร่ชัยราชพฤกษ์ และนายชัยวัฒน์ ยอมรับว่าเป็นของกรมป่าไม้ที่ได้มีการเบิกจ่ายมา ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2541 ไปให้กับศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ภาค 7 จ.นครปฐม ทำการตรวจสอบ ถึง วัน เดือน ปี ที่ผลิต และผลิตจากโรงงานใด ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ ได้ข้อสรุปออกมาว่า กระสุนปืน ขนาด 5.56. มม. จำนวน 80 นัด นั้น แยกออกมาได้เป็น 2 โรงงานผู้ผลิต คือ CJ (China North Industries Corp) CJ-94 จากประเทศจีน ซึ่งผลิตในปี ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) จำนวน 30 นัด และ ผลิตจากประเทศอินเดีย KF (Kirkee Arsenal,poona-3) KF-08 ซึ่งผลิตในปี ค.ศ.2008 (พ.ศ.2551) จำนวน 50 นัด
 
จากการตรวจพิสูจน์ พบว่าเครื่องกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. ที่ตรวจพบจากไร่ชัยราชพฤกษ์ และนายชัยวัฒน์ ได้กล่าวอ้างว่าเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว ได้ทำการเบิกจ่ายมาจากทางกรมป่าไม้นั้น มีเครื่องกระสุนปืนจำนวน 50 นัด ที่ได้มีการผลิตขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2008 หรือปี พ.ศ.2551 ซึ่งได้ผลิตหลังจากที่นายชัยวัฒน์ อ้างว่าได้เบิกจ่ายมาจากกรมป่าไม้ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2541 พร้อมกันนี้กรมสรรพาวุธ ได้ทำหนังสือยืนยันแจ้งมายัง สภ.แก่งกระจาน ว่ากระสุนปืนจำนวนดังกล่าว ทางกรมสรรพาวุธ ไม่ได้มีการนำเข้ามาแต่อย่างใด ทางกรมสรรพาวุธ ใช้เฉพาะที่ตีตราสัญลักษณ์ RTA (ROYAL THAI ARMY ) เท่านั้น จึงนำมาสุ่การยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี 
 
ศาลจังหวัดเพชรบุรีได้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 288/2559 เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2559 โดยศาลนัดสอบคำให้การจำเลยและนัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท