Skip to main content
sharethis

พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สนอภิสิทธิ์ประกาศไม่รับร่าง รธน. ส่วนข้อเสนอให้ตนนำร่างเองหากไม่ผ่านประชามตินั้นมองเป็นการประชดมากกว่า ชี้ถ้าร่างใหม่ตนก็แค่ตั้งคณะขึ้นมาใหม่ขึ้นมาแค่นั้น ระบุยกเว้นไม่มีคนในประเทศไทยร่างได้ ตนถึงจะร่างได้ ยันรัฐบาลพร้อมรับผลประชามติ ถือเป็นเสียงประชาชน

แฟ้มภาพประชาไท

เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่สน เพราะไม่รับก็คือไม่รับ ในกรณีที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงจุดยืนไม่รับร่างรธน. ส่วนกรณีที่อภิสิทธิ์ต้องการให้นายกรัฐมนตรีเป็นนำผู้ร่างเองนั้น  มองว่าเป็นการพูดประชดมากกว่า เพราะการร่างรัฐธรรมนูญต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่าง เพราะตนคนเดียวไม่สามารถร่างรัฐธรรมนูญเองได้ และอยากให้เห็นใจผู้ร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 2 คณะ ไม่ให้ดูถูกด้อยค่า เพราะการร่างรัฐธรรมนูญเป็นการนำปัญหาทั้งหมด มาแก้ไขและวางอนาคต แต่การประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและโจมตีผู้ร่างรัฐธรรมนูญ จะไม่มีใครมาร่างรัฐธรรมนูญอีก ซึ่งตนจะร่างรัฐธรรมนูญเองแต่เมื่อประเทศไม่มีผู้ร่างรัฐธรรมนูญแล้ว 

"จริงๆ ผมร่างเอง ผมร่างก็ต้องใช้คนร่าง ไม่ใช่ผมร่าง ผมพูดว่าร่างเอง ผมก็ตั้งคณะขึ้นมาใหม่ ก็แค่นั้น แต่ให้เห็นใจคนร่างมา 2 คณะบ้างนะ ไม่ใช่เขาถูกด่อยค่าดิสเครดิตเขาตลอด สงสารคนทำเขาบ้าง เขาก็ทำหวังดีเต็มที่ เขาก็เอาปัญหาของเก่ามาคลี่ดู แล้วอนาคตจะทำยังไงให้เกิดความเชื่อมั่นไว้วางใจกันระหว่างประชาชนกับนักการเมือง มันก็แค่นั้น แล้วคุณจะไปโจมตีคนร่างเขาอีกหน่อยก็ไม่มีคนร่างสิ ถ้าไม่มีคนในประเทศไทยร่างได้ ผมถึงจะร่างได้ ผมถึงจะร่างคนเดียวนั่นล่ะ มันจะไปอะไรกันนักหนา รัฐธรรมนูญคือรัฐธรรมนูญ มันก็จำเป็นกับกรอบทำงาน แต่ถามว่าที่ผ่าทนมามันทำไหมล่ะ มีรัฐธรรมนูญยังไงก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง ไปดูรัฐบาลที่จะมาใหม่จะทำหรือเปล่า ไปดูตรงนั้น คนไทยต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงนะ เพราะว่าถ้าเราต้องการสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นแล้วเรายังทำตัวเหมือนเดิม ต้องการเหมือนเดิมโดยที่ไม่ฟังเหตุฟังผลขยายความขัดแย้งกันต่อ แล้วมันจะเกิดไปได้อย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

รัฐบาลพร้อมรับผลประชามติ ถือเป็นเสียงประชาชน

วันเดียวกัน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีอภิสิทธิ์ ประกาศจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แม้แต่ในพรรคประชาธิปัตย์เอง ส่วนรัฐบาลไม่ได้รู้สึกหนักใจหรือกดดันแต่ประการใด

“นายกรัฐมนตรีพูดชัดเจนว่า ไม่ว่าผลการออกเสียงจะเป็นเช่นไรก็ต้องยอมรับ เพราะถือเป็นเสียงของประชาชน ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านความเห็นชอบของประชาชนหรือไม่ รัฐบาลยังคงมีหน้าที่ที่จะต้องทำตามโรดแมป เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
 
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า จากการการแสดงความเห็นของนายอภิสิทธิ์และนักการเมืองคนอื่น ๆ รวมถึงนักวิชาการ นักศึกษา สื่อมวลชนผ่านช่องทางหลากหลาย ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ หรือโซเชียลมีเดียอยู่ทุกวัน  เป็นเครื่องยืนยันได้ชัดเจนว่า รัฐบาลไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพในการถกเถียงหรือแสดงความคิดเห็น แต่กลับเปิดกว้างให้สังคมดำเนินการได้อย่างเสรี เพื่อรักษาบรรยากาศที่ดีของบ้านเมือง การแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ของคนในสังคม จะต้องไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง หรือใช้ถ้อยคำเสียดสี ถากถาง หรือหยาบคาย เพราะวันนี้สังคมไทยต้องการการปฏิรูปให้มีความเจริญก้าวหน้า ประชาชนมีระดับจิตใจที่สูงขึ้น เช่นเดียวกันประเทศที่พัฒนาแล้ว
 
“จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผ่านโพลต่าง ๆ จะเห็นว่าเริ่มตื่นตัวและสนใจการลงประชามติมากขึ้น เช่น ผลสำรวจล่าสุดของมาสเตอร์โพลที่ระบุว่า แกนนำชุมชนส่วนใหญ่เคยอ่านร่างรัฐธรรมนูญแล้ว และเห็นว่าการทำประชามติจะนำไปสู่ประชาธิปไตย ขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน รัฐบาลจึงอยากให้พี่น้องประชาชนศึกษาร่างรัฐธรรมนูญจากแหล่งต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถืออย่างรอบด้าน รวมทั้งสำรวจตรวจสอบสิทธิ์ สถานที่ลงประชามติ และขั้นตอนวิธีการลงประชามติให้เข้าใจก่อนไปออกเสียงในวันที่ 7 ส.ค.นี้”  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net