12 พ.ค.2559 บุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รักษาการแทนเลขาธิการ กกต.  เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงาน กกต. ประกาศกำหนดวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ในวันที่ 7 ส.ค. 2559 และได้เปิดให้มีการลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้มีประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงทยอยมาลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างวันที่ 1-11 พ.ค. 2559  มีจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกเขตจังหวัดแล้วจำนวนทั้งสิ้น 1,780 คน โดยเป็นการลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกเขตจังหวัด จาก 2 ช่องทาง คือ การยื่นต่อสำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น จำนวน 526 คน และการใช้ช่องทางการลงทะเบียนทางอินเทอร์เน็ต จำนวน 1,254 คน จังหวัดที่มีจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกเขตจังหวัด มากที่สุดใน 5 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 924 คน จังหวัดขอนแก่น จำนวน 54 คน, จังหวัดนนทบุรี 39 คน จังหวัดเชียงใหม่ 38 คน และจังหวัดชลบุรี 34 คน

บุณยเกียรติ กล่าวด้วยว่า ส่วนสำนักทะเบียนที่มีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกเขตจังหวัด มากที่สุด  คือ เขตราชเทวี จำนวน 202 คน รองลงมา เขตสายไหม จำนวน 36 คน และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จำนวน 34 คน

บุณยเกียรติ  กล่าวอีกว่า การลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงประชามตินอกเขตจังหวัด ยังสามารถลงทะเบียนได้อย่างต่อเนื่องใน 3 ช่องทาง คือ  ยื่นด้วยตนเอง สำหรับกรุงเทพมหานคร ยื่นคำขอได้ที่สำนักงานเขต และที่ต่างจังหวัดยื่นคำขอที่สำนักทะเบียนอำเภอหรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-7 ก.ค. 2559 ในวันและเวลาราชการ ทั้งนี้สามารถยื่นคำขอเป็นกลุ่มได้ โดยการมอบหมายผู้มีสิทธิอื่นยื่นแทน ส่วนการยื่นทางไปรษณีย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. -30 มิ.ย. 2559 โดยถือวันประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ และยื่นผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ http://election.dopa.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. -30 มิ.ย. 2559  ตลอด 24 ชั่วโมง โดยระบบจะปิดอัตโนมัติในเวลา 24 นาฬิกาของวันที่ 30 มิ.ย. 2559

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม เว็บไซต์ กกต.

บุณยเกียรติ  ยังกล่าวเชิญชวนให้ผู้ประสงค์ขอใช้สิทธิออกเสียงนอกเขตจังหวัด ได้ยื่นคำขอลงทะเบียนตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันการหลงลืม ซึ่งระบบการลงทะเบียนออกเสียงนอกเขตจังหวัด ได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างมาก สามารถยื่นผ่านทางช่องทางอินเทอร์เน็ตได้รับความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยื่นด้วยตนเองที่สำนักทะเบียนอำเภอ หรือสำนักทะเบียนท้องถิ่น

ที่มา : สำนักข่าวไทย