Skip to main content
sharethis

26 พ.ค.2559 เวลา 16.00 น. ที่ ศาลจังหวัดระยอง ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกคดีน้ำมันรั่วไหลลงทะเลระยอง โดยสืบนายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือระยองปากแรกแต่ยังซักถามไม่สิ้นสุด จึงนัดสืบพยานต่อ 7-8 มิ.ย.นี้

ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ศาลได้นัดสืบพยานโจทย์ปากแรก ได้แก่ สำออย รัตนวิจิตร นายกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือและระยอง โดยซักถามเรื่องความเป็นตัวแทน ‘สมาคมประมงพื้นบ้านเรือระยอง’ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชาวประมงที่ได้รับผลกระทบหลายร้อยคน ซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมประมงพื้นบ้านเรือระยอง และอธิบายประเด็นสภาพแวดล้อมการทำมาหากินและพื้นที่ทะเลก่อนมีเหตุการณ์น้ำมันรั้ว แต่ศาลยังซักถามไปไม่ถึงประเด็นเหตุการณ์น้ำมันรั้วเนื่องจากเวลาไม่พอ ศาลจึงนัดสืบพยานต่อวันที่ 7-8 มิ.ย.2559

สืบเนื่องจากสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยอง ชาวประมงพื้นบ้าน และกลุ่มแม่ค้าผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (พีทีทีจีซี – บริษัทในเครือ ปตท.) รั่วไหลออกทะเลพื้นที่จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2556 รวม 429 ราย ได้ยื่นฟ้อง บริษัท พีทีทีจีซี ในฐานะผู้ก่อมลพิษ ต่อศาลจังหวัดระยอง โดยขอให้มีการชดใช้ค่าเสียหายจากการสูญเสียรายได้ในการประกอบอาชีพและขอให้มีการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติจากปัญหาน้ำมันรั่ว

แถลงการณ์สมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยอง ร้องให้บริษัทรับแผนฟื้นฟู

ในวันเดียวกัน (26 พ.ค.2559) สมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยอง ออกแถลงการณ์ ขอให้บริษัท พีทีทีจีซี เคมีคอล จำกัด (มหาชน) รับแผนฟื้นฟูทะเลระยองจากผู้ได้รับผลกระทบ และให้ดำเนินการส่งแผนฟื้นฟู

เนื้อหาในแถลงการณ์  สืบเนื่องจากเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลในอ่าวทะเลระยอง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท พีทีทีจีซี เคมีคอล จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย ต่อศาลจังหวัดระยอง โดย 20 เม.ย 2559 ศาลได้ทำการไกล่เกลี่ย ซึ่งบริษัทมีข้อเสนอว่า จะรับแผนฟื้นฟูทะเลระยองจากผู้ได้รับผลกระทบ และให้ดำเนินการส่งแผนฟื้นฟูให้บริษัทเพื่อพิจารณาก่อนวันที่ 17 พ.ค.2559

ดังนั้น  สมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยอง   และเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจึงได้ดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟู ได้ไปติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีน้ำมันดิบรั่วไหลในอ่าวทะเลระยองของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)ตามที่ได้ร้องเรียน และได้ยื่นแผนฟื้นฟูต่อ กสม.เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม และในวันเดียวกันก็ส่งมอบให้บริษัท พีทีทีจีซี เคมีคอล จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเป็นผู้รับไว้

ต่อมา 13 พ.ค. 2559 ยื่นต่อรองผู้ว่าราชการจังหวัดระยองเพื่อรับทราบและหาแนวทางแก้ไขร่วมกันตามแนวทางของแผนฟื้นฟูทรัพยากรที่ได้นำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดระยองไว้ก่อนแล้ว 17 พ.ค.2559 สมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กจังหวัดระยองและผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมทนายความจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชนและครือข่าย ได้แถลงต่อศาลจังหวัดระยองว่าได้ส่งแผนฟื้นฟูเสนอแนวทางฟื้นฟูอ่าวระยองต่อบริษัท พีทีทีจีซี เคมีคอล จำกัด (มหาชน) เมื่อ 12 พ.ค. 2559 แต่ยังไม่บริษัทยังไม่สามารถรับเงื่อนไขได้ ศาลจังหวัดระยองจึงให้สืบพยานต่อไปเนื่องจากการเจรจาไม่เป็นผล โดยนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 26 พ.ค.2559

โดยเนื้อหาตอนท้าย กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านและผู้ได้รับผลกระทบ แถลงว่า ยังไม่ทราบเจตนาของบริษัทว่าจะมีแนวทางหรือวิธีการอย่างไรกับการแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่ทางบริษัทเป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น แม้ว่าบริษัทได้มีการแก้ไขในบางส่วนแล้ว แต่การแก้ไขดังกล่าวยังไม่ตรงจุด และไม่ครอบคลุมปัญหาทั้งหมด  จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ก่อให้เกิดมลพิษดำเนินการฟื้นฟูตามแผนฟื้นฟูที่ได้เสนอไว้

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net