Skip to main content
sharethis

8 ก.พ.2559 สำนักข่าวไทยและเดลินิวส์รายงานตรงกันว่า ตุลาการศาลปกครองกลางออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่นายน่อแอะ หรือหน่อแอะ มีมิ ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย คดีดังกล่าวผู้ฟ้องคดีเป็นชาวเชื้อสายกะเหรี่ยง อยู่อาศัยที่บ้านบางกลอย หมู่ที่ 1 ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยเมื่อวันที่ 5-9 พฤษภาคม 2554 หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานร่วมกับพนักงานของอุทยานฯ เข้าไปรื้อทำลายบ้านเรือน และจุดไฟเผาบ้านและทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดีและกะเหรี่ยงในชุมชนดังกล่าว ทำให้ผู้ถูกฟ้องคดีได้รับความเสียหานจากการถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพ

ศาลได้พิจารณาในกรณีที่ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้เผาทำลายบ้านของผู้ฟ้องคดี ตามแผนโครงการขยายผลการอพยพ ผลักดัน จับกุม ชุมชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกพื้นที่แนวชายแดนไทย-พม่า อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น ซึ่งจากการไต่สวนพบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในป่าลึกและมีการบุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อเปิดป่าดงดิบ ไม่ใช่ที่ดินทำกินในอุทยานที่มีการจัดสรรให้ทำกิน จึงถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 16 ของพ.ร.บ.อุทยาน และเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจา ได้จัดล่ามและชาวกระเหรี่ยงในพื้นที่ร่วมเจรจา รวมทั้งกำหนดเวลาให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง จึงไม่ถือเป็นการละเมิด แต่เป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมายในกรณีผู้บุกรุกพื้นที่ป่า ไม่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
 
ทั้งนี้ ศาลเห็นว่าผู้ฟ้องไม่สามารถอ้างมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 ส.ค. 2553 ได้ เพราะมติดังกล่าวจะคุ้มครองเฉพาะชาวกะเหรี่ยงในชุมชนดั้งเดิม ไม่รวมการบุกรุกแผ้วถางป่าในเขตอุทยาน ในลักษณะการเปิดป่าใหม่ ไม่ใช่พื้นที่ที่ทางราชการจัดสรร หรือยกเว้นให้ ส่วนกรณีการเรียกค่าเสียหาย ศาลได้วินิจฉัยและกำหนดให้ผู้ถูกฟ้องจ่ายค่าสินไหม 5,000 บาท ค่าเครื่องใช้ 5,000 บาท รวม 10,000 บาท ให้แก้ผู้ฟ้องคดีภายใน 30 วัน นับแต่วันคดีสิ้นสุด ส่วนคำขออื่นให้ยกฟ้อง
 
นายธนู เอกโชติ ทนายความของผู้ฟ้องคดี กล่าวว่า ต้องหารือกับคณะทำงานว่าจะอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่ ซึ่งทีมทนายของสภาทนายความยังเห็นแย้งในกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะกรณีเรื่องพื้นที่พิพาทที่ศาลเห็นว่าเป็นพื้นที่บุกรุกใหม่ ซึ่งในส่วนของทีมทนายเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เดิมที่ชาวกะเหรี่ยงได้อยู่อาศัย และนายน่อแอะไม่ได้รับการจัดสรรที่ดินใหม่ รวมทั้งกรณีค่าเสียหายซึ่งจากเดิมได้ฟ้องจำนวนกว่า 1,000,000 บาท ที่ในจำนวนนี้เป็นเรื่องของวิถีชีวิต ทรัพย์สิน บ้าน และการละเมิดสิทธิความเป็นคน
 
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานฯ กล่าวว่า คำพิพากษาที่ออกมาจะเห็นว่านายน่อแอะมีที่ทำกินชัดเจน ที่กล่าวหาเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นการกล่าวอ้างที่ผู้ฟ้องคดีไม่เคยเห็นพื้นที่จริง  ซึ่งที่ผ่านมาเราถูกกล่าวหาและในวันนี้ทำให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติโดยชอบตามกฎหมาย มีการเจรจาและไม่มีพื้นที่เดิมที่อาศัยในป่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าสินไหมที่ศาลสั่งให้จ่ายแก่ผู้ฟ้องคดี ทางผู้ถูกฟ้องจะขอใช้สิทธิ์ในการอุทธรณ์การจ่ายค่าสินไหมดังกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net