เจ้าหน้าที่ทหาร ป่าไม้ กว่า 40 นาย ปิดประกาศป้าย 'ยุทธการพลิกฟื้นผืนป่า' พร้อมหมายบังคับคดี ให้สมาชิกชุมชนโคกยาว ออกจากพื้นที่ หากอ้างว่ามีสิทธิ์อยู่ในพื้นที่ให้ยื่นอำนาจพิเศษต่อศาลภายใน 8 วัน

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2558 เวลาประมาณ 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชุมชนโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ได้มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร รวมทั้งฝ่ายปกครอง นำรถหกล้อ รถปิกอัพ รวม 8 คัน ขนเจ้าหน้าที่เข้ามาจำนวนกว่า 40 นาย วิ่งฝ่าเรียงแถวเป็นทางยาวเข้ามาในพื้นที่ชุมชนโคกยาว ช่วงขณะที่วิ่งมาถึงกลุ่มชาวบ้านที่กำลังยืนมองดูท่าทีอยู่นั้น นายเจนวิทย์ คำนึงผล หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชย.4 (คอนสาร) ลดกระจกลงมาเพื่อบอกชี้แจงว่า จะเข้าไปตรวจดูพื้นที่ และนำใบปิดประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ที่บุกรุกป่ารายอื่นไปติดประกาศ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของสมาชิกชุมชนโคกยาวบนพื้นที่โฉนดชุมชน 830 ไร่ แต่อย่างใด

นายบุญมี วิยาโรจน์ รองประธานโฉนดชุมชนโคกยาว ให้ข้อมูลว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติภาระกิจเสร็จแล้วก็ได้ขับรถออกไป ชาวบ้านจึงได้เข้าไปดูพื้นที่ดังกล่าวดังกล่าวโดยพบว่า มีพื้นที่ของสมาชิกชุมชนถูกติดโปสเตอร์ขนาดใหญ่ซึ่งเขียนว่า “ยุทธการพลิกฟื้นผืนป่า แผนปฏิบัติการบังคับใช้กฏหมายต่อพื้นที่บุกรุกปลูกยางพาราในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม จังหวัดชัยภูมิ” และมีแผ่นกระดาษเย็บติดกับแผ่นป้ายโปสเตอร์ ซึ่งเป็นหมายบังคับคดี ลงวันที่ 10 มี.ค 2559 โดยระบุว่า

“สำนักงานบังคับคดีจังหวัดชัยภูมิ สาขาภูเขียว กรมบังคับคดี ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ศาลจังหวัดภูเขียว ได้มีหมายบังคับคดีขับไล่จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทนและบริวารออกจากพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ป่าโคกยาว หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งลุยลาย อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ

จึงประกาศให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของจำเลย ยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาล ภายในกำหนดเวลา 8 วัน นับแต่วันปิดประกาศ มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นบริวารของจำเลย และเจ้าพนักงานจะดำเนินการบังคับคดีตามกฎหมายต่อไป”

รองประธานโฉนดชุมชนโคกยาว กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ชุมชนโคกยาวได้รับผลกระทบความเดือดร้อนหลายครั้ง เช่น ในวันที่ 25 ส.ค. 2557 เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาปิดประกาศคำสั่ง คสช.ที่ 64/57 ให้ออกจากพื้นที่และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ภายใน 15 วัน และเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2558 เจ้าหน้าที่สนธิกองกำลังทหาร ตำรวจ ป่าไม้ เข้ามาปิดป้ายหนังสือประกาศ ให้รื้อถอนสิ่งปลุกสร้าง พืชผลอาสินทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ทุกครั้งพวกตนได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการผลักดันให้เกิดกระบวนการแก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาลกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(พีมูฟ) มาอย่างต่อเนื่อง และทุกครั้งได้มีมติที่ประชุมว่า ในระหว่างการแก้ไขปัญหา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชะลอการดำเนินการใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิตตามปกติสุข และให้สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินตามปกติไปพลางก่อน จนกว่ากระบวนการจะมีผลเป็นที่ยุติต่อไป อีกทั้งการดำเนินการหากติดขัดปัญหาเกี่ยวกับระเบียบ กฎหมาย ควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาให้แก่ ประชาชนตามความเหมาะสม แต่การปฏิบัติกลับมาสวนทางกับแนวทาง เพราะสมาชิกต้องมาถูกหมายบังคับคดีอีกในครั้งนี้