เพจพลเมืองโต้กลับปล่อยคลิปสัมภาษณ์เหตุผลที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หรือ โหวตโน โดยในเบื้องต้นมีการปล่อยคลิปของ 3 คนคือ ลูกแก้ว โชติรส, เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ และ  พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน

ลูกแก้ว โชติรส นักเขียนรุ่นใหม่ กล่าวว่า “ประเทศไทยสิบปีที่ผ่านมาเสียเวลาไปกับการหยุดนิ่งเฉยๆ หรือไม่ก็สลับกับการถอยหลัง ตอนนี้เรากำลังกลับหัวกลับหางประชาธิปไตย เราฟังอำนาจจากเสียงข้างน้อยและละเมิดสิทธิเสียงข้างมาก สิ่งเหล่านี้ทำให้สิบปีที่ผ่านมาเสียงของประชาชนถูกทำให้ไม่เท่ากัน คนบางกลุ่มเสียงดังขึ้นจากอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ขณะที่คนบางกลุ่มถูกกลืนหายไป ผลที่ได้คือ เราอยู่ในสิบปีที่ปราศจากการตั้งคำถาม เราไม่เคยตั้งคำถามเลยว่าคนโกงที่เราบอกเป็นเพราะว่าเราตรวจสอบได้ ขณะที่คนบางกลุ่มเรารู้สึกว่าเขาไม่โกง แต่จริงๆ แล้วเราไม่เคยตรวจสอบเขาได้เลยหรือโดนห้ามตรวจสอบ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเสรีภาพ กินแซนด์วิชก็ไม่ได้ อ่านหนังสือก็ไม่ได้ ยืนเฉยๆ ก็ไม่ได้ นี่เป็นผู้บริหารประเทศหรือตัวตลก”

“ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีอะไรยึดโยงกับประชาชนเลย ถ้าเราโหวตรับร่างไปมันจะแก้ไขไม่ได้อย่างน้อย 5 ปี หรือในทางปฏิบัติแล้วมันแก้ไขไม่ได้เลยในกติกา มันจะต้องวนเวียนอยู่กับการแก้ไขนอกกติกา ซึ่งสิบปีที่ผ่านมามันพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นสิบปีที่เราเสียเวลาและถอยหลังกลับไป”

เจษฎา กล่าวว่า “เหตุผลหลักที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่จะมีการลงประชามติกันนี้เพราะกระบวนการ ที่มาของร่าง ไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจ ไม่ได้ให้โอกาสประชาชนส่วนใหญ่เข้ามาช่วยร่างเหมือนสมัยปี 2540 แต่เป็นกลุ่มคณะที่มีการร่างตามที่มีการสั่งการลงมาด้วยซ้ำว่าให้ร่างในลักษณะไหนบ้าง และเนื้อหาก็ไม่ค่อยสอดคล้องกับประชาชนเท่าไร อย่างที่สองคือ ร่างรัฐธรรรมนูญนี้มีกลไกในการแก้ไขที่ยากมาก หรืออาจเรียกได้ว่าไม่สามารถแก้ไขได้เลย ฉะนั้น ถ้าเจอข้อผิดพลาดข้อไหนก็ตามซึ่งผมเจอเยอะมากเลย ก็ไม่สามารถหวังได้ว่าจะเอาไปแก้ไขในอนาคต”

เพนกวิน กล่าวว่า “ช่วงเวลาสิบปีกว่าที่ผ่านมานี้ ผมหรือคนรุ่นผมซึ่งก็น่าจะมีหลักล้านคน ใช้ชีวิตกับระบบการเมืองแบบใหม่ที่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าประชาธิปไตยได้หรือเปล่า จากเดิมที่คิดว่าประชาธิปไตยคนควรจะคิดได้อย่างเสรี สุดท้ายคนทุกคนถูกบังคับให้คิดเหมือนกัน เชื่อเหมือนกัน พูดเหมือนกัน กลายเป็นว่าตอนนี้เราไม่มั่นใจแล้วว่าเราอยากเป็นในสิ่งที่เราอยากเป็น ได้ในสิ่งที่อยากได้ ทำในสิ่งที่อยากทำ ปี 2540 นักวิชาการ นักการเมือง ทุกภาคส่วนมานั่งถกกันว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานควรเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในที่สุดเราก็ได้มาซึ่งการเรียนฟรี 12 ปีขั้นพื้นฐานและเราได้มาซึ่งการกระจายอำนาจซึ่งทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้ ออกแบบการศึกษาได้ในท้องถิ่นของตัวเอง นี่คือเรื่องเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผ่านมาถึงพ.ศ.นี้ 2559 เราต้องย้อนกลับไปเถียงว่า ม.ปลายจะฟรีไหม ทุกครั้งที่เราร่างรัฐธรรมนูญใหม่ สร้างอะไรใหม่ๆ มันควรจะไปไกลกว่าเดิม เมื่อเรามี รัฐธรรมนูญใหม่จากเดิมที่เรามีเรียนฟรี 12 ปี เรามี ม.ปลายฟรี ก็ควรจะมีต่อไป เราอาจจะมีมหาวิทยาลัยฟรี หรือปริญญาโทฟรี หรือปริญญาเอกฟรี แต่ไม่ใช่ย้อนกลับไปถึงแค่ม.ต้นฟรีเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้”

“ทุกครั้งที่เราออกมาเคลื่อนไหวหรือเรียกร้องอะไรก็ตาม เรากำลังเรียนรู้สิ่งที่เป็นอยู่และกำลังจะเกิดขึ้น เราไม่ได้แค่พัฒนาตัวเองแต่เรากำลังเคลื่อนสังคม เมื่อผู้ใหญ่ไม่สามารถปั้นโลกที่เราอยากอยู่ให้เราอยู่ เราก็จำเป็นต้องปั้นมันขึ้นมาเอง เมื่อไม่มีแสงแห่งความหวัง เราก็ต้องเป็นคนที่จุดเทียน”

ขณะที่เพจขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) แจ้งว่าจะมีการจัดกิจกรรม จับตามประชามติ ร่วมกันที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป