ผู้เชี่ยวชาญในยุโรปที่ศึกษาเรื่องการก่อการร้ายชี้ ผู้นำชาติตะวันตกและหน่วยงานความมั่นคงพุ่งความสนใจไปที่การก่อการร้ายจากกลุ่มหัวรุนแรงศาสนาอิสลาม แต่กลับละเลยการก่อการร้ายจากกลุ่มขวาจัด ซึ่งในบางกรณีสร้างความเสียหายต่อชีวิตของผู้คนมากกว่า

1 มี.ค. 2559 จากรายงานที่ศึกษาเกี่ยวกับการก่อเหตุด้วยตัวเองแบบไม่มีผู้บงการ (lone actors) โดยสถาบันรอยัลยูไนเต็ตเซอร์วิส ร่วมกับ ชัตทัมเฮาส์, สถาบันเพื่อการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ และมหาวิทยาลัยไลเดน เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรจากหลายประเทศในยุโรป พวกเขาศึกษาจากฐานข้อมูลในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาพบว่าจากกรณีการก่อเหตุ 98 กรณีโดยผู้ก่อเหตุ 124 คนใน 31 ประเทศของยุโรป มีร้อยละ 38 ที่เป็นการก่อเหตุโดยมีแรงจูงใจจากศาสนา ร้อยละ 33 เป็นการก่อเหตุจากกลุ่มขวาจัดหัวรุนแรง

ทางทีมงานผู้เขียนรายงานฉบับนี้ระบุว่า พวกเขารู้สึกแปลกใจที่มีการก่อเหตุจากกลุ่มขวาจัดมากเกินคาด จากที่มักจะมีแต่การเน้นความสนใจไปที่กลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนาอิสลามแต่อย่างเดียวเวลากล่าวถึงกรณีการก่อการร้าย แต่จำนวนผู้ก่อเหตุที่เป็นกลุ่มหัวรุนแรงขวาจัดนั้นก็ถือเป็นสถิติที่มีนัยสำคัญและมีจำนวนแทบจะเทียบเท่ากับการก่อเหตุที่มีแรงจูงใจทางศาสนา

รายงานฉบับนี้ยังระบุอีกว่าการก่อเหตุจากกลุ่มขวาจัดที่มักจะก่อเหตุคนเดียวหรือกระทำเป็นกลุ่มเล็กๆ ในบางกรณี เช่น กรณีของ แอนเดอร์ส เบรวิก ผู้ก่อเหตุวางระเบิดอาคารของรัฐและกราดยิงคนในค่ายเยาวชนจนมีผู้เสียชีวิต 77 คน ถือว่าเป็นอันตรายมากกว่าและสามารถตรวจพบโดยหน่วยงานความมั่นคงได้ยากกว่าการก่อเหตุจากกลุ่มอื่นๆ

จากการพิจารณาทางสถิติยังเผยให้เห็นอีกว่าเหตุโจมตีที่มีแรงจูงใจทางศาสนาทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนร้อยละ 8 ในขณะที่การก่อเหตุจากกลุ่มขวาจัดทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมเกือบครึ่งหนึ่งของกรณีทั้งหมด อย่างไรก็ตามจากการโจมตีโดยกลุ่มขวาจัดทั้งหมดมีมากกว่า 3 ใน 4 ส่วนที่ไม่ทำให้เกิดการเสียชีวิตและร้อยละ 58 ไม่ทำให้มีผู้บาดเจ็บเลย

นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาข้อมูลพบว่าการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มขวาจัดมักจะมีแรงจูงใจจากเรื่องนโยบายผู้อพยพ ความต้องการปลุกเร้าลัทธิชาตินิยม และความต้องการ "ปกป้องประเทศ" จากสิ่งที่เรียกว่า "การทำให้เป็นอิสลาม" โดยมีการก่อเหตุต่างๆ อย่างการเผาศาสนสถานของอิสลาม และมักจะมีเป้าหมายเป็นพลเรือนอย่างเช่นชนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติและศาสนา รวมถึงกลุ่มผู้อพยพหรือผู้ลี้ภัย นอกจากนี้ยังมีการสำรวจเปรียบเทียบพบว่าผู้ก่อเหตุกลุ่มขวาจัดมักจะเป็นกลุ่มที่อายุมากกว่าคือโดยเฉลี่ย 40 ปี ขณะที่ผู้ก่อเหตุหัวรุนแรงทางศาสนามักจะมีอายุน้อยกว่า 25 ปี

เรียบเรียงจาก

Focus on Islamist terror plots overlooks threat from far right – report, The Guardian, 29-02-2016
http://www.theguardian.com/uk-news/2016/feb/29/focus-on-islamist-terror-plots-overlooks-threat-from-far-right-report