สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 26 ก.พ.-2 มี.ค. 2559

 
กต.ยัน มะกันแบนสินค้าใช้แรงงานทาส ไม่กระทบไทย
 
เมื่อวันที่ 25 ก.พ.59 นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามอนุมัติกฎหมายด้านศุลกากรที่ได้รับการแก้ไขใหม่ โดยมาตราที่มีการเพิ่มเติมเข้ามาอย่างเฉพาะเจาะจง รวมถึงการห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ผลิตโดยแรงงานทาสและแรงงานเด็ก ว่า การออกกฎหมายดังกล่าวเป็นไปตามหลักการบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา และไม่มีข้อความใดในกฎหมายฉบับนี้ที่เกี่ยวกับประเทศไทยเป็นการเฉพาะ อีกทั้งจะไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ กับสินค้าของไทย
 
เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวจะทำให้ไทยต้องเพิ่มความเข้มงวด ในการปราบปรามการใช้แรงงานเด็กและแรงงานทาสหรือไม่ นายเสข กล่าวว่า รัฐบาลไทยดำเนินการแก้ปัญหาแรงงานเด็กและแรงงานทาสอยู่แล้ว และทำอย่างต่อเนื่อง
 
 
จับตาใกล้ชิดลูกจ้างโรงงานปลากระป๋องนัดหยุดงาน
 
พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้รับรายงานว่ามีพนักงานจำนวนหนึ่งของบริษัท Golden Prize Canning ซึ่งเป็นโรงงานผลิตปลากระป๋องส่งออก ตั้งอยู่ที่มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร นัดหยุดงานเพื่อเรียกร้องเรื่องค่าจ้างแรงงานและสวัสดิการในการทำงาน โดยโรงงานแห่งนี้มีแรงงานประมาณ 1,700 คน มีทั้งแรงงานชาวไทย และแรงงานต่างด้าว ที่เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากประเทศเมียนมาร์
 
"รัฐบาลได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และ ศปมผ. เข้าไปแก้ไขปัญหาร่วมกับ เครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ ตัวแทนนายจ้าง และผู้แทนสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เพื่อให้ปัญหายุติโดยเร็วที่สุด รวมทั้งรับคำร้องจากลูกจ้างจำนวน 213 คน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าเป็นข้อขัดแย้งระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง เรื่องค่าจ้างและสวัสดิการซึ่งเกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่กรณีนี้อาจอ่อนไหวเป็นพิเศษ เนื่องจากมีแรงงานต่างด้าวร่วมอยู่ด้วย พร้อมกันนี้ ยังได้รับรายงานว่า มีกลุ่ม NGO บางกลุ่มกำลังเคลื่อนไหวในพื้นที่ เพื่อพยายามสร้างกระแสให้เรื่องร้ายแรงเกินเลยกว่าความเป็นจริงโดยอาศัยจังหวะที่ผู้ร่วมนัดหยุดงานอาจจะมีแรงงานต่างด้าวด้วย แล้วบิดเบือนให้สังคมโลกเข้าใจประเทศไทยผิดๆ ผ่านสื่อต่างประเทศ จึงอยากฝากเตือนไปยังกลุ่มเหล่านี้ว่าขอให้ยุติการกระทำเสีย โดยหากมีความต้องการช่วยเหลือแรงงานอย่างแท้จริง ควรให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหาและสร้างทางออกร่วมกัน "
 
พลตรีสรรเสริญ กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีนโยบายและจุดยืนชัดเจนว่าแรงงานทุกคนบนแผ่นดินไทยไม่ว่าเชื้อชาติใดก็ต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานที่มีอยู่ ขณะเดียวกันหากทุกอย่างดำเนินไปตามระเบียบกฎหมายแล้ว แต่ลูกจ้างยังไม่พอใจค่าจ้างแรงงานหรือสวัสดิการที่ได้รับ ย่อมเป็นสิทธิโดยอิสระที่จะลาออก ย้ายงาน และนายจ้างจะกีดกันหรือเหนี่ยวรั้งไม่ได้
 
 
เตือนแรงงานไทยระวังถูกหลอกไปค้ากามเกาหลี
 
กรมการจัดหางาน เตือนคนหางานไทยที่หวังจะไปขุดทองที่เกาหลีใต้ โดยเฉพาะหญิงไทยระวังถูกนายหน้าหลอกไปทำงานร้านนวด เนื่องจากเป็นอาชีพสงวนให้คนพิการทางสายตาชาวเกาหลีเท่านั้น หลายรายถูกบังคับให้ค้าประเวณี และถูกแบล็คลิสต์ห้ามเข้าประเทศ
 
หลังจากที่มีคนหางานทั้งชายและหญิงจำนวนมากในจังหวัดอุดรธานี แห่กันไปสมัครทดสอบความสามารถภาษาเกาหลี ประเภทกิจการอุตสาหกรรม อันเนื่องมาจากสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เพื่อหวังเดินทางไปทำงานยังประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้ โดยคาดว่าจะมีผู้สนใจกว่า 6,000 ราย ได้ค่าแรงงานเดือนละ 35,000บาท ไม่รวมค่าล่วงเวลา
 
ล่าสุด นายอารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้ออกมาเตือนหญิงไทยอย่าหลงเชื่อบุคคล หรือบริษัทจัดหางานเถื่อน ที่ใช้เว็บไซต์หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ ชักชวนให้ลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศเกาหลี โดยแอบแฝงไปในกลุ่มของนักท่องเที่ยว เพราะอาจถูกจับ หรือถูกบังคับให้ค้าประเวณี
 
