26 มิ.ย.2559 จากเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2559 มีนักกิจกรรมจากกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ (NDM) นักกิจกรรม รามคำแหง และกลุ่มสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ รวม 13 คน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจควบคุมตัวตั้งแต่วันนี้ที่หน้านิคมอุตสาหกรรมบางพลี จ.สมุทรปราการ เนื่องจากไปแจกแผ่นพับและเอกสารให้ความรู้เรื่องร่างรัฐธรรมนูญและการลงประชามติ (อ่านข่าวที่นี่) ต่อมาถูกแจ้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/58 ข้อ 12 เรื่องชุมนุมทางการเมืองจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยในจำนวนนั้นมีผู้ขอประกันตัว 6 ราย ที่เหลืออีก 7 รายยืนยันว่าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดจึงไม่ขอประกันตัว ทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่นำตัวมาศาลทหารเพื่อขออนุญาตฝากขัง โดยที่ 6 ราย ขอประกันตัวและได้รับการปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพและ ทัณฑสถานหญิงกลางเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ขณะที่ 7 รายที่ไม่ยืนประกันตัวนั้นถูกฝากขังที่เรือนจำดังกล่าว (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)
ชมรมศึกษาสิทธิฯ มหิดล ขอรัฐยุติดำเนินคดี 13 รณรงค์ประชามติ
ล่าสุดมีองค์กรสิทธิและกิจกรรมทางสังคมออกแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าว วันนี้ (26 มิ.ย.59) ชมรมศึกษาสิทธิมนุษยชนและสันติภาพมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า การจับกุมและดำเนินคดีต่อนั
เนื่องจากการออกเสียงประชาม
1. การรณรงค์ของประชาชนเพื่อชี
2. คณะกรรมการการเลือกตั้งมีหน
3. ผู้มีอำนาจควรยกเลิกข้อกล่า
"ทางชมรมศึกษาสิทธิมนุษยชนแล
สถาบันสิทธิฯ มหิดล ขอเลิกตั้งข้อกล่าวหา
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล ออกแถลงการณ์ เรื่อง “การรณรงค์ประชามติและเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน สามารถกระทำได้ โดยไม่ควรมีการตั้งข้อหาว่าชุมนุมทางการเมือง” โดยเห็นว่า การจับกุมดังกล่าวจะส่งผลกระทบที่สำคัญต่อบรรยากาศการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่ควรเป็นไปอย่างเสรีและเที่ยงธรรม จึงขอให้ฝ่ายความมั่นคงทบทวนการปฏิบัติ ด้วย 4 เหตุผลดังนี้ 1. ประชาชนควรมีสิทธิแสดงออกถกเถียงเกี่ยวกับเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 7 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2559 การรณรงค์ถือเป็นการเผยแพร่ความคิดเห็นรูปแบบหนึ่ง สามารถทำได้ เท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย
2. การแจกเอกสาร สวมเสื้อ พูดคุย และวิธีการอื่น โดยมิได้มีการข่มขู่คุกคาม ย่อมไม่ขัดต่อบทบัญญัติตามมาตรา 61 วรรคสอง ของพ.ร.บ.ดังกล่าว 3. การรณรงค์ประชามติไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง เพราะไม่ได้มุ่งหวังลดทอนให้มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจ การใช้อำนาจดังกล่าวจึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง กลายเป็นการสร้างบรรยากาศแห่งความกลัว แทนที่จะเป็นการสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ก่อนวันตัดสินใจลงคะแนน และ 4. ผู้รณรงค์ประชามติมีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หากเจ้าหน้าที่เลือกตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงกับเฉพาะฝ่ายที่เห็นต่าง ก็จะเป็นการเลือกปฏิบัติและนำไปสู่ความไม่เที่ยงธรรม อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันฯขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจพิจารณายกเลิกการตั้งข้อหาผู้รณรงค์ประชามติ ฐานขัดคำสั่งคสช. เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง และให้ประกาศอย่างชัดเจนว่า การรณรงค์ประชามติสามารถทำได้ เท่าที่ไม่ขัดกับมาตรา 61 ของ กฎหมายประชามติ
ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือแถลงประณาม
ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ ออกแถลงการณ์ต่อต้านการจับกุมผู้เคลื่อนไหวรณรงค์เรื่องประชามติดังกล่าว พร้อมทั้งชื่นชมความกล้าหาญและเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนเราที่ถูกจับกุมในการแสดงสิทธิการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่เป็นของประชาชนทุกคน
"เราขอประณามความอ่อนแอและเย้ยหยันต่อคณะรัฐประหาร ในการทำลายสิทธิการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่เป็นของประชาชนทุกคนและเราจะยืนอยู่ฝ่ายสามัญชน ผู้เชื่อมั่นในอำนาจการกำหนดอนาคตของตนเองโดยประชาชน" ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ
เครือข่ายเพื่อการเมืองและความยุติธรรมในอีสาน
เครือข่ายเพื่อการเมืองและความยุติธรรมในอีสาน ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งยังระบุถึงเหตุการณ์ในวันที่ 24 มิ.ย.ทีผ่านมา นิสิตกลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์และสมาชิกขบวนการประชาธิปไตยใหม่รวม 7 คนได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจับกุมตัวจากการจัดกิจกรรมทำความสะอาดอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ณ วงเวียนหลักสี่ เขตบางเขน ในขณะเดียวกัน ขบวนการอีสานใหม่ได้ทำกิจกรรม “เดินเพื่อสิทธิชีวิตคนอีสาน” ก็ปรากฏให้เห็นความพยายามที่จะทำให้หยุดการเคลื่อนไหวจากฝ่ายผู้ไม่เห็นด้วย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)