บุคคลหลายวงการในไทยเขียนจดหมายเปิดผนึกเพื่อทักท้วงภัณฑารักษ์เกาหลีใต้ กรณีนำผลงานของศิลปินยุค กปปส. ปิดกรุงเทพฯ ไปจัดแสดงเพื่อรำลึก 36 ปีเหตุสลายการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยกวางจูปี 1980 ด้านภัณฑารักษ์เกาหลีใต้ยอมรับนำผลงานมาแสดงเพราะนึกว่าเหมือนศิลปะเกาหลียุค 80 โดยไม่ได้คำนึงนัยยะทางการเมือง เผยถูกท้วงติงหนักจากหลายฝ่าย เตรียมนำไปหารือว่าจะถอนผลงานแสดงหรือไม่
โปสเตอร์งาน 'The Truth_ to Turn It Over' (ที่มา: Artmuse.gwangju.go.kr)
สุธี คุณาวิชยานนท์ ถ่ายภาพคู่กับศิลปินชาวเวียดนาม เลอดุกไฮ (ซ้าย) และ เลองอกทัน (ขวา) ข้างหลังคือผลงานแสดงของสุธี ชุด 'Thai Uprising' ผลงานศิลปะของเขาในการชุมนุม กปปส. ระหว่างปี 2556 - 2557 (ที่มา: facebookpage/Hai Duc Le)
16 พ.ค. 2559 กรณีพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู เชิญสุธี คุณาวิชยานนท์ ร่วมแสดงผลงานศิลปะในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over' (อ่านรายละเอียด) ในเทศกาลประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) โดยนิทรรศการมีพิธีเปิดเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจะจัดแสดงจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม โดยนอกจากผลงานของสุธี ยังมีผลงานของศิลปินอีก 4 ประเทศ ได้แก่ ปักแทคู จากเกาหลีใต้ มันกู ปุตรา จากอินโดนีเซีย เลองอกทันและเลอดุกไฮ จากเวียดนาม และเรอนาโท หาบูลาน จากฟิลิปปินส์นั้น
อย่างไรก็ตาม มีกระแสวิจารณ์ในประเทศไทย เนื่องจากมองว่าผลงานแสดงของสุธีบางส่วน เป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านประชาธิปไตยและปูทางไปสู่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557
สำหรับผลงานแสดงของสุธี ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู ส่วนแรก คือ "กระดานดำกวางจู" โดยนำมาจากผลงานชุด "ห้องเรียนประวัติศาสตร์ภาค 2" ที่สุธีเคยจัดแสดงผลงานดังกล่าวมาก่อน เมื่อ พ.ศ. 2556 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ตั้งแต่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ผ่านการเปลี่ยนแปลงการปกครองจนถึงปัจจุบัน โดยเป็นภาพแกะสลักบนโต๊ะนักเรียนที่ทำจากไม้ 23 ตัว แสดงเหตุการณ์ 23 แห่ง โดยในการแสดงที่กวางจู สุธีได้เลือกโต๊ะไปทำการแสดง 6 ตัว นอกจากนี้เขายังร่วมกับศิลปินเกาหลีใต้ วาดภาพบนกระดานดำร่วมกันโดยด้านหนึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และอีกด้านการเหตุการณ์กวางจูเดือนพฤษภาคม 2523
"ผลงาน "กระดานดำกวางจู" ผมต้อง "เลือกจำ" คัดตัดตอนมาเฉพาะประวัติศาสตร์ 1 หน้าในความทรงจำทางการเมืองไทย 14 ตุลา 16 เบลอปะปนไปกับ 18 พฤษภาคม 1980 โศกนาฏกรรมทางการเมืองของเกาหลีใต้ที่เมืองกวางจู ที่มีทั้งความคล้ายและความต่างสองเรื่องสองเหตุการณ์ถูกเขียนแล้วลบแล้วเขียนอีก จนมันเบลอ เข้าหากันในกระดานแห่งความทรงจำเดียวกัน อีกชิ้นโต๊ะนักเรียนในห้องเรียนประวัติศาสตร์ ก็จำเป็นต้องถูก "เลือกจำ" เช่นกัน จากโต๊ะ 23 ตัว เกือบ 20 เหตุการณ์ คัดเหลือแค่ 6 ตัว ประมาณ 6 เหตุการณ์" สุธีระบุตอนหนึ่งในสเตตัสเฟซบุ๊คที่เขาพูดถึงผลงานแสดงศิลปะ
สำหรับผลงานศิลปะส่วนที่ถูกทักท้วง คือ "Thai Uprising/มวลมหาประชาชน" (อ่านรายละเอียด) ซึ่งเป็นผลงานศิลปะของสุธีระหว่างการชุมนุมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการชุมนุม กปปส. ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2556 ถึง ปลายเดือนมกราคม 2557 โดยมีข้อความที่ปรากฏในโปสเตอร์เช่น "ปฏิรูปก่อน" "ไทยอย่าเฉย" "ยึดคืนประเทศไทย" "อย่ากลับด้านประเทศไทย" โดยผลงานส่วนหนึ่งของสุธีถูกนำมาประมูลเพื่อระดมทุนสำหรับการต่อสู้ในช่วงนั้นด้วย
