Skip to main content
sharethis

 

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา เดลินิวส์ รายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)รับทราบผลการรายงานขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว(องค์การมหาชน) เสนอผลการศึกษาโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จ.เลย  ว่า จากผลการศึกษาพบว่าสามารถทำได้โดยไม่กระทบป่า แม้พื้นที่ดังกล่าวเป็นลุ่มน้ำชั้นหนึ่ง เพราะเป็นการใช้วิธีปักต้นเสาหลัก 7 ต้น ด้วยการขุดดินแล้วใช้เฮลิคอปเตอร์หย่อนเสาลงไป ซึ่งจะเสียต้นไม้ประมาณ 1 ไร่ โดยเราจะมีการปลูกทดแทนส่วนที่เสียไป แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้ตามมานั้นถือว่าคุ้มค่า จากนี้หลังจากที่ ครม.รับทราบผลศึกษาดังกล่าวแล้ว จะต้องมีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ตามขั้นตอน หากผ่านอีไอเอก็สามารถดำเนินการได้เลย คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี ทั้งนี้ยืนยันว่างบประมาณที่ใช้ดำเนินการประมาณ 633 ล้านบาทนั้น ถือว่าคุ้มค่า ทุกคนในที่ประชุมเห็นชอบเรื่องนี้หมด มีเพียงเอ็นจีโอองค์กรเดียวที่ไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่เคยเข้าร่วมประชุมเลย

ศศินห่วงกระเช้าไฟฟ้าทำลายเฟิร์น-มอส-ภูกระดึง ชี้นักท่องเที่ยวพร้อมเดินศึกษาธรรมชาติตลอดสองข้างทาง

ด้าน Nation TV รายงานด้วยว่า นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิ สืบ นาคะเสถียร บอกถึงการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึงว่า มองเห็นแต่ปัญหา แม้ว่าตัวกระเช้าไฟฟ้าไม่ได้เป็นตัวที่ทำลายสภาพแวดล้อม มีข้อดี คือ ทำให้คนขึ้นไปด้านบนได้ง่าย และสามารถนำคนบาดเจ็บลงมาได้ง่ายขึ้นด้วย รวมทั้งจะช่วยในเรื่องการนำขยะจากด้านบนลงได้ด้วย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงและต้องดูในรายละเอียดคือ กิจกรรมหรือบริการเสริมที่จะตามมาหลังจากมีการสร้างกระเช้าไฟฟ้าแล้ว เนื่องจากสถานีจะอยู่ห่างจากจุดท่องเที่ยวสำคัญ ดังนั้น อาจจะมีบริการรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นการทำลายเฟิร์น หรือมอส ที่ขึ้นบนพื้นดินในช่วงหน้าฝนได้ นอกจากนี้ ต้องดูระยะยาวด้วยว่าจะมีการจัดการนักท่องเที่ยวอย่างไร โดยเฉพาะในเรื่องเทศกาล ว่าจะสามารถจำกัดนักท่องเที่ยวได้จริงหรือไม่ เพราะอาจเกิดปัญหาเรื่องการรอคิวใช้กระเช้าด้วย
 
นายศศิน บอกอีกว่า ทุกวันนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภูกระดึงเป็นนักท่องเที่ยวที่พร้อมจะเดินศึกษาธรรมชาติตลอดสองข้างทางของเส้นทางเดินขึ้นรวมถึงธรรมชาติที่สวยงามด้านบนด้วย ซึ่งทางเดินขึ้นภูกระดึงถือว่าเป็นทางเดินขึ้นเขาเพื่อศึกษาธรรมชาติที่ดีที่สุดในประเทศไทย ดังนั้นคุณค่าของภูกระดึง คือเป็นทั้งโรงเรียนและแรงบันดาลใจให้คนรักธรรมชาติมานานกว่า 50 ปี และหากมีกระเช้าไฟฟ้าจริง คนจะหันไปนั่งกระเช้าแทนการเดินขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
 
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ค้านกระเช้าลอยฟ้าขึ้นภูกระดึง จ่อฟ้องศาลปกครอง
 
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์ คัดค้านกระเช้าลอยฟ้าขึ้นภูกระดึงอย่าเห็นแก่เงินจนลืมพื้นที่อัตลักษณ์ของชาติ โดยระบุว่า สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ขอคัดค้านผลการศึกษาและนโยบาย โครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง ซึ่งเสนอโดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)(อพท.) เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มีแต่ผลงานหรือโครงการที่เป็นเลิศในการสร้างปัญหาให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการทวงคืนผืนป่า ที่ไปเลือกตัดเฉพาะตนยางพาราของคนยากจน โครงการพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษที่เอาผืนป่าและที่ดินชาวบ้านไปให้นักลงทุน การยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองเพื่อเอื้ออุตสาหกรรม เป็นต้น
 
แถลงการณ์สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ระบุต่อว่า โครงการกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึงก็เป็นอีกโครงการที่นำไปสู่การทำลายพื้นที่ป่าอนุรักษ์และแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของชาติให้ย่อยยับไปกับโครงการที่เปรียบเสมือนบ่อนทำลายแหล่งท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยีกระเช้าไฟฟ้า ทั้งนี้เพราะอุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีสภาพพื้นที่ป่าที่มีความหลากหลายในพื้นที่แห่งเดียวกันมากที่สุดทั้งป่าสนเขา ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง มีจำนวนชนิดของสัตว์ป่าที่หลากหลายตามไปด้วย ซึ่งหากดำเนินโครงการเช่นนี้ ก็จะเป็นเหตุต่อเนื่องที่จะกระทบต่อธรรมชาติมากที่สุดไปด้วย ดังนั้นหน้าที่หลักของอุทยานแห่งชาติคือการอนุรักษ์ธรรมชาติให้คงอยู่ในสภาพเดิม โดยการใช้ประโยชน์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวนั้นเป็นหน้าที่รองลงมา หาใช่จะนำพื้นที่ป่าไปแสวงหาผลประโยชน์เล็กน้อย แต่ความสูญเสียจะมหาศาลตามมาได้
 
ทั้งนี้รัฐบาลหรือ อพท. ต้องตอบคำถามของประชาชนให้ได้ว่า ณ วันนี้ความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของภูกระดึง (Carrying Capacity) เพียงพอแล้วหรือยังที่จะเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวไปภูกระดึงประมาณปีละ กว่า 62,000 คนแล้ว โดยเฉพาะในช่วงเสาร์อาทิตย์ (ประมาณ 1,000 คน) และช่วงหยุดยาว (ประมาณ 3-5,000 คน) ถ้ามีกระเช้าจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปมากถึงประมาณ 250,000-300,000 คนต่อปี ธรรมชาติบนภูกระดึงจะรองรับได้มากน้อยแค่ไหน แค่ถ้านักท่องเที่ยวจะอุจจาระ-ปัสสาวะพร้อมกัน จะมีสิ่งสาธารณูปการรองรับได้อย่างไร ถ้าไม่มีการก่อสร้างเพิ่ม
 
ประการที่สอง แหล่งท่องเที่ยวทั่วโลกที่ใช้กระเช้าส่วนใหญ่จะให้คนขึ้นไปได้จัดให้อยู่ในพื้นที่เฉพาะที่กำหนดไว้เท่านั้น ไม่ได้ปล่อยให้ออกไปเดินข้างนอกหรือค้างคืนเหมือนในกรณีของภูกระดึง ซึ่งมีข้อสงสัยว่า จากจุดท่องเที่ยวต่างๆบนภูกระดึงนั้นค่อนข้างอยู่ห่างไกลกันมาก เช่น ผาหล่มสักนั้นมีระยะทาง 9 กม.จากที่ทำการฯ ผู้สูงอายุที่ขึ้นไปถึงยอดด้วยกระเช้าแล้ว ก็ไม่สามารถเดินไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆได้อยู่ดี เป็นไปได้หรือไม่อาจจะมีการเรียกร้องให้เพิ่มโครงการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นในอนาคต และอาจเรียกร้องให้มีรถรับส่งตามจุดท่องเที่ยว มีร้านค้า ห้องน้ำ ฯลฯ เพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศบนยอดภูกระดึง สิ่งเหล่านี้เป็นโครงการที่มีการแอบพรางไว้ก่อน เพื่อไม่ให้สังคมได้รับรู้ ไม่ปรากฏในรายงานการศึกษาหรือแผนงาน เพื่อให้โครงการกระเช้าก่อสร้างให้เสร็จเสียก่อน แล้วโครงการที่แอบพรางไว้ค่อย ๆ โผล่มาเองโดยอ้างความจำเป็น ใช่หรือไม่
 
ประการสุดท้าย ประเทศไทยยากจนข้นแค้นเงินทองเสียจนต้องยอมเอาพื้นที่อนุรักษ์ที่เหลือน้อยลงทุกที ทุกพื้นที่ออกมาเปิดพื้นที่ให้เอกชนแสวงหาผลประโยชน์ โดยแสร้งว่ารัฐไม่มีเงินลงทุน แล้วเปิดโอกาสให้เอกชนหรือกลุ่มทุนมาลงทุนตักตวงผลประโยชน์แทนแล้ว อย่างนั้นหรือ
 
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ใคร่ขอส่งคำถามเหล่านี้ไปยังรัฐบาล และ อพท. ให้ตอบคำถามให้สาธารณชนได้รับรู้ร่วมกัน หากตอบไม่ได้ได้โปรดนำโครงการฯและรายงานผลการศึกษานี้โยนใส่ถังขยะไปเสีย แล้วหันกลับมาร่วมมือกับภาคประชาชนเก็บและเพิ่มพื้นที่อนุรักษ์ไว้ให้อนุชนของชาติได้มีพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริงต่อไป และหากรัฐบาล และ อพท. ไม่สนใจหรือทบทวนโครงการฯดังกล่าว สมาคมฯก็พร้อมที่จะร่วมมือกับชาวบ้านและนักอนุรักษ์ทั่วประเทศนำความขึ้นฟ้องร้องต่อศาลปกครองต่อไป แน่นอน
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net