โดยที่ผ่านมา ตำรวจเกาหลีใต้จับกุมตัวนายหน้าที่พาหญิงไทยไปค้าประเวณี เข้าประเทศในลักษณะนักท่องเที่ยว ใช้ร้านนวดแผนโบราณบังหน้า มีหญิงไทยหลายรายถูกจับและถูกส่งกลับประเทศ บางรายเมื่ออยู่จนครบกำหนดแล้วก็จะลักลอบอยู่ต่ออย่างผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีหลายรายได้รับค่าจ้างต่ำกว่าที่นายหน้ากล่าวอ้าง ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกบังคับให้ค้าประเวณี เมื่อถูกจับได้ต้องถูกปรับเงิน และถูกทางการเกาหลีขึ้นบัญชีห้ามเข้าประเทศ เสียโอกาสในการเดินทางไปทำงานในเกาหลีใต้อีก
 
นอกจากนี้ อาชีพนวดยังเป็นอาชีพที่ทางการเกาหลีสงวนไว้ให้เฉพาะกับผู้พิการทางสายตาชาวเกาหลี ที่ผ่านการอบรมแล้วเท่านั้น จึงอย่าหลงเชื่อผู้มาชักชวนไปทำงานนวดเป็นอันขาด
 
ทั้งนี้ อธิบดีกรมการจัดหางาน แนะนำว่า การไปทำงานในประเทศเกาหลีที่ถูกกฎหมาย ต้องไปโดยวิธีที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เป็นผู้จัดส่งตามระบบการจ้างแรงงาน ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือ สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694
 
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวโทษ NGO เสี้ยมแรงงานต่างด้าว กระพือโวยค่าแรง - ชี้เรื่องเกิดหลัง “ค่าแรง 300” ยุค “ปู”
 
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้รับรายงานว่ามีพนักงานจำนวนหนึ่งของบริษัท โกลเด้นไพร้ซ์ แคนนิง จำกัด ซึ่งเป็นตั้งอยู่ที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร นัดหยุดงานเพื่อเรียกร้องเรื่องค่าจ้างแรงงานและสวัสดิการในการทำงาน โดยโรงงานแห่งนี้มีแรงงานประมาณ 1,700 คน ทั้งแรงงานชาวไทย และแรงงานต่างด้าว ที่เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากประเทศพม่า
 
ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เข้าไปแก้ไขปัญหาร่วมกับเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ ตัวแทนนายจ้าง และผู้แทนสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เพื่อให้ปัญหายุติโดยเร็วที่สุด รวมทั้งรับคำร้องจากลูกจ้างจำนวน 213 คน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าเป็นข้อขัดแย้งระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง เรื่องค่าจ้างและสวัสดิการ ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่กรณีนี้อาจอ่อนไหวเป็นพิเศษ เนื่องจากมีแรงงานต่างด้าวร่วมอยู่ด้วย
 
พร้อมกันนี้ ยังได้รับรายงานว่า มีกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) บางกลุ่มกำลังเคลื่อนไหวในพื้นที่ เพื่อพยายามสร้างกระแสให้เรื่องร้ายแรงเกินเลยกว่าความเป็นจริง โดยอาศัยจังหวะที่ผู้ร่วมนัดหยุดงานอาจจะมีแรงงานต่างด้าวด้วย แล้วบิดเบือนให้สังคมโลกเข้าใจประเทศไทยผิด ๆ ผ่านสื่อต่างประเทศ จึงอยากฝากเตือนไปยังกลุ่มเหล่านี้ว่าขอให้ยุติการกระทำเสีย โดยหากมีความต้องการช่วยเหลือแรงงานอย่างแท้จริง ควรให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหาและสร้างทางออกร่วมกัน
 
“รัฐบาลมีนโยบายและจุดยืนชัดเจนว่าแรงงานทุกคนบนแผ่นดินไทยไม่ว่าเชื้อชาติใดก็ต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานที่มีอยู่ ขณะเดียวกัน หากทุกอย่างดำเนินไปตามระเบียบกฎหมายแล้ว แต่ลูกจ้างยังไม่พอใจค่าจ้างแรงงานหรือสวัสดิการที่ได้รับ ย่อมเป็นสิทธิโดยอิสระที่จะลาออก ย้ายงาน และนายจ้างจะกีดกันหรือเหนี่ยวรั้งไม่ได้” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
 
ด้านเว็บไซต์เฟซบุ๊กบีบีซี ไทย รายงานว่า น.ส. สุธาสินี แก้วเหล็กไหล เจ้าหน้าที่เครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ ซึ่งทำงานในพื้นที่ดังกล่าวในด้านการให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิของแรงงานว่า ข้อสังเกตของโฆษกรัฐบาลที่บอกว่าเอ็นจีโอส่วนหนึ่งพยายามที่จะสร้างกระแสให้เรื่องใหญ่โตนั้นไม่เป็นความจริง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยาวนานมากเนื่องจากคนงานไม่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ ตั้งแต่มีการประกาศค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2555 (บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี) เป็นต้นมา รวมทั้งไม่ได้รับโอที ไม่มีการนำเข้าระบบประกันสังคม ไม่มีวันหยุดพักร้อนและวันหยุดตามประเพณี และกรณีที่เจ็บป่วยแม้จะมีใบรับรองแพทย์มายืนยันก็ยังถูกหักเงินเดือนออกไปโดยถือว่าลูกจ้างหยุดงาน
 
ในช่วงแรกนั้นองค์กร MWRN ได้จัดอบรมทำงานให้คนงานได้รู้สิทธิและเจรจาได้ และได้ทำหน้าที่เจรจาให้กับฝ่ายลูกจ้างมาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ลูกจ้างจึงขอเจรจาด้วยตนเอง ขณะที่ฝ่ายนายจ้างก็ยืนยันว่าตนปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้อง จนกระทั่งไม่สามารถตกลงกันได้ และนำมาสู่การยื่นคำร้องต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.สมุทรสาคร ดังที่เป็นข่าวไปวานนี้
 
สำหรับบรรยากาศในโรงงาน วานนี้ หลังมีข่าวว่าลูกจ้างจะนัดหยุดงาน มีการติดป้ายประกาศเป็นภาษาเมียนมาว่าหากลูกจ้างคนใดหยุดงานโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากนายจ้างจะถูกไล่ออก แต่เช้านี้ ป้ายดังกล่าวถูกถอดออกไปแล้ว
 
 
จ.ระยอง วอนพนักงานโรงงานย้ายสำมะโนเพื่อเพิ่มเม็ดเงินภาษี
 
นาย ธีรวัฒน์ สุดสุขรอง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวในระหว่างร่วมงานบุญข้าวหลามชุมชนหนองแฟบ ซึ่งอยู่รอบนิคมมาบตาพุดเมื่อเร็วๆนี้ว่า รายได้ ต่อหัวของประชาชากรระยองสูงที่สุดในประเทศ ประมาณ 1.005 ล้านบาท เนื่องจากเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมต่างๆมากที่สุดในประเทศ แต่ภาษีบุคคลธรรมดา และภาษีทั่วไปที่จะนำมาพัฒนาจังหวัด ไม่ได้สูงมากนัก เพราะวงเงินจ่ายภาษีมาจากจำนวนประชากร โดยระยองมีประชากร 6.8 แสนคน แต่มีประชากรแฝงที่มาทำงานในโรงงานภายในจังหวัดสูงถึง 7.2 แสนคน
 
ดังนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัด จึงขอความร่วมมือกับทางโรงงาน ต่างๆช่วยประชาสัมพันธ์ให้พนักงานที่มาทำงานในพื้นที่ต่อเนื่องมากกว่า 15 วันขึ้นไป ช่วยโอนย้ายสำมะโนครัวมาเป็นประชากรระยอง หากทำได้ทางจังหวัดจะได้มีงบมาพัฒนาจังหวัดเพื่อรองรับความเจริญที่ในขณะนี้กลายเป็นสังคมเมืองอย่างรวดเร็ว
 
นายธีรวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ ทางจังหวัดระยองไม่สบประสบปัญหา ภัยแล้ง เพราะ ทางรัฐบาลได้ประสานงานเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า จึงมีการเตรียมน้ำในอ่างเก็บน้ำ 5 อ่าง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำดอกกราย-หนองปลาไหล-คลองใหญ่-ประแสร์-คลองระโอก ไว้อย่างเพียงพอ โดยการใช้น้ำแยกเป็นน้ำภาคอุตสาหกรรมวันละ 700,000 ลูกบาศก์เมตร เกษตรกรรมวันละ 300,000 ลูกบาศก์เมตร
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือพีทีทีจีซี กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมและทางจังหวัดระยองได้เตรียมแผนรับมือภัยแล้งหลักงจากเกิดวิกฤติเมื่อปี 2548 จึงทำให้ปีนี้ไม่เกิดปัยหา อย่างไรก็ตาม ทราบว่า ในจังหวัดสระแก้วประสบปัญหาภัยแล้ง ทางบริษัทจึงเตรียมลงพื้นที่แจกถังน้ำขนาดใหญ่ในชุมชน หรือโรงเรียนต่างๆเพื่อจะได้มีถังเก็บน้ำไว้สำหรับอุปโภคบริโภค เพื่อให้ผ่านพ้นแล้งนี้ไปได้
 
สำหรับการดำเนินงานของ พีทีทีจีซี ในส่วนของการผลิต มุ่งลดปริมาณการใช้น้ำของโรงงาน และการใช้ระบบ RO Recovery บำบัดน้ำทิ้งในโรงงานกลับมาเป็นน้ำสะอาดหมุนเวียนใช้ใหม่เป็นสัดส่วนมากกว่า 45% ของปริมาณน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิต มีนโยบายเน้นการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการนำระบบ 3R (reduce-reuse-recycle) มาใช้ในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
 
 
เปิดสถิติ! เกาหลีใต้ส่งแรงงานคนไทยกลับประเทศ แบบไม่แจ้งเหตุผล
 
มีรายงานสถิติตัวเลขของประเทศที่ผลักดันและส่งกลับคนไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ในช่วงปี 2558 อันดับ 1 ประเทศเกาหลีใต้ ผลักดันคนไทย 8,733 คน และส่งกลับคนไทย 20,017 คน รวม 28,750 คน อันดับที่ 2 ประเทศสิงคโปร์ ผลักดันคนไทย 87 คน และส่งกลับคนไทย 5,666 คน รวม 5,753 คน อันดับที่ 3 ฮ่องกง ผลักดันคนไทย 192 คน และส่งกลับคนไทย 1,497 คน รวม 1,689 คน อันดับที่ 4 ประเทศญี่ปุ่น ผลักดันคนไทย 586 คน และส่งกลับคนไทย 1,002 คน รวม 1,588 คน และอันดับที่ 5 ประเทศมาเลเซีย ผลักดันคนไทย 23 คน และส่งกลับคนไทย 322 คน รวม 345 คน โดยแยก 2 ประเภท ได้แก่ ผู้ที่ไปทำงานและที่เข้าไปอยู่ประเทศอื่นเกินกำหนดอนุญาต ถูกจับกุมดำเนินคดีเสร็จสิ้น แล้วส่งกลับประเทศไทย และผู้เดินทางที่ถูกปฏิเสธการเข้าเมืองที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า
 
พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. กล่าวว่า ไทยกับเกาหลีใต้มีข้อตกลงร่วมกันว่านักท่องเที่ยวของแต่ละประเทศสามารถเดินทางไปมาระหว่างกันได้ โดยไม่ต้องมีวีซ่าและสามารถพำนักได้ถึง 90 วัน ในการเข้าเมืองแต่ละครั้ง โดยคนเกาหลีใต้ที่เดินทางมาประเทศไทยสูงกว่าคนไทยเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ไม่น้อยกว่า 3 เท่าในแต่ละปี
 
ปี 2558 คนเกาหลีใต้มาประเทศไทย ประมาณ 1,400,000 คน คนไทยเดินทางไปประเทศเกาหลีประมาณ 400,000 คน แต่กลับถูกปฏิเสธการเข้าเมืองเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีไม่ให้เหตุผล ช่วงวันที่ 1 ม.ค. จนถึงเดือน ธ.ค.2558 คนไทย 28,750 คน มีการปฏิเสธทันทีที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง 20,017 คน โดยไม่ให้เหตุผล และถูกส่งกลับเนื่องจากอยู่เกินหรือลักลอบทำงานแล้วถูกจับได้อีก 8,733 คน ซึ่งจากสถิติประเทศเกาหลีเป็นประเทศที่ปฏิเสธไม่ให้คนไทยเข้าเมืองสูงที่สุด ซึ่งจำนวนสูงกว่าประเทศอื่นๆ เป็นจำนวนมาก รองลงมาได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ 5,753 คน ฮ่องกง 1,689 คน ประเทศญี่ปุ่น 1,588 คน และประเทศมาเลเซีย 345 คน
 
พล.ต.ท.ณัฐธรกล่าวว่า สตม.ได้มีหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อให้ทราบเป็นข้อมูลในการแจ้งเตือนคนไทยที่จะเดินทางไปให้มีการเตรียมการในเรื่องต่างๆให้มีความพร้อม จะช่วยลดจำนวนการถูกปฏิเสธเข้าเมืองให้ลดน้อยลง ประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ต้องเสียค่าเครื่องบินไปเปล่าๆ ทั้งขาไปและกลับทำให้สูญเสียทางเศรษฐกิจโดยใช่เหตุ สตม.พยายามที่จะให้ข้อมูลและแจ้งเตือนให้นักท่องเที่ยวไทยทราบและเข้าใจ
 
 
"แกรมมี่" ปรับธุรกิจเพลงลดบุคลากร 10% ราว 80 คน แจงจ่ายชดเชยตามกฎหมายแรงงาน พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจทีวีดิจิทัล
 
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในธุรกิจเพลงยุคดิจิทัล ส่งผลให้ต้องปรับรูปแบบการทำงานในธุรกิจเพลงอย่างต่อเนื่อง โดยบางแผนกไม่มีฟังก์ชั่นงานในปัจจุบัน เช่น งานโปรโมทเพลง กลุ่มงานแต่งเพลง แต่ยังมีคนในส่วนงานดังกล่าว ทำให้ต้องปรับบุคลากรให้เหมาะสมกับการทำงาน
 
ล่าสุด ได้ปรับลดพนักงานในธุรกิจเพลงลง 10% จากทั้งหมด 800 คน หรือลดลงราว 80 คน ในจำนวนดังกล่าวมีทั้งกลุ่มที่เกษียณอายุ รวมทั้งบางแผนกที่ไม่มีการปฏิบัติงานในธุรกิจเพลงปัจจุบัน โดยบริษัทมีการจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานตามอายุการทำงาน บวกค่าเลิกจ้างอีก 3 เดือน
 
“มีการสื่อสารเรื่องปรับบุคลากรในธุรกิจเพลงมาล่วงหน้า การลดพนักงานครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานปัจจุบัน เป็นการปรับบุคลากรตามปกติของธุรกิจเพลงให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี และตลอดช่วงกว่า 32 ปีของแกรมมี่ มีคนลาออกไม่มาก ธุรกิจเพลงวันนี้จึงมีพนักงานกว่า 800 คน”
 
ทั้งนี้ ทิศทางการดำเนินงานธุรกิจทีวีดิจิทัลของแกรมมี่ทั้ง 2 ช่อง หลังจากออกอากาศในเดือน เม.ย.2557พบว่ารายได้เติบโต “เท่าตัว” ในปีที่ผ่านมา ปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แกรมมี่จึงเตรียมใช้เงินลงทุนทีวีดิจิทัลรวมกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมผลิตคอนเทนท์เพิ่มขึ้นทุกประเภท ในธุรกิจทีวีดิจิทัลประเมินว่าจะคุ้มทุนภายใน 5 ปี และเริ่มเห็นกำไรในปีที่ 6 จากระยะเวลาใบอนุญาต 15 ปี
 
 
"คมนาคม"เดินหน้าแก้วิกฤตนักบิน ลุ้นปลดล็อคกม.ดึงนักบินต่างชาติเสริม
 
รมว.คมนาคมเดินหน้าสางปัญหาอุตสาหกรรมการบิน ใช้กฎเหล็กให้ทุกแอร์ไลน์ต้องมีนักบินไฟลต์ปกติและสำรองกรณีฉุกเฉิน ลุ้นกระทรวงแรงงานปลดล็อกกฎหมายดึงนักบินต่างชาติเสริม รมว.การท่องเที่ยวฯจี้ไทยยกมาตรฐานฟื้นความเชื่อมั่น
 
 
ภัยแล้งฉุดจ้างงาน-รายได้เกษตรกรหายพรึ่บ
 
นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 4 และภาพรวมปี 58 ว่า ภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปี 58 ได้ส่งผลกระทบให้การจ้างงานในภาคเกษตรต้องลดลงมากกว่า 400,000 คน เหลือเพียง 12.27 ล้านคน เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มี 12.73 ล้านคน และยังส่งผลลามไปถึงรายได้ต้องปรับลดลงตามไปด้วย ดังนั้นภาครัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือ โดยเฉพาะในช่วงต้นปีจนถึงกลางปี59 เพราะในช่วงนี้นอกจากเกษตรกรจะต้องเจอกับปัญหาภัยแล้งแล้ว ยังต้องผจญกับความเสี่ยงของราคาน้ำมันที่ยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรให้ตกต่ำต่อไป จนทำให้เกษตรกรต้องได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น
 
ทั้งนี้จากการสำรวจจำนวนผู้มีงานทำในปี 58 พบว่า มีจำนวนลดลง 0.2% โดยการจ้างงานภาคเกษตรลดลง 3.6% ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.6% ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสาขาการผลิตอุตสาหกรรม ก่อสร้าง และการท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นว่าภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นทำให้เกษตรกรเคลื่อนย้ายไปทำงานในสาขาอื่น ซึ่งตัวเลขที่ออกมาก็ลดลงทุกๆไตรมาส แต่ด้วยลักษณะของแรงงานที่มีอายุมากและการศึกษาต่ำ จึงเป็นข้อจำกัดให้เกษตรกรไม่สามารถย้ายไปสู่สาขาที่มีประสิทธิภาพแรงงานและผลตอบแทนสูงได้ ดังนั้นแม้เกษตรกรจะย้ายงานไปทำในสาขาอื่นแทนสาขาเกษตรเพื่อหนีภัยแล้งแล้ว รายได้ที่ได้รับก็ไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย ส่วนภาวะหนี้สินครัวเรือนนั้น ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี58 มีทั้งหมด 10.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% คิดเป็นสัดส่วน 80.8% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และคาดว่าสิ้นปี 58 หนี้สินครัวเรือนจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 4.5% คิดเป็น 81% ต่อจีดีพี หลังจากยอดคงค้างสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้นไตรมาสสุดท้ายเพิ่มขึ้น 6.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย ขณะนี้หนี้เสียต่อยอดคงค้างยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โยสิ้นไตรมาสสุดท้าย หนี้เพื่ออุปโภคบริโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มีมูลค่า 95,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% และมีสัดส่วนต่อสินเชื่อรวม2.6% ส่วนสินเชื่อภายใต้การกำกับผิดนัดชำระหนี้เกิน 3 เดือน เพิ่มขึ้น 17.9% คิดเป็นสัดส่วนต่อสินเชื่อรวม 5.2% และยอดคงค้างชำระบัตรเครดิตเกิน 3เดือน เพิ่มขึ้น 25.7%
 
 
อนุมัติส่งเสริมลงทุน 3.9 หมื่นล้านบาท เปิดแผนพัฒนากิจการท้องถิ่น จุดพลุผลิตหุ่นยนต์-อากาศยาน
 
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ส่งเสริมการลงทุน ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุน 14 โครงการ เงินลงทุนรวม 39,329 ล้านบาท และได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนท้องถิ่น (Local Investment) ตามข้อเสนอของบีโอไอ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ทั้งในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลผลิตการเกษตรในท้องถิ่น และยกระดับแหล่งการท่องเที่ยวในท้องถิ่นให้มีคุณภาพ
 
ทั้งนี้ มาตรการส่งเสริมการลงทุน เป็นการสนับสนุนให้เกิด 1 ตำบล 1 โรงงานแปรรูปเกษตร 1 แหล่งท่องเที่ยว แบ่งเป็น 3 แนวทางคือ 1. ส่งเสริมให้เกิดโรงงานแปรรูปผลิตผลการเกษตร เน้นกิจการที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่น เช่น การผลิตปุ๋ยชีวภาพ อาหารแปรรูป 2.ส่งเสริมกิจการศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อให้เกษตรกร โรงงานแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่น ผู้ผลิตสินค้าโอทอป ผลิตภัณฑ์ชุมชน มีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า และเป็นแหล่งสนับสนุนการท่องเที่ยว 3.ส่งเสริมกิจการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน เพื่อสนับสนุนการสร้างจุดขายใหม่ๆ ด้านการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับแหล่งท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ สำหรับกิจการที่สนใจลงทุนภายใต้มาตรการดังกล่าว ต้องยื่นขอรับส่งเสริมภายในปีนี้ และเริ่มการผลิตหรือให้บริการในปี 2560
 
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเมืองนวัตกรรมอาหารและคลัสเตอร์อากาศยาน อุปกรณ์อัตโนมัติและหุ่นยนต์ โดยเมืองนวัตกรรมอาหารจะเปิดให้มีการส่งเสริมกิจการนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมด้านนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) พร้อมกับกำหนดให้พื้นที่ Food Innopolis ในพื้นที่ของอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เป็นเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ได้รับสิทธิในฐานะเป็นเขตส่งเสริมการลงทุน ขณะที่อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมอุปกรณ์อัตโนมัติและหุ่นยนต์ จะครอบคลุมกิจการผลิตอากาศยาน ผลิตชิ้นส่วน/อุปกรณ์ อุตสาหกรรมสนับสนุน ทั้งเครื่องมือ เครื่องจักร รวมถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ ในอุตสาหกรรมอวกาศ อากาศยานเพื่อการขนส่ง อากาศยานไร้คนขับ โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมาย 14 จังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ เชียงราย พิษณุโลก นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี สงขลา ขณะที่อุตสาหกรรมอุปกรณ์อัตโนมัติและหุ่นยนต์ สามารถตั้งกิจการได้ทุกพื้นที่ ไม่มีการกำหนดพื้นที่เป้าหมาย เป็นต้น
 
 
ก.แรงงานเร่งจ้างงานผู้ประสบภัยแล้ง
 
นายสุวิทย์ สุมาลา รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินงานโครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2559 กล่าวประเด็นการจ้างงานเร่งด่วนโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤติภัยแล้ง ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนด้านอาชีพหรือผู้ว่างงาน ผู้ว่างเว้นจากการเกษตร และกลุ่มแรงงานนอกระบบ เน้นบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนของภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชนต่างๆ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของภารกิจ และประหยัดงบประมาณของรัฐ โดยมีเครือข่ายอาสาสมัครแรงงานทั่วประเทศขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้งานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลตามแนวทาง "ประชารัฐ"
 
นโยบายที่กระทรวงแรงงานให้ความสำคัญในปีนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับแรงงานนอกระบบ โดยให้มีการสำรวจและจัดทำทะเบียนข้อมูลแรงงานนอกระบบ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้ในการกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือตามภารกิจได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ไม่ซ้ำซ้อนกับการช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น รวมถึงให้ความสำคัญในการจ้างงานคนพิการ การแก้ไขปัญหาการ ค้ามนุษย์ การสนับสนุนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจ และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จึงมอบหมายแรงงานจังหวัด และเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศในที่ประชุมเร่งระดมแนวคิดเพื่อพัฒนาแนว ทางการดำเนินงาน พัฒนากลไกที่เกี่ยวข้องกับโครงการการจ้างงานเร่งด่วนฯ ในการปรับ และประยุกต์แนวทางการทำงานเพื่อให้โครงการ ดังกล่าวเกิดผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์
 
 
ก.แรงงานทำแผนจ้างงานผู้สูงอายุ
 
ปลัดกระทรวงแรงงาน ม.ล.ปุณฑริก สมิติ บอกว่ากระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ โดยได้จัดทำแผนและศึกษาแนวทางการส่งเสริมการขยายโอกาสด้านอาชีพและการทำงานสำหรับผู้สูงอายุ โดยมีมาตรการ เช่น การสร้างระบบจ้างงานผู้สูงอายุในหน่วยงานรัฐและเอกชน ปรับเปลี่ยนทัศนคติสังคมเกี่ยวกับการจ้างงานผู้สูงอายุให้เป็นวัฒนธรรมองค์กรนอกจากนี้ จะต้องสร้างระบบคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุในการทำงาน การส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุ ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลศึกษาและร่างแผนเพื่อรองรับร่างพ.ร.บ.การจ้างงานผู้สูงอายุ พ.ศ... ได้ชัดเจนภายใน 6 เดือน
 
 
ก. แรงงาน ห่วง พรบ. รักษาความปลอดภัยกระทบแรงงานวุฒิน้อย
 
(1 มี.ค. 2559) เวลา 14.30 น. หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงแรงงาน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน หารือผลกระทบจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันท์ ชั้น 5 กระทรวงแรงงาน โดยแสดงความกังวลเกี่ยวกับประเด็นผู้ที่จะทำงานในตำแหน่งรักษาความปลอดภัย (รปภ.) จะต้องสำเร็จการศึกษาภาคบังคับตามกฎหมาย และกรณีเป็นเคยเป็นผู้ต้องโทษ ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีก่อนวันขอใบอนุญาต
 
ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบการรักษาความปลอดภัยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลกระทบหลักที่สมาคมเป็นกังวลเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็น รปภ. เนื่องจาก รปภ. ที่จบการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) มีเพียง 30% อีกทั้งบางรายเพิ่งพ้นโทษคดีอาญาอาจยังไม่ผ่านเวลาที่กำหนด ซึ่งหากมีการบังคับใช้ พรบ. อย่างเข้มงวด คาดว่าจำนวน รปภ. ที่มีน้อยอยู่แล้วอาจเกิดภาวะขาดแคลน จนถึงขั้นต้องจ้างแรงงานต่างด้าวทดแทน
 
ผู้อำนวยการ กศน. เขตดินแดง กล่าวว่า กรณีที่จะให้ได้วุฒิ ม. 3 ของ กศน. อย่างเร็วที่สุด เพื่อรองรับกลุ่มแรงงานที่ยังไม่ได้วุฒิดังกล่าวนั้น กศน. มีการจัดการเรียนแบบพบกลุ่มและการเรียนทางไกล ใช้เวลาเรียน 2 ปี และการเรียนแบบเทียบระดับ ใช้เวลา 6 เดือน การเรียนแบบเทียบระดับต้องทำแฟ้มสะสมผลงานพร้อมหลักฐานประกอบ โดยจะมีคณะกรรมการประเมินลงพื้นที่เชิงประจักษ์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ง่ายนัก
ในการนี้ ปลัดฯ แรงงาน ได้พิจารณาให้ตั้งคณะทำงานหารือในประเด็นดังกล่าว ได้แก่ ผู้แทนทุกกรมในสังกัดกระทรวงแรงงาน ผู้แทนจาก กศน. และผู้แทนจากผู้ประกอบการรักษาความปลอดภัยแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำประเด็นสรุปเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ภายในวันที่ 4 มี.ค. และนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
 
 
สปส.ชี้ลูกจ้างทำงานบ้านเข้าเป็นผู้ประกันตน ม. 33 ไม่ได้ เหตุเป็นลูกจ้างของนายจ้างบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจ
 
เมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายโกวิท สัจจวิเศษ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ก่อนหน้านี้เครือข่ายลูกจ้างทำงานบ้านแห่งประเทศไทยยื่นหนังสือ ต่อสปส. เพื่อเรียกร้องขอเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยอ้างถึงมาตรา 4 ที่ระบุว่า ลูกจ้างหมายความว่าผู้ซึ่งทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้างในพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2558 นั้น สปส.ได้ตรวจสอบในแง่กฎหมายแล้วพบว่า ลูกจ้างทำงานบ้านไม่สามารถที่จะเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้ เนื่องจาก ปัจจุบัน สปส.มีพระราชกฤษฎีกากำหนดลูกจ้างตามมาตรา 4 (4) แห่งพ.ร.บ.ประกันสังคมซึ่งไม่สามารถเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้ในหลายกรณี เช่น ลูกจ้างของเนติบัณฑิตยสภา ลูกจ้างสภากาชาดไทย ลูกจ้างของนายจ้างซึ่งประกอบกิจการค้าเร่หรือการค้าแผงลอย รวมถึงลูกจ้างของนายจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งงานที่ลูกจ้างทำนั้น ไม่ได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย ซึ่งลูกจ้างทำงานบ้านก็อยู่เข้าข่ายกรณีนี้ และการเก็บเงินสมทบจากนายจ้างก็ทำได้ลำบาก เนื่องจากลูกจ้างทำงานบ้านอยู่ในเคหะสถานซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของนายจ้าง ไม่ใช่สถานประกอบการ
 
เลขาธิการสปส. กล่าวอีกว่า สปส.เตรียมว่าจ้างสถาบันการศึกษาทำวิจัยศึกษาเกี่ยวกับกลุ่มลูกจ้างทำงานบ้านว่าปัจจุบันมีลูกจ้างทำงานบ้านที่เป็นคนไทยจำนวนเท่าใด ได้รับค่าจ้างและสวัสดิการอย่างไร และต้องการความช่วยเหลือเรื่องใดบ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างหาสถาบันการศึกษาเพื่อทำวิจัยโดยกำหนดเวลาทำวิจัย 1 ปี ตั้งแต่เดือน ก.ค.2559-ก.ค.2560 โดยจะสุ่มสำรวจลูกจ้างทำงานบ้านทั่วประเทศ จำนวน 2,000-3,000 คน เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาว่าควรแก้ไขกฎหมายประกันสังคมเพื่อให้ลูกจ้างทำงานบ้านเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือไม่ หรือควรจะพัฒนาระบบประกันสังคม มาตรา 40 เพื่อรองรับแรงงานกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น สปส.จะส่งเสริมให้ลูกจ้างทำงานบ้านเข้าสู่ระบบประกันสังคมมาตรา 40 เพื่อให้มีหลักประกันในชีวิต ซึ่งขณะนี้มาตรา 40 มี 2 ทางเลือกและอนาคตสปส.จะเพิ่มทางเลือกที่ 3
 
 
ประธานกรรมการสมานฉันท์แรงงานแรงงานเตรียมทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการค่าจ้างกลางเดือนนี้ ทวงถามปรับค่าแรงขั้นต่ำ ชี้ 360 บาทต่อวัน เหมาะสม
 
นางวิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เปิดเผย ผ่านรายการ INN โฟกัสเศรษฐกิจ ว่า ในช่วงกลางเดือนมีนาคม นี้ ทาง คสรท. จะทำหนังสือขอพบถึงปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง เพื่อสอบถามความคืบหน้าการพิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำรายวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 300 บาทต่อวัน ทั้งนี้ ปัจจุบัน คสรท. มองว่า ค่าแรง 360 บาทต่อวัน ถือว่ามีความเหมาะสมกับค่าครองชีพ
 
ขณะที่ สถานการณ์แรงงานในปัจจุบัน อยู่ในระดับทรงตัว บางพื้นที่มีทั้งปัญหาการเลิกจ้างงาน ซึ่งต้องมีการติดตามว่านายจ้างได้จ่ายเงินตามกฎหมายหรือไม่ การปรับโครงสร้างโรงงาน บางแห่งมีการย้ายฐานการผลิต โดยเรื่องนี้จะส่งผลกระทบกับลูกจ้างหรือแรงงานที่ต้องพิจารณาว่าจะย้ายที่อยู่อาศัยหรือลาออกจากงาน นอกจากนี้พบว่าปัจจุบันมีแรงงานที่เข้าร่วมโครงการลาออกด้วยความสมัครใจกว่า 400 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน
 
 
กพท.ตรวจพบชั่วโมงบินนักบินเกินมาตรฐาน แถมแสดงเป็นรายเดือน สั่งปรับข้อมูลใหม่ภายใน 1 เดือน
 
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญ หาของสายการบินนกแอร์ว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) จากการเข้าไปตรวจชั่วโมงบินของ นักบินสายการบินนกแอร์ว่า ต้องทำหน้าที่กำกับนักบินของตัวเอง ในขณะเดียวกันนักบินต้องมีวินัยในการปฏิบัติตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนฯ เรื่องการกำหนดข้อจำกัดเวลาทำการบินและระยะเวลาของการบิน ระ ยะเวลาของการพักผ่อน ทั้งนี้ จาก การตรวจสอบฐานข้อมูลชั่วโมงบินนักบินของนกแอร์กลับแสดงเป็นเดือนเป็นปีปฏิทิน ซึ่งตามประกาศต้องแสดงเป็นสัปดาห์
"จากการสุ่มตรวจสอบชั่ว โมงบินแบบเดือน แบบปีปฏิทินย้อนหลัง 12 เดือน พบว่ามีชั่ว โมงบินเกินเล็กน้อย แต่อย่างที่บอกว่าวิธีการนับจะต้องไม่ขัดกับ ประกาศ จึงได้มอบหมายให้ กพท.ลงไปตรวจอีกครั้ง ให้สายการบินต้องแสดงข้อมูลตามที่ประกาศคือรายสัปดาห์ เมื่อเกณฑ์การตรวจสอบยังไม่ตรงตาม ประกาศก็ถือว่ายังไม่ผิด ซึ่งหลังจากนี้ต้องลงไปตรวจข้อมูลอีกครั้ง ต้องให้เวลาสายการบินตรวจสอบ เนื่องจากที่ได้มีการตรวจสอบใน 1 วันสามารถตรวจสอบ 190 คน หลังจากนี้ให้เวลา 1 เดือนเพื่อ ปรับข้อมูลให้ตรงตามที่ได้ประ กาศไว้ในระเบียบ" นายอาคมระบุ
 
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ กพท.ตรวจสอบทุกสายการบินที่ให้บริการประจำในประเทศทั้ง 14 สายการบินรวมทั้งนกแอร์ โดยต้องแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ซึ่งได้แจ้งสายการบินแล้ว หลังจากนี้ข้อมูลทั้งหมดจะเข้าไปอยู่ในระบบฐานข้อมูล ซึ่งจะตรงกับที่ต้องการ ดังนั้น สายการบินทั้งเล็กและใหญ่จะต้องมีระบบข้อมูลเชื่อมมาที่ กพท.ให้ตรวจ เช็กออนไลน์ได้ตลอดเวลา
 
ด้านนายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน และรัก ษาการผู้อำนวยการ กพท.กล่าวว่า กรณีที่สายการบินนกแอร์จะให้ นักบินต่างชาติมาทำการบินแทน ในช่วงขาดแคลนนักบินนั้นสามารถทำได้ แต่ต้องไม่เกิน 40% ของจำ นวนนักบินทั้งหมด ทั้งนี้ต้องขอใบอนุญาตทำงาน หรือ work permit จากกระทรวงแรงงานก่อนด้วย
 
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายโยธิน ภมรมนตรี, นายสุเทพ สืบสันติวงศ์ อดีตผู้บริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย พล.ร.อ. บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีอดีตผู้บริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กระทำการอันถือได้ว่าส่อปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานทำให้การบินไทยได้รับความเสียหาย เนื่องจากการก่อตั้งสายการบินนกสกู๊ต
โดยข้อร้องเรียนระบุว่า เมื่อปลายปี 2556 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท สายการบินนกแอร์ฯ ที่มีบริษัท การบินไทยฯ ถือหุ้นร้อยละ 39.2 อนุมัติให้ลงนามในบันทึกความตกลงแบบไม่มีเงื่อนไขผูกพันในการจัดตั้งสายการบินราคาประหยัด ชื่อ บริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด
 
พล.ร.อ.บรรณวิทย์กล่าวว่า การที่สายการบินนกสกู๊ตได้รับอนุญาตให้ทำการบินในเส้นทางใดแล้ว หากมีเส้นทางการบินเส้นทางเดียวกับการบินไทยแล้ว เท่ากับว่าจะต้องมีการแข่งขันในการประกอบธุรกิจสายการบินกับการบินไทยอย่างชัดเจน จึงเป็นกรณีที่มีผลประโยชน์ขัดกับการบินไทยอย่างชัดแจ้ง
 
 
โคราชตกงานอื้อ แห่ขึ้นทะเบียนว่างงานวันละ 3,000 คน เหตุโรงงานเลิกจ้าง
 
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีประชาชนจำนวนมากมาขึ้นทะเบียนว่างงานกันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นอดีตพนักงานฝ่ายผลิต จากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่ถูกเลิกจ้างเพราะภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลให้หลายโรงงานลดอัตราการจ้างงาน และเลิกกิจการไปเป็นจำนวนมาก
 
นายสุวรรณ ดวงตา จัดหางานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ช่วงนี้ก็ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่ง มีการลดอัตราการจ้างงานฝ่ายผลิตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง แห่มาลงทะเบียนเป็นผู้ว่างงานจำนวนมาก วันละประมาณ 3,000 คน ประกอบกับช่วงนี้จังหวัดนครราชสีมา ประสบกับปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ทำให้มีเกษตรกรซึ่งทำงานนอกระบบว่างงานเพิ่มขึ้นอีกรวมหลายหมื่นคน
 
“ทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครราชสีมารู้สึกเป็นห่วงประชาชนที่ว่างงานอย่างมาก จึงได้ประสานกับจังหวัดที่มีอัตราการจ้างงานสูง อาทิ จังหวัดระยอง ปทุมธานี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร เป็นต้น เพื่อนำตำแหน่งงานว่างมาเสนอให้ผู้ว่างงานได้เลือกตัดสินใจ พร้อมกับอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่จะเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีการฝึกอาชีพเสริมให้เกษตรกรผู้ว่างงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเป็นทางเลือกที่สามารถช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งได้ในระดับหนึ่ง” นายสุวรรณ กล่าว
 
 
กรมการจัดหางาน คุมเข้มโซเชียลป้องกันการค้ามนุษย์-มิจฉาชีพ หลอกแรงงานไปทำงานต่างประเทศ
 
นายอารักษ์ พรหมณี อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน ได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กที่มีพฤติการณ์โพสต์ข้อความชักชวนคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการหลอกลวงคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ และจากการตรวจสอบพบข้อความชักชวนคนหางานไปทำงานในต่างประเทศผ่านเฟซบุ๊ก โดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่างวันที่ 1 ม.ค. - 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดกฎหมาย 22 ราย ตรวจสอบรายการบุคคลจากฐานข้อมูลทางทะเบียนของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก ได้จำนวน 17 คน จึงมีหนังสือเชิญตัวมาให้ข้อเท็จจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อรวบรวมไว้เป็นข้อมูล และหลักฐานดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า คนหางานที่สนใจจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ควรเลือกเดินทางโดยถูกกฎหมาย และติดต่อโดยตรงกับกรมการจัดหางาน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการถูกหลอกลวง สามารถสอบถามข้อมูล หรือร้องทุกข์ หรือแจ้งเบาะแสการหลอกลวงคนหางานได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักจัดหางานกรุงเทพฯ เขตพื้นที่ 1-10 หรือที่ กองตรวจและคุ้มครองคนหางาน โทร.02-245-6763 หรือ สายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694
 
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท