Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis



อยากพูดเรื่องความขัดแย้งทางศาสนาในบ้านเราช่วงนี้สักเล็กน้อยครับ คิดว่าที่พูดออกไปนี้อาจพอมีประโยชน์ หากไม่มีก็ปล่อยให้มันหายไปเหมือนคลื่นความโน้มถ่วงก็แล้วกันนะครับ

เนื่องจากผมรู้จักคณะบุคคลที่อยู่สองฟากของความขัดแย้งเป็นส่วนตัว เวลาจะมองเรื่องนี้ สิ่งที่รบกวนผมมากที่สุดคือการรู้จักกันเป็นส่วนตัว การรู้จักกันเป็นส่วนทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกแรง เช่นคราวหนึ่งผมขับรถเข้าจุฬา มีคันหนึ่งจี้ท้ายเปิดไปสูงช่วงผมจะเลี้ยวเข้าประตู เข้ามาแล้วก็ยังเปิดไฟไล่ นึกโมโหว่ามันจะอะไรนักหนา พอเข้าที่จอด คนที่เปิดไฟไล่ก็เดินยิ้มแฉ่งลงมา เป็นเพื่อนรักกัน เขาเปิดไฟไล่เพื่อหยอกล้อ พอรู้ว่าเป็นใคร ที่โมโหเมื่อสักครู่ก็หายไปหมดเลย ผมรู้จักตัวละครสองฟากแบบนี้แหละครับ เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรมาก

แต่นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ปัญหาในโลกนี้มาจากเราไม่รู้จักกัน การแก้ปัญหาของโลกจึงต้องแก้บนสมมติฐานว่าเราไม่รู้จักกัน ผมจะเขียนเรื่องนี้อย่างติต่างว่าผมไม่รู้จักใครเลย เอาอย่างนั้นนะครับ

ขอรวบรัดมาที่ปมปัญหาแรกสุด เรื่องมีว่า มีชาวพุทธจำนวนหนึ่งเห็นว่าสมเด็จวัดปากน้ำที่รักษาการณ์ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเวลานี้ไม่เหมาะสมจะได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช เหตุผลคือ (1) มีเรื่องส่วนตัวของท่านบางอย่างที่ยังต้องสะสางให้สาธารณชนเห็นดำเห็นแดงก่อนว่าเป็นอย่างไร (2) มีเรื่องส่วนรวมคือท่านมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับวัดพระธรรมกาย เรื่องแรกนั้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายบ้านเมืองก็กำลังอยู่ในกระบวนการ คงได้ผลออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนเรื่องส่วนตัวท่านที่ไม่เกี่ยวกับกฎหมายบ้านเมือง อาจไม่ได้ผลสรุปอะไร เรื่องที่สองผมคิดว่าชัดว่าท่านมีความสัมพันธ์กับวัดพระธรรมกาย เพราะวัดปากน้ำเป็นต้นกำเนิดคำสอนเรื่องธรรมกาย ท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายรูปปัจจุบันก็เป็นศิษย์วัดปากน้ำ

ข้อเป็นห่วงว่าหากท่านได้เป็นพระสังฆราช ท่านจะอุ้มชูวัดพระธรรมกาย ผมเข้าใจ แต่ไม่ทราบจะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์นี้ได้อย่างไร เพราะต่อให้เอารูปอื่นขึ้นมา ผมก็ไม่คิดว่าท่านจะไม่อุปถัมภ์วัดพระธรรมกาย หากเป็นห่วงเรื่องวัดพระธรรมกาย ผมเสนอว่าให้ตัดเรื่องนี้ออกมาคิดต่างหาก อย่าเอาไปปนกับเรื่องตำแหน่งพระสังฆราชเลยครับ เพราะไม่ช่วยแก้ปัญหา

สรุปคือ มีเรื่องเดียวที่เป็นสาระคือกรณีที่สมเด็จวัดปากน้ำท่านเกี่ยวข้องกับเรื่องบางเรื่องที่กฎหมายบ้านเมืองกำลังตรวจสอบอยู่ ผลในอนาคตเป็นอย่างไรก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ เมื่อผลนี้ออก ผมคิดว่าเราจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในเรื่องอื่นๆครับ ก็รอกันหน่อย ผมก็จะรอดู โดยไม่เชียร์ใครนะครับ

เรื่องวัดพระธรรมกายเป็นเรื่องเก่ากว่าเรื่องสมเด็จพระสังฆราช ที่เรื่องนี้ไม่จบเพราะมาเกี่ยวกับเรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชในช่วงนี้ และที่สำคัญปัญหาเรื้อรังเรื่องนี้มาจาก "การเมือง" ในวงการสงฆ์ระดับสูงเอง การเมืองนี้ผมใช้ในความหมายกลางๆทางวิชาการนะครับ ใครที่สนใจประวัติศาสตร์สงฆ์ไทยจะทราบว่าตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชและมหาเถรสมาคมนั้นไม่ใช่ตำแหน่งที่ได้มาและทำงานอย่างบริสุทธิ์สะอาด การได้มาซึ่งสมเด็จพระสังฆราชที่ผ่านๆมาเป็นเรื่องการเมืองไม่ต่างจากการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดี อันนี้เราต้องรับและมองเป็นกลางๆว่ามนุษย์เราเป็นอย่างนี้เอง การฆ่าตัวตายของอดีตกรรมการมหาเถรสมาคมรูปหนึ่งเมื่อไม่นานนี้ก็บอกเราได้ไม่ใช่หรือครับว่าต้องมีอะไรเป็นการเมืองในวงการสงฆ์ระดับสูงแน่เลย ผมเล่าเรื่องนี้เพื่อให้เข้าใจว่า การเมืองในวงการสงฆ์ทำให้ปัญหาวัดพระธรรมกายไม่ได้รับการสะสาง และผมเชื่อว่า เนื่องจากการเมืองของสงฆ์นี้จะมีต่อไปอีกตราบนานเท่านาน ปัญหาวัดพระธรรมกายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของมหาเถรสมาคมก็คงไม่ได้รับการสะสางเช่นเดิม

ที่พูดนี้ไม่อยากให้เสียกำลังใจนะครับ แต่ต้องการบอกว่าข้อเท็จจริงของโลกมันเป็นอย่างนั้น กรณีวัดพระธรรมกายก็เหมือนเรื่องสมเด็จวัดปากน้ำข้างต้นคือ สิ่งที่จะปรากฏผลได้มีเพียงเรื่องที่อยู่ในอำนาจของกฎหมายบ้านเมืองที่จะตรวจสอบเท่านั้น เวลานี้เขาก็กำลังตรวจสอบอยู่ เราคงต้องรอกันต่อไป ผลต้องออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ผลนั้นแหละครับจะชี้ทางว่าเรื่องนี้จะเดินไปที่ไหนอย่างไรต่อไป

ในระหว่างที่รอสองเรื่องนี้อยู่ ผมคิดว่าเราชาวพุทธก็ยังสามารถใช้ชีวิตที่เป็นปกติสุขได้ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของพระพุทธเจ้านะครับ ไม่ใช่ของพระสังฆราชหรือของเจ้าอาวาสวัดใดวัดหนึ่ง ส่วนตัวผมก็ยังทำงานทางวิชาการกับวัดพระธรรมกายอยู่เหมือนเดิม นี่ก็กำลังอ่านบทความทางวิชาการที่ท่านพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒท่านส่งมาให้อ่านอยู่จำนวนหนึ่ง ท่านเป็นบรรณาธิการวารสาร ท่านขอให้ผมช่วยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิอ่านกลั่นกรอง ผมกับท่านสนิทสนมรักใคร่นับถือกัน แต่ผมก็แยกได้ว่าหากวัดพระธรรมกายมีปัญหาที่เข้าข่ายกฎหมายรัฐต้องตรวจสอบ เราก็ต้องรับ บ้านเมืองเดินด้วยกฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย สันติสุขขั้นต่ำเกิดได้ด้วยกฎหมายครับ

การชุมนุมที่พุทธมณฑลวันสองวันที่ผ่านมาผมก็เข้าใจ เห็นใจ ท่านพระเมธีธรรมาจารย์ที่นำการชุมนุมกับผมก็รู้จักสนิทสนมกัน พระสายหลักของบ้านเรา (ยกเว้นวัดพระธรรมกาย สันติอโศก และท่านพุทธะอิสระ) นั้นเป็นคนชนบท รักคุณทักษิณ และเป็นเสื้อแดง (ชาวธรรมกายที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ก็รักคุณทักษิณและสีแดง แม้จะเป็นคนชั้นกลางในเมือง) พูดกันตรงๆอย่างนั้นเลยนะครับ แต่ที่พูดนี้ผมพูดอย่างเป็นข้อมูลเพื่อประกอบการคิดแก้ปัญหา เมื่อท่านเป็นแดง อะไรที่เหลืองท่านก็ไม่ชอบ การเคลื่อนไหวของท่านพุทธะอิสระก็ดี ของคุณไพบูลย์ นิติตะวันก็ดี ในสายตาของพระสีแดงท่านมองว่าเป็นเรื่องของพวกสีเหลือง เลยกลายเป็นว่าปัญหาการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชก็ดีปัญหาท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ดีถูกมองเป็นปัญหาเรื่องสีไป ก็ไม่เป็นไรครับ จะมองอย่างนั้นก็ได้

