Skip to main content
sharethis

15 ส.ค. 2559 ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า พ.ท.อณิวัชร์ นิ่มศิริ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษกองกำลังรักษาความปลอดภัยจังหวัดนครสวรรค์ ร.ต.อ.อรรฆพันธ์ บัวสำลี สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ เข้าควบคุมตัว วรกรณ์ สุชาตตระกูล อายุ 37 ปี ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง อ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมทั้งตรวจค้นบริเวณบ้านพัก หลังจากได้รับแจ้งจากประชาชนว่า วรกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊กว่าพบระเบิดจำนวน 6 ลูกในห้างดังใกล้สะพานเดชาติวงศ์ ส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวขึ้น จึงได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว พบว่าไม่มีเหตุการณ์พบระเบิดแต่อย่างใดตามที่เฟซบุ๊กโพสต์เตือนไว้

ทั้งนี้ผู้โพสต์เฟซบุ๊กได้เตือนว่าพบระเบิดดังกล่าว และได้ทราบชื่อจริงคือ นายวรกรณ์ สุชาตตระกูล ได้ทำการโพสต์เฟซบุ๊กด้วยข้อความว่า "เชิงลึก เมืองสี่แควมีคนใจชั่ว เตรียม...งดไปในที่...เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ค้นเจอ...6 ลูก วันนี้ 16.35 น. ก่อนจะลงมือทำชั่ว" ซึ่งข้อความดังกล่าวให้เผยแพร่ออกไปจนทำให้ประชาชนที่เข้ามาอ่านข้อความเกิดความตื่นกลัวเป็นอย่างมาก

จากการตรวจสอบภายในบ้านพัก วรกรณ์ พบอาวุธปืนยาว บีบีกัน จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 32 นัด แม็กกาซีนบรรจุเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 4 อัน ใบอนุญาตพกอาวุธปืน 1 ใบ วิทยุสื่อสารราชการ จำนวน 1 เครื่อง พร้อมมีดพกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ไม่พบอาวุธปืนขนาด 9 มม.

วรกรณ์ ให้การว่า ได้นำปืนขนาด 9 มม. ไปจำนำไว้กับพี่ชาย ส่วนเรื่องระเบิดที่โพสต์ลงไปในเฟซบุ๊กนั้น ตนเองได้ทราบข่าวมาจากเพื่อนที่เป็นข้าราชการ คิดว่าเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ จึงได้โพสต์ข้อความดังกล่าวลงไป โดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนเองมีเจตนาดี ไม่ได้คิดที่จะทำการป่วนให้เกิดสถานการณ์วุ่นวายแต่อย่างใด จึงอยากขอโทษที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับ วรกรณ์ ในข้อกล่าวหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 นำเข้าคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. รายงานด้วยว่า พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า เป็นการกระทำด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายผู้อื่น เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหาความผิด  พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 นำเข้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net