สภานิติบัญญัติแห่งชาติ นัดพิจารณาร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ประเด็นออกเสียงประชามติ 10 มีนาคมนี้ โดยกำหนดให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ โดยใช้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ

 

6 มี.ค. 2559 สำนักข่าวไทยรายงานว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นัดประชุม สนช. ในวันที่ 10 มีนาคมนี้ โดยมีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้เสนอ โดยสาระสำคัญเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติให้เหมาะสมจำนวน 4 มาตรา ซึ่งบัญญัติว่า เมื่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จัดทำร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วให้แจ้ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทราบ และให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดให้มีการออกเสียงประชามติ พร้อมกับให้กรธ.จัดทำคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ โดยสรุปในลักษณะที่ประชาชนสามารถเข้าใจเนื้อหาสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญได้ โดยสะดวก และส่งให้กกต.ภายใน 15 วัน นับแต่วันถัดจากวันที่แจ้งครม.

 

“สำหรับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิลงประชามติ ต้องใกล้เคียงกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งสุดท้ายก่อนวันที่รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ ยกเว้นในส่วนที่เกี่ยวกับอายุ ให้ผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ในวันออกเสียงประชามติเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ ส่วนการออกเสียงประชามติให้ออกเสียงประชามติว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยต้องทำในวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร” ประธานสนช. กล่าว

 

นายพระเพชร กล่าวว่า ในส่วนของสนช.จะมีมติเสนอประเด็นอื่นได้ไม่เกิน 1 ประเด็น ที่สมควรให้กกต.จัดให้มีการออกเสียงประชามติเพิ่มเติมว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบพร้อมไปในคราวเดียวกันได้ แต่ต้องเสนอภายใน 15 วัน นับแต่วันถัดจากที่ได้รับแจ้งจาก กรธ. และ ให้กกต.ประกาศกำหนดวันออกเสียงประชามติ ซึ่งต้องไม่เร็วกว่า 90 วัน แต่ไม่ช้ากว่า 120 วันนับแต่วันถัดจากวันที่กรธ.ส่งคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญให้กกต. และในการออกเสียงประชามติ หากคะแนนเสียงข้างมากของผู้ออกเสียงประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศผลการออกเสียงประชามติ และเมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และใช้บังคับได้โดยให้นายกรัฐมนตรี ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ให้ กรธ.ปรับปรุงคำปรารภของร่างรัฐธรรมนูญให้สมบูรณ์และสอดคล้องกับผลการลงประชามติ