และจริงๆผมคิดว่าสองฝ่ายที่เห็นต่างกันเรื่องนี้ก็เอาเรื่องสีมาปนจริงๆ คนที่อยู่ข้างสีเหลืองก็จะคอยจับจ้องหาจุดเล็กๆน้อยๆที่จะโจมตีได้เหมือนที่เคยทำกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง เช่นถูกจ้างมาไหม ก่อความรุนแรงไหม ปลอมบวชหรือเปล่า ผมคงไม่เข้าไปในรายละเอียด แต่จุดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้บางส่วนผมรู้ว่าเท็จ การโกนผมแบบนั้น การมีหนวดแบบนั้น ที่ปรากฏในภาพถ่ายของพระบางรูปคนที่เคยบวชอย่างผมรู้ดีครับ คนเสื้อเหลืองที่เป็นชาวเมืองอาจไม่คุ้นเคย เมื่อไม่คุ้นเคยก็จินตนาการไปตามแรงชักนำลึกๆในใจว่าม็อบพระคราวนี้ก็คงเหมือนม็อบเสื้อแดงที่ผ่านมาคืออนารยะและรุนแรง

ผมคิดว่าความรู้สึกของคนสองสีนี้คงอยู่อย่างนั้น และตัวผมก็เคารพ ไม่ว่ากัน มนุษย์เป็นอย่างนี้เอง ผมมีข้อเสนอในทางปฏิบัติเพื่อให้เราทุกข้างทุกฝ่ายประหยัดเวลาและแรงงานให้เอาไปใช้กับการพัฒนาชีวิตพัฒนาชาติ มากกว่าการมาฮึ่มฮ่ำใส่กันคือ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าออกมาตามท้องถนนเลยครับ ก่อนโน้นสันติอโศกกำลังระดมคนออกมา ผมไปพูดที่โทรทัศน์สันติอโศกก็แนะท่านว่าอย่าออกมาเลยครับ (เขาจะออกพรุ่งนี้ ผมก็ไปพูดวันนี้ ชาวอโศกท่านรักผม ผมจึงกล้าพูด) มีอะไรที่อยู่ในอำนาจของกฎหมายบ้านเมืองก็ดำเนินการกันไป อะไรที่อยู่นอกก็ต้องทำใจว่าสงฆ์ท่านก็จะว่ากันไป หากเป็นเรื่องสงฆ์ล้วนๆ อันนี้ง่ายครับ คนเขาก็ประท้วงมหาเถรสมาคมอย่างเดียว รัฐบาลก็ไม่ต้องยุ่ง หรือหากคนเขาตีความว่ามหาเถรสมาคมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ คราวนี้กระบวนการก็เข้าสู่กฎหมาย ก็ง่ายอีก ทำอะไรง่ายๆกันดีกว่านะครับ ได้ผลยั่งยืนกว่าด้วย และอย่าลืมว่า ความรักพระพุทธศาสนาในระดับสูงนั้นสำหรับผมควรแสดงออกในทางการศึกษาพุทธธรรมแล้วเอามาใช้กับตน กับครอบครัว กับมิตรสหาย มีเมตตาต่อกัน และมีอารมณ์ขันบ้างนะครับ เช่น คุยกันเล่นๆว่า "ทหารมีไว้ทำไม" เพื่อนอาจบอกว่า "มีไว้ให้พระล็อคคอ" เพื่อนอาจถามต่อว่า "พระมีไว้ทำไม" เราก็จะตอบว่า "มีไว้ล็อคคอทหารไง" เห็นไหมครับ อารมณ์ขันมีประโยชน์จะตาย ผมเห็นหลวงพี่ในท่าล็อคคอทหารผมจึงเฉยๆ พระบ้านนอกท่านทำอะไรมากกว่านี้ ชาวบ้านแถวโน้นเขาไม่ถือ ท่านเพิ่งมาจากชนบท ก็เลยเกิดสิ่งที่ฝรั่งเรียก cultural shock คือปรับตัวไม่ทัน อย่าถือเป็นเรื่องสำคัญเลยครับ ดูโครงสร้างเรื่องหลักๆดีกว่าจะได้สบายใจและอาจเห็นทางออก


เผยแพร่ครั้งแรกใน: เฟซบุ๊ก สมภาร พรมทา
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net