17 พ.ค.2559 จากเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ได้คาดการณ์ว่าประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลกระทบกับงบประมาณภาครัฐที่ต้องจ่ายสวัสดิการให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่เกิน 60 ปีขึ้นไป โดยในอนาคตจะมีการปรับการจ่ายสวัสดิการ หรือเงินเบี้ยคนชรารายเดือนที่ให้ผู้สูงอายุใหม่ โดยจะเลือกจ่ายให้กับผู้ที่จำเป็นและต้องการได้รับความช่วยเหลือจริง จากปัจจุบันจ่ายให้คนละ 600 บาทต่อเดือน โดย ในเบื้องต้นจะต้องกำหนดเกณฑ์ขึ้นมาว่าหากผู้สูงอายุมีรายได้รวมเกิน 9,000 บาทต่อเดือน หรือสินทรัพย์เกิน 3 ล้านบาท จะไม่ได้รับสิทธิ์เบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำให้ลดภาระงบประมาณลงไปได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันรัฐต้องจ่ายถึง 6 - 7 หมื่นล้านบาท จากผู้ได้รับสิทธิ์กว่า 10 ล้านคน (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)
โดยที่ต่อมา 15 พ.ค. 59 ผู้จัดการออนไลน์ รายงานด้วยว่า วิสุทธิ์ กล่าวว่า ซึ่งปัจจุบันมีผู้สูงอายุได้รับสิทธิ์ประมาณ 10 ล้านคน โดยเฉพาะในอนาคตที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ซึ่งจะทำให้มีภาระในส่วนนี้เพิ่มขึ้น เบื้องต้นผู้สูงอายุกลุ่มที่มีรายได้เกินเดือนละ 9,000 บาทหรือมีสินทรัพย์สูงเกินกว่า 3 ล้านบาท จะไม่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ดังนั้นเมื่อตัดงบประมาณส่วนนี้ไป คาดว่าจะช่วยให้รัฐประหยัดงบประมาณได้ปีละ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่เป็นภาระงบประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท
โดยรัฐจะเร่งทำการสำรวจเเละเก็บข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยต่อไป นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นเงินให้กับผู้สูงอายุที่ต้องการใช้เงินในยามเกษียณซึ่งจะเหมาะกับคนไม่มีลูกหลาน
วิสุทธิ์ ระบุด้วยว่า หลักการเบื้องต้นคือ จะต้องมีทรัพย์สินปลอดภาระหนี้เพื่อนำมาขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ซึ่งจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอายุมูลค่าทรัพย์สิน และอัตราดอกเบี้ยโดยจะเลือกได้ระหว่างได้เป็นก้อนเดียวหรือจะรับเป็นรายเดือน
ประยุทธ์เชื่อตัดเบี้ยผู้สูงอายุมีฐานะคงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่
จากประเด็นดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุม ครม. ว่า เรื่องลดเบี้ยผู้สูงอายุ เป็นการที่ต้องให้ไปดูว่าที่ศึกษามาลดเพราะอะไร บางคนมีรายได้เพียงพอแล้ว บางทีมากกว่าคนที่ทำงานรายวันอีก ถ้าเราไปกำหนดด้วยอายุอย่างเดียว อาจจะใช้งบประมาณไม่ตรงเท่าไหร่ จริง ๆ ผู้สูงอายุคงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ เพราะเงินแค่ 600 - 1,000 บาท ถ้าทุกคนมีเงินฝาก 3 ล้านในบัญชี รายได้เดือนละ 9,000 บาท ถามว่าจนหรือไม่ ต้องดูอย่างนี้จะได้เหลือเงินไปทำตรงอื่น ทั้งเรื่องสังคมสูงอายุ รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี จะเอาเงินจากที่ไหนถ้าไม่ใช้ให้ถูกต้องทุกคนต้องช่วยกัน หลายคนบอกว่ามันเป็นสิทธิประชาธิปไตย แต่คำว่าประชาธิปไตยไม่ใช่ว่าเท่ากันได้ทุกคนมันต้องมีช่องว่างการที่ต้องปรับกันอย่างไร
รอง หน.ปชป.อัดแก้ไม่ถูกจุด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)