พระราชประสงค์สละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น-อาจถูกขัดใจจากรัฐบาลอาเบะ

บทความของเดอะการ์เดียน นำเสนอเรื่องของสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะของญี่ปุ่นซึ่งมีพระราชดำรัสเป็นนัยว่าต้องการสละราชสมบัติ เกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาลหัวอนุรักษ์ 'ชินโซ อาเบะ' ซึ่งมีทีท่าอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ล้าหลังคล้ายยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 บทความของนักข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนชวนสำรวจในเรื่องนี้

สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ เมื่อครั้งต้อนรับประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อ 24 เมษายน ค.ศ. 2014 (ที่มา: แฟ้มภาพ/Wikipedia/State Department/William Ng/Public domain)

 

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2559 เว็บไซต์เดอะการ์เดียนนำเสนอบทความเขียนโดยเจค อเดลสไตน์ นักข่าวสืบสวนสอบสวนที่ทำงานในญี่ปุ่น ชื่อบทความว่า "มีแต่เผด็จการที่โหดร้ายเท่านั้นที่จะห้ามไม่ให้สมเด็จพระจักรพรรดิของญี่ปุ่นสละราชสมบัติ" โดยระบุว่าในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นปัจจุบันที่นำโดยนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แสดงท่าทีอยากย้อนกลับไปใช้รัฐธรรมนูญล้าหลังฉบับก่อนหน้าสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ จักรพรรดิมีสถานะดั่งสมมุติเทพ แต่สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะคือผู้ที่วางตัวได้เป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วไปมากและไม่ได้อยากจะเป็นสมมุติเทพเลย

อเดลสไตน์ตั้งข้อสังเกตจากพระราชดำรัสของพระจักรพรรดิผู้มีพระชนมายุ 82 พรรษา ที่สื่อเป็นนัยว่าอยากสละราชสมบัติว่าพระองค์ทรงใช้คำว่า "สัญลักษณ์ของประเทศ" ไม่ต่ำกว่า 7 ครั้ง และการนำเสนอพระราชดำรัสต่อประชาชนในญี่ปุ่นเช่นนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก

ในบทความของอเดลสไตน์ระบุว่าสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะทรงเป็นนักสันตินิยมผู้ต่อต้านการที่จะทำให้ประเทศกลับไปสู่ประเทศที่กองทัพมีอำนาจแบบช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 สมเด็จพระจักรพรรดินีมิจิโกะก็ทรงมีแนวคิดแบบเดียวกันด้วย จากการที่ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปี 2556 พระองค์ทรงตรัสในเชิงสนับสนุนการที่สหรัฐฯ ช่วงวางรากฐานรัฐธรรมนูญฉบับหลังสงครามโลกให้กับญี่ปุ่นที่ช่วยให้ชาวญี่ปุ่นร่วมกันสร้างประเทศกลับคืนมาใหม่ได้ พระราชดำรัสเช่นนี้ของพระองค์ทำให้ฝ่ายขวาในญี่ปุ่นไม่พอใจ

บทความของอเดลสไตน์ระบุอีกว่าสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะยังคงแสดงความไม่พอพระทัยกับการที่ญี่ปุ่นจะกลับไปใช้ใช้ศาสนาชินโตเป็นศาสนาทางการ จากที่ก่อนหน้าปี 2488 มีการใช้ศาสนาชินโตในการส่งเสริมความเป็นสมมุติเทพของสมเด็จพระจักรพรรดิในยุคนั้นเพื่อให้ความชอบธรรมต่อการรุกรานชาติอื่นแบบจักรวรรดิ์นิยมและสร้างอุดมการณ์แบบเชื้อชาตินิยมจัด ทำให้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีทหารญี่ปุ่นหลายล้านคนต้องเสียชีวิตและสังหารผู้อื่นในนามของจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ

แต่สำหรับจักรพรรดิอะกิฮิโตะแล้วพระองค์ไม่ถูกบังคับให้ต้องทรงแสดงออกแบบชาตินิยม เช่นที่ มาร์ค ออสติน นักข่าวชาวสก็อตแลนด์ผู้ทำงานให้กับหนังสือพิมพ์โยมิอุริที่เป็นสื่อหัวอนุรักษ์ในญี่ปุ่นเคยเขียนถึงเรื่องนี้ไว้ในโซเชียลมีเดียว่าจักรพรรดิอะกิฮิโตะเคยทรงตรัสว่าพระองค์มีเชื้อสายมาจากชาวเกาหลีซึ่งเป็นการทำลายข้อห้ามที่มีมานาน ทั้งนี้ในช่วงที่คณะกรรมการการศึกษาประจำกรุงโตเกียวบอกกับพระองค์ว่าพวกเขาสั่งให้ครูทุกคนยืนตรงเคารพเพลงชาติและร้องตามเมื่อเพลงชาติขึ้น จักรพรรดิอะกิฮิโตะก็ทรงตรัสขึ้นว่า "มันไม่ใช่เรื่องที่ดีถ้าจะต้องบังคับกัน"

บทความของอเดลสไตน์ยังระบุถึงการที่จักรพรรดิอะกิฮิโตะมีชื่อเสียงในเรื่องการเยี่ยมเยือนผู้ประสบภัยและการดูแลคนที่อยู่ชายขอบสังคม อย่างคนจน คนพิการ และแม้กระทั่งชาวเกาหลีในญี่ปุ่นที่เรียกว่า "ไซนิจิ" ซึ่งส่วนมากเข้ามาญี่ปุ่นยุคจักรวรรดิในฐานะแรงงานทาส มักจะถูกกล่าวหาเวลาเศรษฐกิจตกต่ำและถูกรังแกอย่างเปิดเผย แม้แต่รัฐบาลปัจจุบันในญี่ปุ่นหลายคนก็เป็นกลุ่มที่ต่อต้านชาวเกาหลีในญี่ปุ่นเหล่านี้

นอกจากนี้ยังมีผลโพลล์ระบุว่าชาวญี่ปุ่นร้อยละ 80 หรือมากกว่ามีความคิดเห็นว่าควรจะอนุญาตให้จักรพรรดิอะกิฮิโตะสละราชสมบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ ซึ่ง เดวิน สจ็วด ผู้เชี่ยชาญเรื่องญี่ปุ่นสมัยใหม่จากคาร์เนกีเคาซิลระบุว่าผลโพลล์เช่นนี้แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างของสังคมญี่ปุ่น จากการที่สังคมญี่ปุ่นเริ่มมีความยืดหยุ่นและเป็นปัจเจกชนมากขึ้นจากเดิมที่เป็นสังคมประเพณีนิยม แต่ในทางตรงกันข้ามการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาควรจะใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้นรวมถึงใช้เวลากับงานอดิเรกและการพักผ่อนกับการรักษาสุขภาพมากขึ้นด้วย

ภายใต้กฎหมายปัจจุบันจักรพรรดิอะกิฮิโตะจะต้องดำรงตำแหน่งอยู่จนกระทั่งเสด็จสวรรคตและข้อจำกัดจากรัฐธรรมนูญหมายความว่าพระองค์จะไม่สามารถเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงกฎนี้ได้ จึงได้แต่ดำรัสไว้เป็นนัยๆ

"หลังจากที่องค์จักรพรรดิต้องทรงงานและทรงต่อสู้กับโรคภัยกับความโรยราของพระวรกาย พระองค์ถึงทรงขอให้เมตตาและเห็นแก่ตัวพระองค์กับครอบครัวของพระองค์เผด็จการที่โหดร้ายคนใดเล่าที่จะปฏิเสธไม่ให้พระองค์ได้ทรงพักผ่อนละทรงเกษียณจากงานเพื่อตัวพระองค์เองและครอบครัวของพระองค์" อเดลสไตน์ระบุ

อย่างไรก็ตามอเดลสไตน์ระบุว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ยากในรัฐบาลของชินโซ อาเบะ เนื่องจากรัฐบาลนี้มีความต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจจะจำกัดเสรีภาพพลเมือง และการแก้ไขกฎเกณฑ์เรื่องการสละราชสมบัติของพระจักรพรรดิญี่ปุ่นก็อาจจะขัดขวางความต้องการแก้รัฐธรรมนูญของอาเบะได้

 

เรียบเรียงจาก

Only a cruel despot would stop Japan’s emperor retiring, The Guardian, 11-08-2016 https://www.theguardian.com/commentisfree/2016/aug/11/japanese-emperor-akihito-has-feelings-too

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท