Skip to main content
sharethis

แกนนำชาวบ้านชุมชนโคกยาว หายตัวไร้ร่องรอยหลังเดินทางเข้าสวนป่าโคกยาว เพื่อไปเก็บหน่อไม้ ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. เจ้าหน้าที่-ชาวบ้านร่วมตามหา ยังไม่พบร่องรอย

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2559 สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน รายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ของวันที่ 20 เม.ย. เครือข่ายชาวบ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ที่ร่วมกันระดมตามหาเด่น คำแหล้ ประธานโฉนดชุมชนโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ แกนนำการต่อสู้เรื่องสิทธิที่ดินทำกินในภาคอีสาน ซึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังเดินทางไปเก็บหน่อไม้บริเวณสวนป่าโคกยาว จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา และไม่ได้กลับเข้าที่พักอีกเลย โดยผลการค้นหายังไม่พบตัวหรือปรากฏร่องรอยการหายตัวของเด่น แต่อย่างใด

เด่น คำแหล้ เป็นเกษตรกรใน ต.ทุ่งลุยลาย ตั้งแต่ก่อนพื้นที่ดังกล่าวจะถูกประกาศให้เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม จ.ชัยภูมิ ในปี 2516 โดยเด่นกับภรรยาได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินด้วยการปลูกสร้างสวนป่าโคกยาวและปลูกยูคาลิปตัส จนกระทั่งปี 2528 เจ้าหน้าที่ป่าไม้และกองกำลังทหารพรานได้อพยพครอบครัวของเด่น และชาวบ้านคนอื่น ๆ ออกจากพื้นที่ทำกิน โดยสัญญาว่าจะจัดสรรที่แห่งใหม่ให้รายละ 15 ไร่ แต่พื้นที่ที่รัฐจัดสรรให้กลับมีเจ้าของอยู่แล้ว ชาวบ้านจึงอยู่ในสภาพไร้ที่ดินทำกิน

เด่นได้กลับเข้ามาในป่าโคกยาวและเริ่มต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินทำกิน จนตกเป็นจำเลยในข้อหาบุกรุกเขตป่าสงวนเมื่อปี 2554 แต่ได้รับการประกันตัวชั่วคราวเมื่อปี 2556 ซึ่งเป็นการสู้คดีในศาลฎีกา

ด้านสุภาพ คำแหล้ ภรรยาของเด่น เล่าว่า เป็นเวลา 5 วันแล้วที่ยังหาตัวไม่เจอ ภายหลังช่วงเช้าวันที่ 16 เม.ย.59 เธอกับสามีกลับมาจากซื้อของที่ตลาดทุ่งลุยลาย จากนั้นกลับขึ้นมายังที่บ้านโคกยาว เด่นบอว่าจะเข้าไปหาหน่อไม้ หวาย ในป่า เพื่อเตรียมไปวางขายที่ตลาดทุ่งลุยลายในช่วงเย็น ทั้งบอกอีกว่าให้เธอเตรียมถางหญ้าปรับดินไว้ เพื่อจะนำหน่อไม้หวายส่วนที่เหลือจากที่หามาได้ นำไปปลูก

จากนั้น เวลาประมาณ 09.00 น. เด่นได้เดินเข้าป่าไปพร้อมกับสุนัข 2 ตัว ต่อมาสุนัขอีกตัวกลับเข้ามาประมาณ 15.00 น. ส่วนอีกตัวกลับเข้ามาถึงประมาณ 20.00 น. แต่ไม่เห็นตัวเด่นกลับมา จากนั้นจึงได้ช่วยกันแยกออกตามหาไปตามหุบเขา ลุ่มน้ำ จนถึงวันนี้ยังไม่เจอ และไม่พบร่องรอยการหายตัวไป

สุภาพ บอกอีกว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ทุ่งลุยลาย แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่โรงพัก จึงเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ห้วยยาง ต.ห้วยยาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ใน พื้นที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่่ป่าไม้จะรายงานมายังสถานีตำรวจเอง

ภรรยาของเด่น เพิ่มเติมอีกว่า นับแต่ไปแจ้งความจนถึงวันนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจลงมาตรวจสอบ หรือลงมาช่วยหา อีกทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชย.4 (คอนสาร) ซึ่งได้เข้าไปแจ้งเรื่องพร้อมขอให้ส่งกำลังเข้ามาช่วยค้นหาสามี แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้อยู่ในเขตรับผิดชอบในการที่ต้องส่งกำลังตามหาคนหาย แต่เป็นเขตความรับผิดชอบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว และเขตป่าต้นน้ำ (ปางม่วง) 

สุภาพ กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจมากที่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ใช่เป็นพื้นที่รับผิดชอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เช่น วันที่ 26 ส.ค. 2557 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร นำคำสั่ง คสช.ที่ 64/57 เข้ามาปิดประกาศไล่รื้อ และวันที่ 6 ก.พ. 2558 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ก็ได้เข้ามาปิดประกาศไล่รื้ออีกเช่นกัน โดยทุกครั้งที่มีการเข้ามาไล่รื้อ หัวหน้าป่าไม้ ชย.4 จะเป็นผู้นำพาเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ขึ้นมาด้วยตนเองทุกครั้ง แต่การที่คนหายกลับบอกว่าไม่ใช่เป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net