Skip to main content
sharethis

ทูตสวีเดนพบ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำความสำคัญของเสรีภาพการแสดงออก คำวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งสำคัญต่อทั้งการลงประชามติ-ฟื้นคืนประชาธิปไตย-การเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม พร้อมย้ำข้อแนะนำของสวีเดนที่เวทีทบทวนสิทธิมนุษยชน UPR ให้ไทยแก้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำไทย-สวีเดนสัมพันธ์แน่นแฟ้นทุกระดับ แถมยังเคยจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนด้วย รับปากจะดูแลความปลอดภัยของชาวสวีเดนในไทย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และ สตัฟฟาน แฮร์สเติร์ม เอกอัครราชทูตสวีเดน ทีทำเนียบรัฐบาลเมื่อ 13 พ.ค. 2559 (ที่มาของภาพ: เว็บไซต์รัฐบาลไทย)

13 พ.ค. 2559 เมื่อวันที่ 13 พ.ค.  สตัฟฟาน แฮร์สเติร์ม (Staffan Herrström) เอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยการพบกันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการแนะนำตัวของทูต รวมไปถึงการหารือทางการเมืองกับบรรดาคณะรัฐมนตรี บุคคลและสถาบันที่มีความสำคัญ สื่อมวลชน ประชาสังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ทั้งนี้ในการพบหารือที่ทำเนียบรัฐบาล มีคณะของสถานทูตสวีเดนร่วมเดินทางไปด้วย

ในเฟซบุ๊คของสถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ถ้อยแถลงระหว่างการพบหารือของทูตสวีเดน ซึ่งนย้ำถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างประเทศไทยและสวีเดน ซึ่งมีชาวสวีเดนเดินทางมาประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยว โดยทูตสวีเดนยังกล่าวถึงประสบการณ์ของชาวสวีเดนต่อประเทศไทยในประเด็นเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียมทางเพศและความปลอดภัยบนท้องถนนอีกด้วย

โดย ทูตสวีเดนย้ำถึงความห่วงใยของ เอกอัครราชทูตและหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย และห่วงใยต่อรายงานทบทวนสิทธิมนุษยชนของประเทศตามกลไก Universal Periodic Review หรือ UPR โดยทูตสวีเดนได้เน้นย้ำเป็นพิเศษถึงความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพในการรวมตัวสมาคม ซึ่งจะทำให้เสียงของคำวิพากษ์วิจารณ์ถูกรับรู้ ซึ่งไม่เพียงสำคัญเฉพาะกับการลงประชามติที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เป็นไปเพื่อการฟื้นคืนกลับสู่ประชาธิปไตย ซึ่งรวมถึงการเลือกตั้งที่เสรีและมีความยุติธรรม ในโอกาสนี้ทูตสวีเดนยังย้ำถึงข้อแนะนำของสวีเดนต่อประเทศไทยในเวที UPR ที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงข้อเสนอให้แก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้วย

อนึ่งในรายงานของเว็บไซต์รัฐบาลไทย พล.ต. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีที่ทูตสวีเดนได้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย รัฐบาลไทยยินดีที่จะร่วมมือในการสานต่อและสนับสนุนความร่วมมือกับสวีเดนต่อไป พร้อมเน้นย้ำความสัมพันธ์ไทยกับสวีเดนที่มีความแน่นแฟ้นและมีความร่วมมือใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับพระราชวงศ์ ความสัมพันธ์ระดับประชาชน และการทหารจากการจัดซื้อเครื่องบินรบรุ่นกริพเพน ทางด้านเอกอัครราชทูตได้กล่าวแสดงความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ในไทย และกล่าวแสดงความประสงค์ที่จะให้ความร่วมมือระหว่างไทยและสวีเดนเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการค้า และการลงทุน จึงขอให้ฝ่ายไทยช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการค้าและการลงทุนของสวีเดน

ต่อเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองไทย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงว่า รัฐบาลได้เข้ามาบริหารประเทศไทยเพื่อให้เกิดความสงบสุขและเพื่อให้ความร่วมมือกับประเทศต่างๆดำเนินต่อไปได้โดยไม่ติดขัด รัฐบาลได้วางรากฐานประชาธิปไตยที่ยั่งยืนและบ้านเมืองที่มีเสถียรภาพโดยการดำเนินการตามโรดแมป มีการดำเนินคดีแก่ผู้ที่กระทำผิดโดยยึดหลักตามกฎหมายและปฏิบัติต่อทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เข้ามาแก้ไขปัญหาในเรื่องที่คั่งค้างมาตั้งแต่รัฐบาลก่อน อาทิ การแก้ไขปัญหา IUU และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมประมง การแก้ไขปัญหาการทุจริตและดำเนินคดีแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิเด็กและสตรีโดยการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องตามหลักสากล เป็นต้น ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้สวีเดนมั่นใจได้ว่า รัฐบาลไม่ได้ประสงค์ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนใด ๆ หากแต่มีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชนในสังคม ทางด้านเอกอัครราชทูตราชฯสวีเดนได้แสดงความยินดีที่ทราบว่า รัฐบาลไทยได้มีการแก้ไขปัญหา IUU และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมประมง รวมถึงการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิเด็กและสตรี ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลสวีเดนให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

พล.ต.วีรชน กล่าวว่า ในด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีและทูตสวีเดน ต่างยินดีที่นักท่องเที่ยวชาวสวีเดนเดินทางมาประเทศจำนวนมากทุกปี ทูตสวีเดนได้ขอให้รัฐบาลไทยช่วยดูแลความปลอดภัยของชาวสวีเดนที่เดินทางมาทำธุรกิจและท่องเที่ยวในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับมาตรการความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งทางนายกรัฐมนตรียินดีรับไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา เพื่อให้ชาวสวีเดนมั่นใจในการเข้ามาท่องเที่ยวในไทย

ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีที่รัฐบาลไทยแถลงข่าวโดยที่สาระสำคัญคาดเคลื่อนไปจากที่ทูตสวีเดนกล่าวย้ำ โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ในการพบกันของทูตสวีเดน กับ รมว.กลาโหม และรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในรายงานของไทยรัฐ ซึ่งอ้างจากการแถลงของโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้อ้างว่าทูตสวีเดน กล่าวว่าในฐานะที่สวีเดนเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและมิตรประเทศของไทย มีความเข้าใจดีต่อสถานการณ์ของประเทศไทยและเห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลต่อความพยายามแก้ปัญหาวางรากฐานของประเทศปัจจุบัน และอ้างด้วยว่าทูตสวีเดนกล่าวกับ พล.อ.ประวิตร ว่าสนับสนุนถึงการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด อันจะนำมาซึ่งสังคมที่ปรองดองและความมั่นคงของประเทศต่อไป

อย่างไรก็ตามในเฟซบุ๊คของสถานทูตสวีเดน ได้เผยแพร่คำแถลงของทูตสวีเดน ซึ่งผิดไปจากที่โฆษกกระทรวงกลาโหมอ้าง โดยทูตสวีเดนได้แถลงย้ำเตือนถึงข้อกังวลที่คณะทูตานุทูตของสหภาพยุโรปได้เคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 7 เมษายนเกี่ยวกับประเทศไทย โดยเฉพาะความสำคัญของเสรีภาพในการชุมนุมและเสรีภาพในการแสดงออก ทั้งนี้เพื่อให้สังคมได้รับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งสำคัญไม่เฉพาะกับบริบทการลงประชามติที่กำลังจะมีขึ้น หากยังรวมถึงการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ทูตยังเน้นถึงความกังวลเกี่ยวกับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของทหารในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2559 และยังเน้นถึงความสำคัญของหลักนิติธรรม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net