Skip to main content
sharethis

ศาลให้ประกัน 15 คน โดนพ่อค้าร้านของเก่าโดนอายัดตัวต่อคดีอาวุธ ทนายระบุไม่มีความเชื่อมโยงเหตุระเบิดหลายจุดภาคใต้ แค่คนแก่ตั้งกลุ่มพูดคุย ผบ.ตร.เผยได้เบาะแสคนร้ายก่อเหตุระเบิด คาดเป็นคนรุ่นใหม่ฝึกมาโดยเฉพาะ

ตำรวจกองปราบอายัดและควบคุมตัวนายสรศักดิ์ ดิษปรีชา ในคดีอาวุธ หลังศาลทหารให้ประกันคดีอั้งยี่

23 ส.ค.2559 ช่วงเย็นถึงค่ำที่ผ่านมาญาติบางส่วนของผู้ต้องหา 15 คน ได้รับมารอรับตัวผู้ต้องหาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง หลังจากเมื่อเวลา 14.00 น. ศาลทหารกรุงเทพอนุญาตให้ประกันตัวทั้งหมด โดยทีมทนายความได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวในวงเงินคนละ 1 แสนบาท โดยใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 1 ล้านบาทและเงินสดอีก 5 แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 19.15 น. มีการปล่อยตัวนายสรศักดิ์ ดิษปรีชา ออกมาก่อนเป็นคนแรก จากนั้นตำรวจจากกองปราบฯ ได้อายัดตัวเขาไว้ในคดีอาวุธและควบคุมตัวออกจากเรือนจำทันที ในขณะที่อีก 14 คนยังไม่ถูกปล่อยตัว

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 15 คนถูกทยอยจับกุมตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.หลังเกิดเหตุระเบิดหลายจุดในหลายจังหวัดภาคใต้ จากนั้นพวกเขาถูกควบคุมตัวใน มทบ.11 หลายวันก่อนมีการนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อหาความผิดตามมาตรา 209 อั้งยี่ซ่องโจร และฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน จากกรณีติดต่อกันเป็นขบวนการต่อต้านรัฐบาลและก่อตั้งพรรคแนวร่วมปฏิวัติเพื่อประาชาธิปไตย (นปป.) โดยตำรวจระบุว่าไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดตามที่นายทหารพระธรรมนูญได้มาแจ้งความดำเนินคดีก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

วิญญัติ ชาติมนตรี และธนเดช พ่วงพูล ทนายความจากสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ระบุว่า ศาลทหารอนุญาตให้ประกันโดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง และห้ามแสดงความคิดเห็นทางการเมือง นอกจากนี้ศาลยังมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ และ ร.ต.ต.หญิง วิไลวรรณ คูณสวัสดิ์ ซึ่งถูกออกหมายจับพร้อมกับผู้ต้องหาทั้ง 15 รายด้วย หลังจากที่ทนายความส่วนตัวได้มายื่นขอถอนหมายจับต่อตุลาการศาลทหาร เนื่องจากไม่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน แต่อาจจะเป็นแค่มีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาในคดีขอนแก่นโมเดล ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นว่าหน่วยข่าวหรือเจ้าหน้าที่รัฐเพียงแค่เกิดความระแวงสงสัยก็นำประชาชนไปเป็นผู้ต้องหา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล ตนไม่อยากให้เกิดความกังวลแบบนี้ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะถือเป็นการใช้อำนาจที่ค่อนข้างอันตราย

ด้านนายธนเดช กล่าวว่า จากแนวทางการสอบสวนไม่สามารถนำเรื่องระเบิดหลายจุดในภาคใต้มาเชื่อมโยงกันได้ ดังนั้นคิดว่าคดีนี้ไม่น่าจะแจ้งข้อกล่าวหาคดีระเบิดต่อผู้ต้องหาทั้ง 15 คน เพราะแต่ละคนอยู่ในช่วงสูงวัย การที่พวกเขาไปพบปะกันก็เป็นไปในลักษณะของสภากาแฟแลกเปลี่ยนความเห็นในลักษณะของผู้สูงอายุ ส่วนประเด็นครอบครองอาวุธสงครามนั้นมี 1 รายเป็นพ่อค้ารับซื้อของเก่าเขารับซื้อของเก่าแล้วพบอาวุธสงครามจากนั้นเขาก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ แต่เจ้าหน้าที่กลับแจ้งข้อกล่าวหาครอบครองอาวุธ


ภาพจาก Voice TV


ภาพจากเพจ Banrasdr Photo

ล่าสุดเวลาประมาณ 20.30 น. เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้ปล่อยตัวผู้ต้องหา 12 คนแล้ว ขณะที่ผุ้ต้องหาหญิง 2 คนยังไม่ได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถานหญิงกลาง

จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.30 น. ผู้ต้องหาหญิง 2 คนจึงได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถานหญิงกลาง

ผู้ต้องหาทั้ง 15 รายประกอบด้วย ด.ต.ศิริรัตน์ มโนรัตน์ อายุ 71 ปี ชาว จ.พัทลุง, นายวีระชัฏฐ์ จันทร์สะอาด อายุ 62 ปี ชาว จ.นนทบุรี, นายประพาส โรจนพิทักษ์ อายุ 67 ปี ชาว จ.ตรัง, นายปราโมทย์ สังหาญ อายุ 63 ปี ชาว จ.สตูล, นายสรศักดิ์ ดิษปรีชา อายุ 49 ปี ชาว กทม., น.ส.มีนา แสงศรี อายุ 39 ปี ชาว กทม., นายศิริฐาโรจน์ จินดา อายุ 56 ปี ชาว จ.หนองคาย, นายชินวร ทิพย์นวล อายุ 71 ปี ชาว จ.เชียงราย, นายณรงค์ ผดุงศักดิ์ อายุ 60 ปี ชาว จ.อ่างทอง, นายศรวัชษ์ กุระจินดา อายุ 60 ปี ชาว จ.มหาสารคาม, นายเหนือไพร เซ็นกลาง อายุ 41 ปี, นายวิเชียร เจียมสวัสดิ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช, นายบุญภพ เวียงสมุทร อายุ 61 ปี ชาว จ.เชียงราย, น.ส.รุจิยา เสาสมภพ อายุ 52 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด, นายวิโรจน์ ยอดเจริญ อายุ 67 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช

ขณะที่เว็บไซต์หนังสือพิมพ์บ้านเมืองระบุว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดหลายจุดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าการสืบสวนนับตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคมเป็นต้นมามีความคืบหน้าไปมากจนทราบขั้นตอน วิธีการ และจุดรวมตัวของผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้วซึ่งต้องทำด้วยความรอบคอบ ทั้งการเดินทางมาและเดินทางกลับหลังจากเสร็จภารกิจ ทราบแล้วว่าแผนประทุษกรรมของคนร้ายเป็นอย่างไร น่าเชื่อว่าจะมีผู้ร่วมขบวนการ 20 คนขึ้นไป โดยวิธีการผิดแปลกไป ครั้งนี้การก่อเหตุพยามปกปิดใบหน้า ใส่กางเกงขาสั้นคล้ายนักท่องเที่ยวเพื่ออำพรางตัวเอง โดยปกติแล้วการแต่งกายต้องเป็นไปตามวัฒนธรรมของตัวเอง ขณะนี้ออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุเพียง 1 ราย คือ นายอาหะมะ เลงหะ ชาว จ.นราธิวาส จากกรณีวางระเบิดที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต

ผบ.ตร.กล่าวว่า ส่วนประเด็นการก่อเหตุยังไม่ตัดทิ้ง ทั้งเรื่องการลงเสียงประชามติ การสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ การขยายพื้นที่ของแนวร่วมก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรืออาจจะมาทำงานแบบรับจ้างเฉพาะกิจก็อาจจะเป็นไปได้ เบื้องต้นในทางสืบสวนหน้าที่รู้ตัวแล้วว่ามีคนร้ายมากกว่า 20 คน ส่วนหนึ่งมีหมายจับ มีประวัติก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
 
“แต่ตั้งข้อสังเกตว่าการก่อเหตุครั้งนี้เป็นคนลงมือจากคนรุ่นใหม่ หลายคนไม่เคยมีประวัติมาก่อน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นการกระทำของกลุ่มใด เพราะยังไม่มีการประกาศตัวอย่างชัดเจน แต่คนรุ่นเก่าก็อาจจะมีส่วนร่วมในการสนับสนุน เพราะดูจากแผนประทุษกรรมแล้วแทบจะเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งทางการสืบสวนค่อนข้างลำบาก แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานอยู่ทั้ง 20 กว่าคน เชื่อว่าทั้งหมดผ่านการฝึกฝนก่อนที่จะมาก่อเหตุ" ผบ.ตร.กล่าว
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net