ทั้งนี้ หลังวันเปิดแสดงผลงานศิลปะเมื่อ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา บุคคลในวงการต่างๆ ในประเทศไทย ได้ส่งจดหมายทักท้วงไปยัง ลิม จงยอง ผู้ทำหน้าที่ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ 'The Truth_to Turn It Over'
โดยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ธนาวิ โชติประดิษฐ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร เขียนจดหมายเปิดผนึกไปยัง ลิม จงยอง เพื่อสอบถามเหตุผลในการคัดเลือกผลงานแสดงศิลปะของเขา
"เนื่องจากการที่เขาสนับสนุนรัฐบาลทหารเป็นสิ่งที่โจ่งแจ้ง ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสงสัยที่ท่านในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรศการ 2016 Asian Democracy-Human Rights-Peace จึงเลือกให้เขามีส่วนร่วมกับงานนิทรรศการ ท่านได้ทำการบ้านค้นคว้าเกี่ยวกับศิลปะไทย ศิลปินไทย และความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันหรือไม่ ทั้งนี้มักจะมีกระบวนการจัดทำนิทรรศการชนิดขี้เกียจที่คู่กันไปกับภัณฑารักษ์ผู้เดินทางไปทั่วโลก แล้วมักจะเลือกศิลปินคนดังจากแต่ละประเทศด้วยความมักง่าย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวังว่ากรณีนี้จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น" จดหมายของธนาวิตอนหนึ่งระบุ
ขณะเดียวกันในวันนี้ (16 พ.ค.) มีการเผยแพร่ จดหมายเปิดผนึกจาก "นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย" (กวป.) ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู กรณีนำผลงานของ รศ.สุธี คุณาวิชยานนท์ ไปจัดแสดงในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over’" โดยมีการลงชื่อท้ายจดหมายโดยบุคคล 118 ราย ประกอบด้วยศิลปิน ผู้กำกับภาพยนตร์ นักเขียน สื่อมวลชน นักวิชาการ ฯลฯ ในไทย สอบถามไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู
"ระหว่างการชุมนุมประท้วงปิดเมืองกรุงเทพฯ ของ กปปส. สุธีและเพื่อนศิลปินได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนให้ขบวนการเคลื่อนไหว กปปส. แทนที่จะส่งเสริมประชาธิปไตยและการปกครองโดยรัฐบาลพลเรือน ผลงานของเขาที่นำไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูเป็นผลงานที่ทำขึ้นระหว่างร่วมชุมนุมกับ กปปส. อันนำพาความถดถอยของประชาธิปไตยไทย อาทิ โปสเตอร์ที่ใช้เทคนิคฉลุลาย เสื้อยืดสำหรับผู้สนับสนุน กปปส. และ อื่น ๆ ศิลปิน กปปส. ยึดถนนเพื่อปิดกั้นการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งก่อชนวนเปิดโอกาสให้ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน และเปลี่ยนจากประเทศที่มีอนาคตที่สดใสทางประชาธิปไตย กลับกลายเป็นการควบคุมโดยสมบูรณ์จากชนชั้นสูงและปกครองโดยทหารตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557"
"แม้ว่ารัฐบาลเผด็จการของไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการทบทวนรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย (หรือ UPR) เมื่อวันที่12 พฤษภาคม 2559 อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ ศิลปิน กปปส. ก็ได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนสำหรับการสร้างวิทยาลัยของพวก กปปส.ด้วยเช่นกัน นิทรรศการของสุธีไม่เพียงแต่เป็นการดูหมิ่นขบวนการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของไทยและ ประวัติศาสตร์การพัฒนาประชาธิปไตย แต่หมายรวมถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของชาวกวางจูเมื่อ 18 พฤษภาคม"
"พวกเราใคร่ขอถาม Jong Young Lim ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ และคณะกรรมการของถึงกระบวนการคัดเลือกและเหตุผลที่เชิญสุธีเข้าร่วมในนิทรรศการครั้งนี้ พวกเราเชื่อในเสรีภาพในการแสดงออกว่ามีความสำคัญต่อศิลปิน แต่พวกเราต้องการแสดงความกังวลที่นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู ด้วยความเคารพต่อหลักการดังกล่าวพวกเราใคร่ขอคำอธิบายหลักและเหตุผลในการคัดสรรศิลปินและผลงาน เพื่อความกระจ่างชัดต่อชาวไทยและชาวกวางจู" ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุ
ภัณฑารักษ์เกาหลีใต้ยอมรับนำผลงานมาแสดงโดยไม่ได้คำนึงนัยยะทางการเมือง เตรียมนำไปหารือว่าจะถอนผลงานแสดงหรือไม่
ล่าสุดในเว็บ penseur21.com (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) Lee Yu Kyung ผู้สื่อข่าวชาวเกาหลีใต้ ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ ลิม จงยอง ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการดังกล่าว โดยเขาย้ำว่าเขารู้สึกชื่นชมผลงานแนวสตรีทอาร์ทของสุธี ซึ่งมีเนื้อหาใกล้กับศิลปะแนวประชาชนของเกาหลีใต้ในยุคทศวรรษที่ 1980 โดยเขาให้พิจารณาเรื่องนี้โดยไม่ได้คำนึงในเรื่องนัยยะทางการเมือง
"ผมไม่ได้คาดหมายว่าจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมาจากประเทศไทยขนาดนี้ เราได้รับคำท้วงติงมาจากบุคคลหลากหลาย ซึ่งส่วนหนึ่งถูกส่งมาจากมูลนิธิ 518 (มูลนิธิในเกาหลีใต้ซึ่งตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์ต่อสู้ที่กวางจู) พวกเราจะมีการหารือกันถึงเรื่องนี้ พวกเราอาจพิจารณาที่จะถอนงาน 1 ใน 4 เรื่องของสุธี ซึ่งเรื่องหนึ่งเกี่ยวข้องกับการประท้วงของ กปปส. แต่เราต้องได้รับความยินยอมจากศิลปิน เราจะไม่ทำโดยฝ่ายเดียว เนื่องจากเป็นความผิดพลาดของพวกเราร่วมกัน" ลิม จงยอง กล่าวเพิ่มเติม
36 ปีเหตุการณ์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกวางจู ก่อนนำตัวผู้บงการขึ้นศาลในปี 2539
สำหรับขบวนการประชาธิปไตยกวางจู หรือเหตุการณ์ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 เป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมต่อต้าน นายพลชุน ดูฮวาน ที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลชอย คูฮาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2522 โดยท้ายที่สุดทหารเกาหลีใต้สามารถยึดเมืองกวางจูคืนจากผู้ประท้วงได้ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 มีผู้เสียชีวิต 165 ราย สูญหาย 76 ราย บาดเจ็บสามพันห้าร้อยราย ขณะที่ทหารและตำรวจเสียชีวิต 13 ราย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 ศาลอาญาประจำโซล มีคำตัดสินประหารชีวิตนายพลชุน ดูฮวาน จำเลยที่หนึ่ง และจำคุกนายพลโน แทอู จำเลยที่สอง 22 ปี 6 เดือน และจำคุกนายพลอื่นๆ อีก 13 คน
000
จดหมายเปิดผนึกของธนาวิ โชติประดิษฐ เมื่อ 12 พ.ค. 2559 (ฉบับแปลอย่างไม่เป็นทางการ)
เรียน คุณลิมจงยอง
ข้าพเจ้าเป็นนักประวัติศาสตร์ศิลปินชาวไทยที่อยู่ในกรุงเทพฯ และผู้สังเกตการณ์ศิลปะร่วมสมัยของไทย ข้าพเจ้าเขียนจดหมายมายังท่านต่อเรื่องนิทรรศการ 'The Truth_To Turn It Over' โดยในการคัดเลือกผลงานของคุณ ที่ได้เลือกงาน 'Thai Uprising' ของสุธี คุณาวิชยานนท์ สำหรับจัดแสดงในนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับการรำลึกถึง 36 ปี ของขบวนการประชาธิปไตย 18 พฤษภาคมนั้น วันนี้ได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักในหมู่ผู้ใช้เฟซบุ๊คชาวไทย โดยจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่จดหมายสำหรับศิลปิน แต่เป็นจดหมายถึงภัณฑารักษ์ผู้รวบรวมผลงานแสดง
อาร์ทเลน (Art Lane) เป็นส่วนหนึ่งของการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ไม่เพียงแค่เป็นการประท้วงกฎหมายนิรโทษกรรมสมัยยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในปี 2556 เท่านั้น แต่ยังเป็นการปูทางไปสู่การรัฐบาล ผลงานชุด "Thai uprising" ในปี 2556-2557 ที่คุณเลือก แสดงออกอย่างชัดเจนว่าคือการต่อต้านรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เคียงข้างไปกับศิลปินอื่นๆ ของมหาวิทยาศิลปากร และศิลปินที่แสดงผลงานทางการเมือง สุธีมีบทบาทอยู่ในขบวนการต่อต้านประชาธิปไตย พวกเขาระดมทุนเพื่อ กปปส. กลุ่มกดดันทางการเมืองที่นำโดยอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ สุเทพ เทือกสุบรรณ และเมื่อกองทัพยึดอำนาจด้วยการรัฐประหารในปี 2557 ศิลปินเหล่านี้ก็ต้อนรับการรัฐประหารนี้
พวกเขาเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลทหารนับตั้งแต่นั้น แน่นอนศิลปินทั้งหลาย ทั้งเขาและเธอมีสิทธิเลือกข้าง และแม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อจุดยืนทางการเมืองของสุธี ข้าพเจ้าก็เคารพเขาด้วยความจริงใจที่เขาพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาชัดเจน (ข้าพเจ้าตระหนักเป็นอย่างดีว่าสถานการณ์ของกลุ่มอื่นมีความต่างกัน ประเทศไทยไม่ได้มีพื้นที่เสรีและยุติธรรมพอสำหรับการพูดและการแสดงออก) เนื่องจากการที่เขาสนับสนุนรัฐบาลทหารเป็นสิ่งที่โจ่งแจ้ง ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสงสัยที่ท่านในฐานะภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ "2016 Asian Democracy-Human Rights-Peace" จึงเลือกให้เขามีส่วนร่วมกับงานนิทรรศการ ท่านได้ทำการบ้านค้นคว้าเกี่ยวกับศิลปะไทย ศิลปินไทย และความขัดแย้งทางการเมืองปัจจุบันหรือไม่
ทั้งนี้มักจะมีกระบวนการจัดทำนิทรรศการชนิดขี้เกียจที่คู่กันไปกับภัณฑารักษ์ผู้เดินทางไปทั่วโลก แล้วมักจะเลือกศิลปินคนดังจากแต่ละประเทศด้วยความมักง่าย อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าหวังว่ากรณีนี้จะไม่เป็นหนึ่งในนั้น
ด้วยความนับถือ
ธนาวิ โชติประดิษฐ
จดหมายเปิดผนึกจาก “นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย” (กวป.) ถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู - กรณีนำผลงานของ รศ. สุธี คุณาวิชยานนท์ ไปจัดแสดงในนิทรรศการ ‘The Truth_ to Turn It Over’
สืบเนื่องจากที่ รศ. สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินไทยได้ร่วมแสดงนิทรรศการชุด ‘The Truth_ to Turn It Over’ ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจู พวกเราขอแสดงความกังวลเกี่ยวเนื่องกับแนวทางศิลปะของเขา กับจุดยืนทางการเมือง และจิตวิญญาณการต่อสู้ของชาวกวางจู เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าสุธีเข้าร่วมกับ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (กปปส.) ซึ่งนำมาสู่วิกฤตทางการเมืองและรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 กปปส. เป็นขบวนการเคลื่อนไหวที่มุ่งหมายโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีการปิดถนนหลายสายในกรุงเทพฯ ปิดสำนักงานของรัฐบาล รวมถึงปิดกั้นไม่ให้ประชาชนไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2557 กปปส. กล่าวหาว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวไทยส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดที่ยากจนและไร้การศึกษา ดังนั้นคนเหล่านี้จึงถูกซื้อจากนักการเมืองได้ และพวกเขายังเชื่อว่าการเลือกตั้งทั่วไปปี 2557 เป็นเพียงการรักษาอำนาจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เท่านั้น ในขณะที่ กปปส. ปฏิเสธการเจรจากับตัวแทนรัฐบาล แต่กลับเรียกร้องให้มีการตั้งรัฐบาลพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ด้วยวิธีการต่าง ๆ การกระทำของพวกเขานำมาซึ่งการเข้าแทรกแซงของทหาร ส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่นั้นมา
กปปส. มองข้ามข้อเท็จจริงว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. เป็นอดีตรองนายกฯในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้กองทัพสลายการชุมนุมของ “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” (นปช.) ซึ่งชุมนุมประท้วง ณ ใจกลางกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 10 เมษายน – 19 พฤษภาคม 2553 จนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน ศาลไทยได้มีคำวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องด้วยแล้วว่าเจ้าหน้าที่ทหารไทยใช้อาวุธยิงประชาชน ขณะที่ผู้ชุมนุม นปช. ถูกคุมขังและพิพากษาว่าละเมิดกฎหมาย สุเทพและสมาชิกคณะรัฐมนตรียังคงลอยนวล เหลือไว้เพียงข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่ได้มีเพียงผู้ชุมนุม นปช. เท่านั้นที่ถูกฆ่าและถูกขัง แต่ยังรวมถึงประชาชนธรรมดาที่ไม่มีแรงจูงใจทางการเมืองใด ๆ นักวิชาการบางคนเปรียบเทียบเหตุการณ์ 10 เมษาฯ – 19 พฤษภาฯ ว่าคล้ายกับการที่ชุนดูฮวาน (อดีตผู้นำเผด็จการเกาหลีใต้-ผู้แปล) ปราบปรามการลุกขึ้นสู้ของชาวกวางจู ที่เลวร้ายที่สุดคือการที่ผู้สนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิจำนวนมากเชื่อว่าสมควรแล้วที่ผู้ชุมนุม นปช. จะถูกปราบปรามด้วยความรุนแรง
หลังการปราบปราม รัฐบาลอภิสิทธิยุบสภาและกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย (ด้วยการสนับสนุนจากสมาชิก นปช.) ได้รับเลือกและกลายเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายสุเทพ กลายเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาลยิ่งลักษณ์พยายามที่จะหาหนทางสร้างความปรองดองโดยร่าง พรบ.นิรโทษกรรม รัฐบาลของเธอล้มเหลวในการผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่เต็มไปด้วยข้อถกเถียงและก่อให้เกิดความโกรธแค้นจากหลายฝ่าย รวมถึง กปปส. แล้วประชาธิปไตยของประเทศไทยก็หยุดชะงักนับแต่นั้นมา
ระหว่างการชุมนุมประท้วงปิดเมืองกรุงเทพฯ ของ กปปส. สุธีและเพื่อนศิลปินได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนให้ขบวนการเคลื่อนไหว กปปส. แทนที่จะส่งเสริมประชาธิปไตยและการปกครองโดยรัฐบาลพลเรือน ผลงานของเขาที่นำไปแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะกวางจูเป็นผลงานที่ทำขึ้นระหว่างร่วมชุมนุมกับ กปปส. อันนำพาความถดถอยของประชาธิปไตยไทย อาทิ โปสเตอร์ที่ใช้เทคนิคฉลุลาย เสื้อยืดสำหรับผู้สนับสนุน กปปส. และ อื่น ๆ ศิลปิน กปปส. ยึดถนนเพื่อปิดกั้นการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งก่อชนวนเปิดโอกาสให้ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน และเปลี่ยนจากประเทศที่มีอนาคตที่สดใสทางประชาธิปไตย กลับกลายเป็นการควบคุมโดยสมบูรณ์จากชนชั้นสูงและปกครองโดยทหารตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557
แม้ว่ารัฐบาลเผด็จการของไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการทบทวนรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย (หรือ UPR) เมื่อวันที่12 พฤษภาคม 2559 อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนี้ ศิลปิน กปปส. ก็ได้จัดกิจกรรม Art Lane เพื่อระดมทุนสำหรับการสร้างวิทยาลัยของพวก กปปส.ด้วยเช่นกัน นิทรรศการของสุธีไม่เพียงแต่เป็นการดูหมิ่นขบวนการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยของไทยและ ประวัติศาสตร์การพัฒนาประชาธิปไตย แต่หมายรวมถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของชาวกวางจูเมื่อ 18 พฤษภาคม
พวกเราใคร่ขอถาม Jong Young Lim ภัณฑารักษ์ของนิทรรศการ และคณะกรรมการของถึงกระบวนการคัดเลือกและเหตุผลที่เชิญสุธีเข้าร่วมในนิทรรศการครั้งนี้ พวกเราเชื่อในเสรีภาพในการแสดงออกว่ามีความสำคัญต่อศิลปิน แต่พวกเราต้องการแสดงความกังวลที่นิทรรศการของสุธีมีข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของกวางจู ด้วยความเคารพต่อหลักการดังกล่าวพวกเราใคร่ขอคำอธิบายหลักและเหตุผลในการคัดสรรศิลปินและผลงาน เพื่อความกระจ่างชัดต่อชาวไทยและชาวกวางจู
ด้วยความสมานฉันท์
นักกิจกรรมวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย (กวป.)
ดังรายชื่อแนบท้าย
2. Akara Pacchakkhaphati Film Maker
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)