Skip to main content
sharethis

22 ก.ค.2559 พล.อ.วลิต โรจนภักดี รองผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุการณ์มีผู้ฉีกบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องติดตามดูแลตามหน้าที่และตามนโยบายที่ได้รับมอบหมาย ตนไม่ได้มีความเป็นห่วงแต่อย่างใด

ส่วนการที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้ทุกจังหวัดเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นร่างรัฐธรรมนูญทุกพื้นที่ พล.อ.วลิต กล่าวว่า ขอให้ไปสอบถามจาก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาฯ คสช.โดยตรงว่า คสช.จะให้การสนับสนุนอย่างไร

“อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเป็นเรื่องดีที่ประชาชนเริ่มมีความตื่นตัวในการเตรียมออกไปใช้สิทธิลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญมากขึ้นในช่วงใกล้วันลงประชามติ 7 สิงหาคมนี้ เพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการตระหนักในสิทธิและหน้าที่ของตนเอง” พล.อ.วลิต กล่าว
 

ปธ.กกต. ชี้ ฉีก-เผาบัญชีชื่อผู้มีสิทธิไม่ทำให้ประชามติล่ม

ศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย  ถึงกรณีฉีก และเผาทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียง ว่า กกต.ได้รับรายงานมีการ ฉีก เผาทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงใน 8 จังหวัด คือ ขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์   กำแพงเพชร กาญจนบุรี  สตูล สุพรรณบุรี  และ กทม. ซึ่งในแต่ละจังหวัดได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว ถือว่าเล็กน้อย ถ้าเทียบกับหน่วยเลือกตั้งที่มีเกือบแสนหน่วย

ศุภชัย กล่าวว่า ใน กทม. จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้แล้ว ส่วนพื้นที่ จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า อาจเกิดจากวัยรุ่นคึกคะนอง หรือการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากในท้องถิ่นดังกล่าวมีความขัดแย้งมายาวนาน การเผาบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิหรือทำลาย ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้น และมากกว่าครั้งนี้ บางทีหัวคะแนนไปดึงเอาบัญชีจากที่ติดประกาศไว้ เพื่อนำดำเนินการบางอย่าง

ศุภชัย กล่าวว่า ได้กำชับให้เร่งกวดขัน และกำชับเครือข่ายพลเมืองอาสาของเรา ให้ช่วยกันสอดส่องดูแล ถ้าพบเหตุให้รีบแจ้ง รวมถึง สามารถใช้แอพพลิเคชั่นตาสับปะรดแจ้งเข้ามาได้ การกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย ถ้าตีความว่าก่อความวุ่นวาย จะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 61(1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ถ้ามีจำนวน 5 คนขึ้นไป ความผิดจะเพิ่มมากขึ้น คือจำคุกไม่เกิน 10 ปี   ปรับไม่เกิน 20,000 ถึง 200,000 บาท เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี นอกจากนี้ ยังอาจเข้าข่ายความผิดมาตรา 57 ฐานขัดขวางการลงประชามติ

“การกระทำดังกล่าวอาจเป็นคึกคะนอง รู้เท่าไม่ถึงการณ์  ลัทธิเอาอย่าง มันไม่มีประโยชน์ การฉีกบัญชีดังกล่าว เราสามารถไปก็ติดใหม่ได้  เรามีสำรองไว้ แต่ท่านทำผิดติดคุก   อย่าไปทำเลย และคิดว่าไม่บานปลายจนทำให้ทำการทำประชามติต้องล้มเลิกไป” ศุภชัย กล่าว

เมื่อถามถึง กรณีมีรายชื่อผู้ใช้สิทธิเกินในบ้าน วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี  นายศุภชัย กล่าวว่า ถ้ามีรายชื่อเกิน สามารถไปแจ้งให้เพิกถอนออกจากบัญชีได้เห็น  และขณะนี้มีที่บ้านนายวีรพงษ์คนเดียวเท่านั้น

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net